เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเกิดนึกครึ้มอยากจะนั่งเรือชิลล์ๆไปเที่ยวแถวย่านกรุงเก่า อย่างวังหลังและท่าพระจันทร์ เพราะไม่ได้ไปเที่ยวแถวนั้นมานานหลายเดือนมากแล้ว ไอ้จะไปแฮงเอาท์อยู่แต่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆ ถ้าได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ เดินกิน เดินเที่ยวแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยาบ้างก็น่าจะดี หลังจากที่เดินเล่นในวังหลังเสร็จจนหนำใจ เราก็กะจะขึ้นเรือข้ามฟากไปท่าช้าง นั่งเรือด่วนไปลงที่สะพานตากสิน ขึ้นรถไฟฟ้ากลับเข้าเมืองตามปกติ แต่ช่วงระหว่างรอเรือข้ามฟากไปท่าช้าง สายตาเราก็ไปหยุดอยู่ที่ท่ามหาราชฝั่งตรงข้าม เห็นผู้คนกำลังเดินเล่นกันขวักไขว่ เข้าออกร้านอาหารต่างๆในนั้นอยู่ลิบๆ มีร้าน Starbucks ด้วยแฮะ เออ…ดูทันสมัยอยู่เหมือนกันนี่หว่า ไอ้เราก็ไม่เคยไปเที่ยวที่นั่นด้วยสิ วินาทีนั้นเราเลยตัดสินใจขึ้นเรือข้ามฟากไปที่ท่ามหาราชนี้แทน รู้สึกแฮปปี้เล็กๆที่จะได้ไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ไหนดูซิว่าท่าน้ำแห่งนี้จะมีของดีอะไรบ้าง 

“ท่ามหาราช” ถือเป็นแหล่งแฮงเอาท์แห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่คุณไม่ควรพลาดลองแวะไปเที่ยวสักครั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเรียกท่าแห่งนี้ว่าเป็นกึ่งๆ คอมมูนิตี้มอลล์ก็คงไม่ผิดนัก เพราะในนั้นมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเบเกอรี่ บูธขายของแฮนด์เม้ด และร้านชิคๆคูลๆ อีกเยอะแยะ ให้คุณมาเดินเล่น เดินช้อป รับลมเอื่อยๆจากริมแม่น้ำเจ้าพระย้า พร้อมกับเที่ยว กิน ดื่ม อย่างจุใจ ตามคอนเซ็ปต์ “Riverside Eatery, Urban Oasis, Art & Culture Market” หรือศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน โดยที่นี่ได้ทำการปรับปรุงพวกกลุ่มอาคารพาณิชย์เก่าที่มีอยู่เดิม ให้ดูใหม่ สดใสยิ่งขึ้น รวมถึงได้มีการสร้างอาคารบางส่วนเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้กลายเป็น Riverside Walk ให้คนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน มีความสุขกับการทำกิจกรรมต่างๆริมแม่น้ำ

สำหรับวันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะทำการคัด 7 ร้านอาหาร และคาเฟ่ หรือพูดง่ายๆคือ “ร้านกิน” ที่น่าสนใจ มาแนะนำให้เพื่อนๆชาว Dooddot ได้ลองชมกัน ถ้าคุณได้ไปเที่ยวที่นี่ เราว่าคุณจะต้องเกิดอาการเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อยแน่ๆ ว่านอกจากร้าน Starbucks และร้าน S&P แล้ว ที่ท่ามหาราชแห่งนี้ ก็ยังมีร้านกินดีๆอื่นๆอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

รส’นิยม

หากคุณลงจากเรือ เดินเข้ามาภายในท่ามหาราช คุณก็จะเห็นร้าน “รส’นิยม” เป็นร้านแรกๆเลย ที่ท่ามหาราชถือเป็นสาขาที่ 7 แล้วสำหรับร้านนี้ หลังจากเปิดที่ สยาม พารากอน แฟชั่นไอส์แลนด์ และสีลม คอมเพล็กซ์ เป็นต้น ร้านนี้อยู่ในเครือ iberry เป็นร้านอาหารไทยสไตล์สตรีทฟู้ด ที่พิถีพิถันในรสชาติ พร้อมเมนูอาหารไทยจานเดียวที่คัดแต่เฉพาะจานเด็ด พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้อิ่มอร่อยไปพร้อมๆกับบรรยากาศย้อนยุคอย่างมีรสนิยม อาทิ ข้าวน้ำพริกกะปิปลาทู คั่วกลิ้งกระดูกหมูอ่อน ข้าวขาหมูไข่พะโล้ และหมูสเต๊ะ & ขนมปังปิ้ง

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 21:00 น.

คุณต๋อย Puff Stick

ตรงข้ามฝั่งทางเดินจากร้านรส’นิยม ก็คือร้าน “คุณต๋อย Puff Stick” ที่ขยายสาขามาจากร้านที่สระบุรี ความกิ๊บเก๋ของร้านนี้ก็คือ เป็นร้านขายพั๊ฟ หรือกะหรี่ปั๊ปในรูปแบบแท่ง มีให้ทานทั้งหมด 8 ไส้ด้วยกันคือ ใส้ออริจินัล ใส้ยำสาหร่าย ใส้ไข่หวานปูอัด ใส้ไก่สไปซ์ซี่ ใส้ปูอัดอลาสก้า ใส้แฮมทูน่ามันบด ใส้ข้าวโพด และใส้กล้วยอัลมอนด์ ราคาแท่งละ 25 บาท เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบในความถือง่าย สามารถเดินทานได้เพลินๆแบบไม่เปื้อนมือ ส่วนเรื่องรสชาติ ถ้าใครได้มีโอกาสลองชิมแล้ว มาบอกต่อกันด้วยนะ ว่าของเขาอร่อยหรือเปล่า

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 08:00 น. – 20:00 น.

