คงไม่ต้องบอกว่าดวงตามีความสำคัญแค่ไหน หากไม่นับตอนนอนหลับเราแทบจะต้องใช้สายตาตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิจกรรมใดๆ ยิ่งไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องเจอทั้งแสงจากแดด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือกระทั่งการใช้ชีวิตในบ้าน ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามและไม่รู้ว่าไลฟ์สไตล์เหล่านี้สามารถส่งผลเสียต่อสายตาของเรา
Outdoor Walking – แสงแดดจ้าจากท้องถนน
สำหรับประเทศไทยที่เหมือนเป็นฤดูร้อนตลอดปี แสงแดดดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ การเผชิญกับแสงแดดมีทั้งอันตรายจาก UV rays หรือรังสียูวีที่ไม่เพียงแค่ทำร้ายผิวหนังแต่ยังส่งผลต่อดวงตาของเรา เพราะการได้รับรังสียูวีในความเข้มสูงอาจส่งผลให้เกิดกระจกตาอักเสบและระยะยาวอาจจะเกิดเป็นต้อลม ต้อกระจกได้ด้วย นอกจากนี้หากใช้สายตาท่ามกลางแสงแดดจ้าเป็นเวลานานๆ อาจทำให้รู้สึกตาล้าหรือสายตาพร่ามัวจากแสงสว่างที่มากเกินไป การใช้แว่นกันแดดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะนอกจากจะช่วยกันแสง UV ยังสามารถป้องกันความจ้าของแสงแดด และป้องกันมลภาวะต่างๆ ที่จะมากระทบกับดวงตาเราได้อีกด้วย
Driving Heat – แสงสะท้อนมากมายจากการขับรถ
ดวงตาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการการขับรถ ไม่เพียงแค่เราต้องใช้สายตาจดจ่อกับหนทางข้างหน้า แต่ยังต้องเจอกับแสงสะท้อนจากแดดในช่วงกลางวัน และแสงสะท้อนจากไฟจราจรเมื่อเราขับรถตอนกลางคืน ซึ่งแสงสะท้อนนี้อาจทำให้เรารู้สึกมึนหัวหรือเมื่อยล้าดวงตาถ้าเรามองวัตถุเป็นเวลานานๆ ความล้าเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการมองของเราในอนาคตได้ด้วย
หากเกิดอาหารตาล้า สายตาพร่ามัวหรือเริ่มเห็นภาพไม่ชัดจากการใช้สายตาท่ามกลางแสงแดดจ้าเป็นเวลานานๆ แล้ว ควรพักสายตาเป็นระยะด้วยการหลับตาให้แน่นแล้วคลายออก กระพริบตาถี่ๆ หรือกรอกตาเป็นวงกลมต่อเนื่องประมาณ 1 นาทีก็สามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตาเป็นเวลานานได้เช่นกัน
Everyday Working – ปัญหาสุขภาพที่ต้องใส่ใจของวัยทำงาน
ตาล้าไม่ได้เกิดขึ้นจากแสงแดดและแสงสะท้อนตอนขับรถเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาสุขภาพที่เราเจอได้ในเวลางาน เพราะการต้องใช้สายตาเพ่งข้อมูลอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา และบางครั้งที่เราอยู่ในบรรยากาศการทำงานที่แสงมีระดับความเข้มไม่เหมาะสม ทำให้เราเกิดอาการตาล้า ปวดตา และปวดศีรษะ เป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม และยังเป็นการกระตุ้นให้จอประสาทตาเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย เมื่อเริ่มเกิดอาการตาล้าก็อย่าลืมพักสายตา กระพริบตาเป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น หรือละสายตามองสิ่งอื่น รวมถึงมองไปในที่ที่มีสีเขียว ก็สามารถเพิ่มความผ่อนคลายให้กับสายตาของเราได้
Smart Phone – อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ของคนยุคใหม่
อีกหนึ่งอันตรายที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ก็คือ Blue Light หรือแสงสีฟ้า ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการหลั่งสารเมลาโทนิน ซึ่งมีผลต่อดวงตาและจะส่งผลเสียต่อการนอนหลับ โดนเฉพาะอย่างยิ่งแสงสีฟ้าจากสมาร์ทโฟนที่แทบจะเป็นอวัยวะที่ 33 การใช้งานสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ยิ่งในช่วงกลางคืนที่อาจทำให้ร่างกายเราสับสนว่าแสงที่ปล่อยออกมานั้น เป็นแสงแดดจากเวลากลางวันหรือไม่ ซึ่งนั้นเองที่ส่งผลต่อการนอนหลับของเรา ซึ่งควรป้องกันปัญหาแต่เนิ่นๆ ด้วยการใช้โทรศัพท์ ปรับไฟหน้าจอให้เหมาะสม และไม่ใช้ Smart Phone ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป
Reading Light– แสงสว่างที่ปลอดภัยในการอ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อสายตาได้หากเราไม่อ่านในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการอ่านหนังสือคือแสงสว่างที่พอดี ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป เพราะแสงที่น้อยเกินไปก็อาจทำให้ม่านตาของเราต้องขยายเพื่อเปิดรับแสงเยอะขึ้น ทำให้คนที่อ่านหนังสือหรือใช้สายตาในที่แสงน้อยก็จะมีอาการปวดตาเพราะกล้ามเนื้อม่านตาต้องทำงานหนัก แต่ถ้าหากแสงสว่างเกินไปก็จะเกิดแสงสะท้อนกลับมาซึ่งอาจจะเกิดอาการมึนหัวด้วย นอกจากนี้การเลือกใช้แสงไฟที่เหมาะสมอย่างแสงสีขาว (Cool Day Light) ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การอ่าน เพราะแสงสีนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเราตื่นตัว มีสมาธิ กระฉับกระเฉงมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าแสงนั้นส่งผลมากมายต่อสายตา บางครั้งเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่สร้างผลเสียต่อดวงตาอย่างการขับรถหรือเจอแสงแดดจากนอกบ้าน แต่เราสามารถป้องกันหลายๆ ปัญหาได้ตั้งแต่ที่บ้านโดยการเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสมกับบริเวณและกิจกรรมต่างๆ
หลอดไฟ Philips LED สร้างมิติใหม่ให้การเลือกใช้หลอดไฟที่ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดิมๆ อย่างความทนทาน อายุการใช้งาน และความประหยัดไฟ แต่หลอดไฟ Philips LED มีคุณสมบัติที่ดี และแตกต่างจากหลอด LED ที่ไม่ได้มาตรฐานทั่วไป เพราะเป็นแบรนด์แรกที่คิดค้นหลอดไฟถนอมสายตาหรือ ‘Eye Comfort’ ด้วยเทคโนโลยีลดแสงสั่นกระพริบ (No visible flickering) และการลดแสงจ้า 70% ช่วยให้ความสว่างอย่างทั่วถึงสบายตา ทำให้เราไม่ต้องเผชิญกับต้นเหตุของอาการตาล้าและจอประสาทตาเสื่อมเร็ว
หลังจากนี้การเปลี่ยนหลอดไฟทุกดวงเป็นหลอด Philips LED จึงไม่ได้เป็นเพียงการเลือกหลอดไฟแต่คือมิติใหม่แห่งการดูแลสายตาทั้งของคุณเอง คนที่คุณรักเเละคนรอบข้าง เพราะนอกจากที่เราจะดูแลสุขภาพตาของเราแล้ว เรายังสามารถร่วมส่งมอบโอกาสดีๆ ให้กับน้องๆ นักเรียนในถิ่นทุรกันดารด้วยการ ‘ร่วมมอบแสงแห่งโอกาสและความห่วงใย’ ได้อีกด้วย
สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมอบแสงแห่งโอกาสและความห่วงใย เพื่อพัฒนาการศึกษาของเด็กไทย เมื่อซื้อหลอดไฟ Philips LED ‘แพ็คเพื่อน้อง’ คุณก็ได้ร่วมบริจาคกับ Philips และรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ UNICEF เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารของประเทศไทย วันนี้ – 31 ธันวาคม 2560
หาซื้อได้แล้วที่ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ Lazada คลิก www.lazada.co.th/philips-lighting-thailand/
Philips
Website: www.philips.co.th/
Facebook: facebook.com/PhilipsLightingThailand
RECOMMENDED CONTENT
สมการรอคอยจริง ๆ สำหรับเพลงใหม่ล่าสุด “สอนใคร” (Teach) จากอีพีอัลบั้ม “Arakgochina” (อาราโกชิน่า) ของศิลปินหนุ่มหล่อมาดเซอร์ “เป้ อารักษ์” หรือ “เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่ก่อนหน้านี้ปล่อยเพลงสร้างเซอร์ไพร์สแฟนเพลงมาแล้ว 2 เพลง