“ที่ DEAN & DELUCA เราต้องการที่จะแชร์ร่วมกับคุณ ความรักที่เรามีต่ออาหารที่มีคุณภาพชั้นดีอย่างหาเปรียบที่ไหนไม่ได้ ภารกิจของเรากว่า 35 ปี ที่ผ่านมา คือการค้นหาและนำเสนอหลากหลายตัวเลือกในการทำอาหาร การกิน และความบันเทิงที่ดีที่สุดในโลกเพื่อคุณโดยเฉพาะ”
พบกันเป็นครั้งสุดท้ายส่งท้ายปี 2014 กับคอลัมน์ Chillax ซึ่งในวันนี้เราขอพาทุกคนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ Gourmet Market และคาเฟ่สไตล์นิวยอร์กให้เข้ากับบรรยากาศหน้าหนาวและเทศกาลคริสต์มาสเสียหน่อย กับร้าน “DEAN & DELUCA” สาขามหานคร คิวบ์ (Mahanakhon Cube) ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นแหล่งฮอตสปอตของชาวแบงคอกเคียนหลายคนอยู่แน่ๆ เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของใครก็ตามที่เอ็นจอยการกินและทำอาหารได้ไม่ยาก เพราะมีครบทุกอย่างที่คุณปรารถนา ทั้งอาหารสไตล์ตะวันตกแท้ๆที่มีให้เลือกทานอย่างหลากหลาย วัตถุดิบชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกให้คนที่ชอบทำอาหารได้เลือกซื้อกันสนุกมือ รวมทั้งบรรยากาศสบายๆมีความเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การมานั่งกินดื่มกับเพื่อนๆหรือคนเดียวก็ยังได้ ซึ่งใครที่มาที่นี่เชื่อว่าน่าจะชอบกันทั้งนั้น รวมถึงเราด้วยเช่นกัน ที่เมื่อลองไปครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจในคุณภาพของอาหาร และสินค้าระดับพรีเมียมที่มีให้เลือกซื้อ เลือกช้อปกันละลานตาจนลืมเวลากันไปเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาที่นี่ วันนี้คุณจะได้มาสัมผัสถึงความพิเศษของ DEAN & DELUCA ที่พร้อมมอบประสบการณ์การกิน ดื่ม ช้อป ให้คุณรู้สึกฟินจนอดมาอุดหนุนอีกหลายๆรอบไม่ได้เลยล่ะ
DEAN & DELUCA มีจุดเริ่มต้นขึ้นในปี 1977 จากไอเดียของ Joel Dean และ Giorgio Deluca ที่อยากจะสร้างร้านที่ทุกคนสามารถมาเลือกกิน ดื่ม เสพสุขรสชาติความหลากหลายของอาหารและวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ใจกลางย่าน Soho ในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันได้ขยายสาขากลายเป็นธุรกิจ Gourmet Market ขนาดยักษ์ไปยังเมืองต่างๆมากมาย ทั้งในโตเกียว โซล สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง รวมถึงในกรุงเทพฯ ที่มีมากถึง 4 สาขาด้วยกัน ซึ่งที่ตึกมหานคร คิวบ์แห่งนี้ยังถือเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
เมื่อเข้ามาจากประตูที่เป็น main entrance ก็จะพบกับโซน Gourmet Market ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตร มีวัตถุดิบชั้นดีวางขายอย่างเป็นระเบียบสวยงามอยู่เรียงรายเต็มไปหมด ความพิเศษของวัตถุดิบที่นี่ก็คือไม่ได้เพียงแต่ผ่านการคัดเลือกมาจากฝั่งอเมริกาหรืออังกฤษเท่านั้น แต่วัตถุดิบจากประเทศไหนที่มีคุณภาพชั้นเลิศ ทาง DEAN & DELUCA ก็จะคัดมาวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน มีทั้งของแบรนด์นอกและแบรนด์ของทางร้านเอง