จากข่าวไฟป่าแอมะซอน ข่าวธารน้ำแข็งอกโยคูลล์ ในไอซ์แลนด์ ที่แรกที่ละลายหมดสิ้น หรือข่าวการจากไปของน้องมาเรียม พะยูนน้อยขวัญใจคนไทย ที่พบขยะพลาสติกหลายชิ้นในทางเดินอาหาร บอกเลยว่าเราก็สะเทือนใจ เพราะหลายเหตุการณ์ในหลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับแหละว่าโลกเรากำลังเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างหนัก จะโทษใครไม่ได้หรอก เพราะนี่ก็ฝีมือมนุษย์เราทั้งนั้น งั้นเรามาเริ่มเป็นจุดเล็กๆ ที่จริงจังกับการช่วยโลกของเรากันเถอะ
เริ่มง่ายๆ จากชีวิตประจำวันของเราก่อนเลย โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศ ที่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตวนลูปทุกจันทร์ – ศุกร์ มาทบทวนตัวเองและมาดูไปพร้อมๆ กัน ว่าตลอดทั้งวันทำงาน จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ และช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้ด้วย
1. ทิ้งขยะให้ถูกที่ แยกขยะให้ถูกถัง
เป็นเรื่องเบสิคมากที่จะบอกว่าขยะในมือคุณ ทิ้งให้ลงถังเถอะนะ จะระหว่างทางเดินมาทำงาน หรือออกไปไหนมาไหน ถ้าคุณหาถังขยะไม่เจอ ถ้าไม่ลำบากอะไรก็เก็บไว้ที่ตัวก่อนแล้วค่อยทิ้ง เพราะถ้าทิ้งไม่ได้อย่างคุณภาพ ขยะจะตกสู่ธรรมชาติ โดยเฉพาะแม่น้ำลำคลอง เพราะไม่ใช่แค่ทำให้น้ำเน่าเสีย ยังทำให้เศษขยะอุดตัน น้ำไม่ไหลเวียน ฝนตกทีไม่ทันไรน้ำก็ท่วม! ถ้าจะให้ดี มองหาถังขยะที่แยกประเภทไว้ให้ทิ้งก็ได้นะ ไม่ก็อดทนอีกนิด เก็บไว้มาทิ้งที่ออฟฟิศ หรือทิ้งที่บ้าน แล้วแยกประเภทขยะเองเลยดีสุด
Tips : การแยกขยะที่ถูกวิธี จะแยกได้ 4 ประเภท
- ขยะทั่วไป เช่น หลอด ซองขนม กล่องอาหาร แก้ว ทิชชู่ มาม่าคัพ หรือ Single Use Plastic
- ขยะย่อยสลายได้ เช่น เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์ เศษผัก เปลือกผลไม้
- ขยะรีไซเคิล เช่น ขวด แก้วพลาสติก เศษแก้ว กระป๋องน้ำอัดลม กล่องเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ เศษกระดาษ
- ขยะอันตราย เช่น ภาชนะที่บรรจุสารอันตราย อย่างยาฆ่าแมลง ทินเนอร์ ยาหมดอายุ น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ เครื่องสำอางค์
2. พักเที่ยงแล้ว ก็พักไฟบ้าง
สารพัดอุปกรณ์ไฟฟ้าในออฟฟิศ ที่ต้องเปิดใช้งานยาวนานตั้งแต่เช้ายันเย็น ก็คงทำงานหนัก ไม่ต่างกับคนที่ทำงานจนไม่มีเวลาพัก งั้นลองใช้ช่วงเวลาพักเที่ยงสัก 1 ชม. หาวิธีที่จะช่วยประหยัดไฟออฟฟิศกันหน่อย อย่างเช่นปิดเครื่องปรับอากาศ ปิดไฟในจุดที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือถอดปลั๊กไฟอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ แต่เสียบค้างไว้ เช่น ไมโครเวฟ กาน้ำร้อน รับรองว่าถ้าทำได้ต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน จะประหยัดค่าไฟไปได้หลายร้อยเลยแหละ ถ้าคิดเป็นต่อปีก็ไม่น้อย ที่สำคัญช่วยประหยัดพลังงาน ลดการสร้างมลภาวะทางอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย
Tips : ออฟฟิศไหนมีจำนวนเครื่องปรับอากาศ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเยอะ ก็จะยิ่งเห็นความต่างของการประหยัดไฟ หรืออยากจะเพิ่มช่วงเวลาปิดเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เช่น เพิ่มอีก 15 นาที ก่อนพักเที่ยง หรือ 1 ชั่วโมงก่อนเลิกงาน ก็เวิร์คอยู่นะ