ตั้งแต่ ซอส salsa หลากรสจาก “The Brooklyn Salsa Company” ประเทศอเมริกา, แยมออร์แกนิคมีให้เลือก 3 รส จาก “Oregon Growers & Shippers Jam”, น้ำผึ้งที่ทำจากฝักของต้น Acacia ให้รสที่มีกลิ่นของดอกไม้และกลิ่นวานิลา จาก “Wilkin & Sons Acacia Honey” ประเทศอังกฤษ, พีนัทบัตเตอร์หลากหลายยี่ห้อจากทั่วโลก, พาสต้าโฮมเมด, ชา, เมล็ดกาแฟ, เมเปิ้ลไซรัป, ซอสมัสตาร์ด, เกลือชนิดต่างๆ น้ำมันมะกอกจาก “Ritz Escoffier” ประเทศฝรั่งเศส ไปจนถึงไวน์ที่มีของทั้งยี่ห้อจากต่างประเทศและของทาง DEAN & DELUCA เอง นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบจากฝั่งเอเชีย อาทิซอสโชยุจากประเทศญี่ปุ่น และซอสพริกของ DEAN & DELUCA รสชาติแบบไทยๆที่มีการส่งออกไปยังสาขาอื่นๆในเอเชีย เรียกได้ว่าใครที่รักการทำอาหาร โดยเฉพาะสไตล์ตะวันตก มาที่นี่จะเกิดอาการฟินกันถ้วนหน้า เพราะมีวัตถุดิบทุกอย่างที่คุณต้องการอย่างครบครันจริงๆ
ส่วนอีกโซนที่ถัดออกมาหน่อย ใกล้ๆกับโซน Gourmet Market คือโซนขายพวกขนมนมเนย ที่ตอนนี้จัดเป็นธีมคริสต์มาส เหมาะแก่การซื้อเป็นของขวัญน่ารักๆ มีทั้งชุดคุ๊กกี้จาก “Churchill’s” ประเทศอังกฤษ, อมยิ้มและแคนดี้เคนหลากสีสัน, ช็อกโกแลตแสนน่ารักจาก “Charbonnel et Walker” ที่ DEAN & DELUCA นำเข้ามาสำหรับเทศกาลคริสต์มาสโดยเฉพาะจากประเทศอังกฤษ, คริสต์มาสคุกกี้ และมาการองหลากรสหลากสีสันเป็นต้น อีกทั้งยังมี Gift Hampers หรือชุดของขวัญปีใหม่หลากหลายชุดและสไตล์การจัดวางที่ไม่เหมือนใคร ให้คุณได้เลือกสั่งอย่างเต็มที่เพื่อครอบครัวและคนพิเศษ รับรองว่าถ้าคุณได้เห็นของแต่ละอย่างในโซนนี้ คุณจะรู้สึกอารมณ์ดี และเพลิดเพลินไปกับการช้อป จนมารู้ตัวอีกทีอาจซื้อของติดไม้ติดมือมากกว่าที่ตั้งใจ เพราะของแต่ละอย่างนั้นมีแพ็กเกจจิ้งที่พิเศษ และสวยงามไม่เหมือนใครเลยจริงๆ
คราวนี้มาพูดถึงโซนอาหารและเครื่องดื่มกันบ้างดีกว่า หลักๆแล้วที่นี่จะมีโซนอาหารทั้งหมด 5 โซนด้วยกัน โดยจะเป็นในลักษณะของ self-service ที่เราสามารถเดินไปสั่ง มีเบอร์สั่งซื้อ แล้วจะมีพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เริ่มกันที่โซน “Prepared Food” ที่จะเป็นแบบครัวเปิด โดยเน้นไปที่อาหารคาว สไตล์ delicatessen หรืออาหารสำเร็จรูป อาทิ Lamb Leg Roast (195 บาท/100 แกรม), Lasagna (250 บาท/พอร์ชั่น), Wagyu Beef Meatloaf (250 บาท/พอร์ชั่น), Mane Lobster (1,295 บาท/ชิ้น), Whole Deep Fried American Turkey Set (2,995 บาท/เซ็ต), Herb Poached Salmon (160 บาท/100 แกรม), แซนด์วิชไส้ต่างๆ สลัด และพาสต้า ต่อด้วยโซน “Cheese & Charcuterie” ที่จำหน่ายออร์แกนิคชีส รวมถึงแฮม ไส้กรอก เบคอน และเนื้อหมูอื่นๆระดับพรีเมียม ส่วนโซนที่สามเป็นโซน “Bakery Counter” ที่เต็มไปด้วยขนมปังอบใหม่ และเพสตรีหน้าตาน่ารับประทาน อาทิ Cinnamon Swirl (85 บาท), Raspberry Muffin with Ricotta (65 บาท), Almond Croissant (75 บาท), Double Chocolate Muffin (65 บาท) และ French Chocolate Brownie (85 บาท) ต่อด้วยโซนที่สี่กับโซน “Pizza Bar” ที่มีพิซซ่าหน้าต่างๆผ่านการอบจากเตาหิน และโซนสุดท้ายกับโซน “Espresso Bar” ที่มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้อน กาแฟเย็น เฟรปเป้ สมูทตี้ มิล์คเชค หรือนิวยอร์กโซดาเป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ครบเครื่องเรื่องอาหารตะวันตกจริงๆ สังเกตได้ว่าที่นี่แทบจะไม่มีอาหารไทยหรืออาหารเอเชียอยู่เลย นอกจากว่าจะตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆอย่างตรุษจีน หรือสงกรานต์ ที่จะมีอาหารจีนและอาหารไทยเสิร์ฟให้พิเศษ
ที่ Dean & Deluca สาขามหานคร คิว์บ นี้จะมีที่นั่งทานอาหารทั้งชั้นล่างและชั้นบน ส่วนที่เป็นด้านล่างนั้น จะมีโต๊ะสูงสไตล์บาร์เทเบิ้ลให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารบริเวณใกล้ๆโซน Prepared Food และริมหน้าต่างลึกเข้าไปทางด้านหลังของร้าน กับโซนที่นั่งโต๊ะเล็ก หรือ full table ประมาณสิบกว่าโต๊ะบริเวณโซน Espresso Bar เป็นที่น่าสังเกตว่า ลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะนิยมนั่งกันตรงส่วนที่เป็นโต๊ะบาร์เทเบิ้ล พูดคุย กิน ดื่มกันแป๊ปๆแล้วก็ลุก สไตล์ grab and go ในขณะที่ลูกค้าคนไทย จะนิยมนั่งตรงส่วนที่เป็น full table ค่อยๆนั่งทานอาหารอย่างไม่เร่งรีบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า DEAN & DELUCA ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าทั้งสองกลุ่มอย่างชัดเจน ส่วนในเรื่องของการตกแต่งนั้น ทาง DEAN & DELUCA จะใช้หินอ่อนสีขาวดูสะอาดตา มีความทันสมัย เรียบง่าย เน้นความโปร่งสบาย ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านทุกสาขา แต่ความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาของ DEAN & DELUCA สาขามหานคร คิวบ์ ก็คือที่นี่จะมีชั้นบน ที่เป็นโซนร้านอาหารชื่อว่า The Mezzanine ที่ตกแต่งในโทนขรึม เน้นโทนสีน้ำตาลเข้ม แสงไฟหรี่ๆ มีไวน์บาร์ ดูโก้ หรู มีความเป็นทางการขึ้นมานิดหนึ่ง เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารหรือนั่งจิบไวน์ชิลล์ๆแบบเป็นส่วนตัว
สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มแนะนำที่ทาง Dean & Deluca ภูมิใจนำเสนอนั้น เราขอเริ่มที่เมนูเครื่องดื่มกันก่อน ซึ่งที่นี่จะมีให้เลือกถึงสามขนาด ตั้งแต่ไซส์ เล็ก/กลาง/ใหญ่ สำหรับเครื่องดื่มที่เรามีโอกาสได้ลองชิมก็คือ “Chocochino” (150 บาท ขนาดเล็ก) ที่มีส่วนผสมของฮอตช็อกโกแลต, ซอสช็อกโกแลตสูตรของ DEAN & DELUCA, เฮเซลนัทไซรัป, วิปครีม และมาร์ชเมลโล่ หน้าตาน่ารัก น่ารับประทานมากๆ รสชาติอันเข้มข้นของฮอตช็อกโกแลตข้างไต้นั้น ตัดกันได้ดีกับความมันของวิปครีม ยิ่งตบท้ายด้วยมาร์ชเมลโล่เหนียวนุ่ม ทำให้แก้วนี้ดื่มแล้ว รู้สึกอบอุ่น มีความสุข เป็น Christmas in a cup ที่เพอร์เฟคต์จริงๆ ต่อด้วย “Very Strawberry” (145 บาท ขนาดกลาง) มิลค์เชคที่มีส่วนผสมของ สตรอว์เบอร์รี่ เจลาโต้, สตรอว์เบอร์รี่ พูเร, นม และวิปครีม เป็นแก้วที่คนไม่ค่อยชอบทานหวานน่าจะถูกใจ แก้วนี้ต้องบอกว่าเป็นแก้วที่ลงตัวมากๆสำหรับเรา เพราะตัวสตรอว์เบอร์รี่ พูเร มีความเหนียวข้นกำลังพอดี และไม่หวานจนเกินไป อีกทั้งรสชาติยังเข้ากันได้ดีกับก้อนวิปครีมฟูฟ่องตรงชั้นบน ดื่มแล้วจะติดใจในความหอมมันของแก้วนี้ จนดื่มเพลินวางไม่ลงเลยทีเดียว ส่วนแก้วสุดท้ายที่ได้ลองคือ “New York Mixed Berry Soda” (100 บาท ขนาดกลาง) ซึ่งอร่อยซาบซ่าชุ่มคอดีเหลือเกิน มีน้ำแข็งรสมิ้นท์ใส่แก้วร่วมด้วย ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ อีกทั้งยังได้ใส่ตัวผลเบอร์รี่สดลูกเล็กๆรวมอยู่ด้วย ถือว่าได้ดื่มทั้งน้ำ และกินผลไม้สดคุณภาพดีภายในแก้วเดียว
คราวนี้ก็มาถึงคิวของอาหารแต่ละจานกันบ้าง เริ่มกันที่ “Beer Battered Halibut & Chips” (495 บาท) กับเนื้อปลา Halibut ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในทะเลน้ำเย็น ดังนั้นเนื้อปลาจึงมีเนื้อนุ่มเนื่องจากไขมันเยอะ ยิ่งบวกกับเนื้อแป้งกรุบกรอบที่ผสมเบียร์ลงไปด้วย ทำให้ตัวปลากรอบนอกนุ่มใน จะให้อร่อยยิ่งขึ้นก็ต้องอย่าลืมบีบมะนาว และจิ้มทาร์ทาร์ซอส สรุปแล้วจานนี้ถือว่าได้คะแนนเต็มจากเรา เพราะสามารถคงรสชาติความอร่อยของ fish n’ chips แบบอังกฤษสไตล์ดั้งเดิมได้อย่างครบครัน ต่อมาเป็น “Smoked Salmon Egg Benedict” (350 บาท) ที่ใช้ปลาแซลมอนส่งตรงจากประเทศสก็อตแลนด์ เป็น egg benedict ที่มีรสชาติดีมาก โพชเอ้กถูกลวกกำลังพอดี ไข่ฟองใหญ่ จิ้มแล้วไข่แดงเยิ้มทะลักออกมาทันที ด้านในมีผักโขม และเนื้อแซลมอนรมควัน เนื้อปลารสชาติไม่คาว นุ่มลิ้น เข้ากันได้ดีกับมัฟฟินนุ่มๆ ราดซอสฮอลลองแดสตบท้าย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง โดยรวมเป็นจานที่มีรสชาติมันๆเค็มๆแบบพอดี เหมาะแก่การกินเป็นอาหารเช้า หรือบรั้นช์เบาๆ เชื่อว่าน่าจะถูกปากคนไทยได้ไม่ยาก ต่อด้วย “Chicken Shawarma” (250 บาท) เมนูไก่แวร๊ปสไตล์อาหรับ ที่อัดแน่นไปด้วยไก่ย่าง, มะเขือเทศ, ผักกาดหอม, หัวหอม, เครื่องเทศ, ผักชี, ราดด้วยซอส tahini และแวร๊ปด้วยแป้งทอร์ทิลลาหนานุ่ม รสชาติของไก่ย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวกับตัวซอส อีกทั้งตอนกัดเข้าไปจะมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศมาแตะจมูกอีกด้วย เป็นเมนูที่ให้ความรู้สึกเฟรช และแปลกใหม่ แต่ถ้าใครอยากทานอะไรที่ง่ายๆลงมาหน่อย แนะนำให้ลองทาน “Ribeye & Mushroom Focaccia” (250 บาท) แซนด์วิชชิ้นโต ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อริบอาย-สเต็กหั่นเป็นชิ้นๆ, เห็ด, เบคอน, บรีชีส, เอมเมนทัล (เนยแข็งสุก), มะเขือเทศ, ไธม์, กระเทียม, น้ำสลัดซีซาร์ และเห็ด focaccia กัดเข้าไปคำแรกจะรู้สึกถึงหลากหลายรสชาติที่ระเบิดออกมา บวกกับเนื้อขนมปังหนานุ่ม ไม่ร่วน เชื่อว่าใครที่ชอบทานแซนด์วิชได้ลองทานแซนด์วิชสูตรนี้เข้าไปเป็นต้องติดใจ ส่วนเมนูสุดท้ายสำหรับอาหารคาว คือ “Hawaiin Pizza” (95 บาทต่อชิ้น) ที่เสิร์ฟมาเป็นสไลซ์ชิ้นใหญ่ ตัวพิซซ่านั้นถูกอบมาได้บางกรอบ และหอมชีสมากๆ