3. พกแก้วเดียว ใช้ขวดเดิม ลดขยะพลาสติกได้หลายชิ้น
มนุษย์ออฟฟิศติดกาแฟมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดา ก็พลาสติกจากแก้วกาแฟนี่แหละ แก้ว 1 ใบ มีพลาสติก ตั้ง 3 ชิ้น ทั้งแก้ว ฝา หลอด ลองคิดดูว่าถ้าซื้อดื่มทุกวัน 365 วัน คุณจะสร้างขยะเพิ่มขึ้นถึงปีละ 1,095 เชียวนะ นี่ยังไม่รวมพลาสติกอื่นๆ ในชีวิตประวันที่เลี่ยงไม่ได้อีก ถ้าคุณอยากช่วยลดขยะ ก็เริ่มเลยง่ายๆ พกแก้วมาใส่กาแฟเอง มีหลอดดูดรักษ์โลกพกมาด้วยยิ่งดี เดี๋ยวนี้มีหลอดทางเลือกเยอะเลย ทั้งหลอดสแตนเลส หลอดกระดาษ หรือหลอดที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติย่อยสลายได้ ส่วนใครที่ไม่ดื่มกาแฟ จะพกขวดมาเองไว้ใส่น้ำดื่มเวลาออกไปทานข้าว ก็ช่วยลดการใช้ขวดพลาสติกได้ไม่น้อยเลยนะ
Tips : ร้านกาแฟส่วนใหญ่ ถ้าคุณพกแก้วไปใส่เองจะได้ส่วนลดเพิ่มด้วยนะ ดื่มทุกวันก็ประหยัดไปได้อีกหลายบาทเลย
4. พกถุงผ้า หรือ Shopping bag ติดตัวไปทุกที่
ยุคนี้ใครไม่มีถุงผ้าถือว่าเอ้าท์แล้วนะ จากการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก จนกลายเป็นใช้ถุงผ้าไว้ใส่ของสารพัดประโยชน์ แถมถือเป็นแฟชั่นให้เข้าชุดเก๋ๆ ในชีวิตประจำวันได้อีก หรือถ้าใครไม่มีถุงผ้า ก็หันมาพกถุง Shopping bag ติดกระเป๋าไว้หน่อยก็ดี แบบที่สามารถพับเก็บเป็นใบเล็กไม่กินเนื้อที่ในกระเป๋า แต่เวลาจะใช้งานก็กางออกจุของได้เต็มสตรีม แบบนี้เลิกงานแล้วจะช้อปปิ้งหนักแค่ไหน แวะอีกกี่ร้าน ถุงพลาสติกไม่ต้อง Shopping bag ใบเดียวเอาอยู่!
Tips : หาซื้อถุง Shopping bag แบบพับได้ ลายสวยๆ ติดกระเป๋าไว้สักใบ หยิบใช้เมื่อไหร่ High Fashion ทันที
5. ลดซื้อเสื้อผ้าตามเทรนด์ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
คุณเคยเป็นไหม เสื้อผ้าเต็มตู้ บางตัวยังไม่เคยใส่ แต่ก็บ่นไม่มีเสื้อผ้าใส่ไปทำงานเลย! นั่นไง เพราะคุณเริ่มซื้อในสิ่งที่เกินความจำเป็นแล้วหรือเปล่า ตัวนี้ก็ชอบ แบบนั้นก็กำลังฮิต แต่ลองคิดดูก่อนสักนิดไหม ว่าคุณจะได้ใส่กี่ครั้ง ใส่ไปไหนได้บ้าง ใส่ได้นานไหม บางทีถ้ามัวแต่วิ่งตามเทรนด์แฟชั่นเกินไป ได้ตัวใหม่ลืมตัวเก่า คุณก็จะเหลือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ต่อ และต้องทิ้งเยอะเลยต่อเดือน
แล้วผลกระทบที่น่ากลัวของมันอยู่ตรงไหนรู้ไหม? เสื้อผ้าบางส่วนที่ถูกทิ้งจะถูกนำไปฝังกลบในประเทศอื่น หรือย้อนกลับไปที่การผลิต โรงงานจะต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการเร่งผลิต ถ้าโรงงานไม่ได้มาตรฐาน จะมีแนวโน้มว่าทิ้งสารเคมีลงน้ำกว่า 20 ล้านลิตร/วัน เลยนะ ลองมองอีกมุม ถ้าคุณลดการซื้อเสื้อผ้าลงได้ คุณจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นนะ
Tips : เสื้อผ้าที่คุณไม่ใส่แล้ว แต่ยังใช้ได้ ลองเอาไปบริจาคให้คนที่ขาดแคลนดูสิ ช่วยโลกและยังได้ช่วยคนที่ลำบากกว่าด้วยนะ อีกอย่างลองหันมาสนับสนุนเสื้อผ้าแบบยั่งยืนที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติดูสิ เช่น ผ้าฝ้ายออแกนิค ใส่สบาย เรียบง่าย เดี๋ยวนี้มีแบบแฟชั่นให้เลือกเยอะเลย
RECOMMENDED CONTENT
เนื่องจากคุณฟูจิตระหนักถึงปัญหาการผลิตสินค้าด้วยพลาสติกจำนวนมากที่เติบโตขึ้นในชีวิตประจำวันของเราเหมือนดอกเห็ดตั้งแต่ยุค 70 ในปีค.ศ. 1997 เขาจึงได้เริ่มเก็บสะสมของเล่นพลาสติกที่ไม่เล่นแล้วตามบ้านเรือน