ตบท้ายด้วยของหวานกับ “New York Cheese Cake” (145 บาท) และ “Santa Hat Brownie” (95 บาท) ซึ่งตัวนิวยอร์กชีสเค้กนี้เป็นอะไรที่ถูกใจเรามากๆ เพราะไม่เคยทานชีสเค้กที่ไหนที่มีเนื้อครีมเหนียวแน่นเป็นเนื้อเดียวขนาดนี้มาก่อน แถมรสชาติยังหอมละมุนลิ้นเป็นที่สุด ยิ่งบวกกับเบสแคร็กเกอร์ด้านล่างอันกรุบกรอบ ถือว่าเป็นอะไรที่สุดจริงๆสำหรับเรา ส่วนตัวแซนต้าแฮตบราว์นี่ เมนูขนมพิเศษสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ก็โดดเด่นด้วยลูกสตรอว์เบอร์รี่สดกรอบ ส่วนเนื้อบราว์นี่ก็มีความเหนียวชื้นกำลังพอดี รสชาติเข้มข้น ตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่ได้กำลังอร่อยเลย
โดยรวมแล้ว ความประทับใจที่เรามีต่อ DEAN & DELUCA คือคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหาร ทุกเมนูทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่ได้ลองชิม สามารถสัมผัสได้ทันทีว่า ที่นี่เขาใช้ของที่มีคุณภาพระดับเกรดเอจริงๆ ทุกอย่างมีความสดและใหม่ เรื่องรสชาติและขนาดของแต่ละจาน ก็ถือเป็นอะไรที่ออเธนทิค ตามแบบฉบับการกินดื่มของชาวต่างชาติจริงๆ (แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทานไม่หมด เพราะคุณสามารถสั่งให้ห่อกลับอาหารที่เหลือเป็น takeaway กลับบ้านได้) เพราะฉะนั้นเรื่องของราคาถือว่าสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของอาหารแต่ละจาน ส่วนโซน Gourmet Market ก็มีความพิเศษไม่แพ้กัน เพราะสินค้าแต่ละอย่างที่คัดมาจำหน่ายถือว่าหาซื้อที่อื่นไม่ได้แล้วนอกจากที่นี่ ที่สำคัญมีทุกอย่างที่คนรักการทำอาหารต้องการ อีกทั้งทุกอย่างถูกจัดวางและมีแพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม ทำให้สามารถเดินช้อป ดูนู่น ดูนี่ ได้อย่างเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และมีความสุข ไม่ว่าคุณจะแค่แวะมาซื้อของกลับบ้านชิลล์ๆในช่วงวันหยุด มานั่งทานอาหารหลังเลิกงาน หรือเลือกซื้อของขวัญพิเศษให้กับคนพิเศษ DEAN & DELUCA ถือเป็นคูนย์รวมความสุข แห่งการกิน ดื่ม ช้อป และสังสรรค์ของชาวกรุงเทพฯรุ่นใหม่ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
ตั้งอยู่ที่: โครงการ Mahanakhon Cube ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ติด BTS ช่องนนทรี ทางออก 3)
เปิดทุกวัน เวลา: 07.00 น. – 23.00 น.
Website: https://www.facebook.com/ddbkk
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
Zoe Wees นักร้องสาวจากเมืองฮัมบวร์ค วัย 18 ปี ที่เติบโตมาพร้อมกับโรคร้ายในวัยเด็กและต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวในการสูญเสียการควบคุมร่างกายของเธอเอง วันนี้เธอต่างได้รับการยกย่องด้านความสามารถในการเปล่งเสียงร้องและการแต่งเพลงที่น่าดึงดูดและมีพลัง หลังจากเปิดตัวด้วยซิงเกิลแรก “Control”