Trust Me I’m a Baker

ร้านขนมเบเกอรี่ ชื่อเก๋ไก๋ว่า “Trust Me I’m a Baker” หน้าตาสไตล์อังกฤษๆ ที่ท่ามหาราชแห่งนี้ คือร้านสาขาที่สอง หลังจากที่เปิดสาขาแรกแถวๆย่านเมืองทองธานี หลักๆแล้วก็จะขายขนมประเภทเบเกอรี่ (ตามชื่อ) ไม่ว่าจะเป็น มาการอง บราวนี่ สโคน ชีสเค้ก คัพเค้ก เมอแรงค์ รวมถึงเครื่องดื่มอย่าง ชานม โกโก้เย็น และกาแฟอื่นๆ  ถือว่าเหมาะมากสำหรับคนที่ชื่นชอบนั่งทานขนม ในร้านเบเกอรี่หรือคาเฟ่สวยๆ บรรยากาศดี ใครที่เดินเล่นจนเหนื่อยแล้ว ก็อย่าลืมมาเติมความสดชื่นให้หายเหนื่อยที่ร้านนี้กันได้

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 21:00 น.

ไอติม ละมุน

สำหรับใครที่ชอบทานไอศครีมรสชาติไทยๆ โดยเฉพาะพวกไอติมกะทิสด เดินผ่านร้านนี้แล้วคงไม่มีพลาดแน่นอน กับร้าน “ไอติม ละมุน” pop-up store ร้านเล็กๆอยู่ระหว่างทางเดิน ไอติมที่นี่มีหลากหลายรสชาติมากๆ ส่วนใหญ่เป็นรสชาติแบบไทยๆ แต่ส่วนผสมของแต่ละเมนูนั้นดูพิเศษไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น “เฉาก๊วยนมสด” “ชาไทย + ไอศครีมโฟลท” “ไข่แข็งโวลคาโน” และ “ละมุนอัฟโฟกาโต” แต่ว่ากันว่าไอติมตัวที่เป็น recommended ของทางร้านที่ใครมาแวะเป็นต้องสั่งก็คือ ไอติมไข่แข็งโวลคาโน่ ซึ่งเป็นไอติมกะทิสด 3 ลูก ราดด้วยไข่แดง โปะด้านข้างด้วยผงโกโก้ โรยหน้าด้วยถั่ว และขนมปังกรอบรูปเพรทเซล แหม นี่มันคือสวรรค์ของคนชอบทานไอติมชัดๆ!

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 21:00 น.

GRAM

คาเฟ่บรั้นช์ (brunch) สุดฮิตร้านนี้ มีชื่อเสียงมาจากสาขาแรกที่โครงการ The 49 Terrace ในซอย สุขุมวิท 49 ส่วนสาขาที่สอง Gram Gourmet นั้นอยู่ที่ชั้น 7, The Helix Quartier ที่ศูนย์การค้า The EmQuartier ร้านนี้จะเน้นขายพวกประเภทอาหารเช้าเป็นหลัก ซึ่งทางร้านได้รวบรวมจุดเด่นของอาหารเช้าจากหลากหลายประเทศมารวมกัน พร้อมให้คุณได้นั่งทานในบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบแบบ indoor และ outdoor café ชิลล์ๆ เมนูแนะนำของที่นี่คือ “Egg Benedict” เมนูยอดฮิตสำหรับมื้อเช้า  กับ Poached Egg หรือไข่ลวกแบบฝรั่งสีเหลืองสด ทานคู่กับแฮมและขนมปัง “Popeye Omelette” ที่อัดแน่นไปด้วยผักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผักโขม เห็ดแชมปิญอง และเห็ดชิตาเกะ ท๊อปปิ้งด้วย cheddar cheese ซึ่งนอกจากอาหารคาวที่มีให้เลือกสั่งเยอะแยะแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูของหวานด้วย อย่างเช่น “Strawberry Caramel Pancake” เป็นแป้งแพนเค้กซ้อนกันประมาณ 3-4 ชิ้น ตกแต่งสวยงามด้วยสตรอว์เบอร์รี่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ราดด้วย Salted Caramel และปิดท้ายด้วยการโรยไอซ์ซิ่ง เป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครที่ให้ความสำคัญกับการทานเมนูอาหารเช้า

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 20:00 น.

Favour Café

คาเฟ่เล็กๆสไตล์เก๋ไก๋ ถูกใจคนหนุ่มสาวยุคโซเชียลที่ชอบแชะภาพลงอินสตาแกรมเป็นที่สุด เห็นเป็นคาเฟ่เล็กๆอย่างนี้ แต่ขอบอกว่า “Favour Café” แห่งนี้เต็มไปด้วยมุมสวยๆให้เก็บภาพได้มากมายทั้งข้างนอกและข้างในร้าน เราเชื่อว่าใครที่ก้าวเท้าเข้าไปภายในร้านก็จะต้องรู้สึกชอบในบรรยากาศที่อบอุ่นๆ เป็นกันเอง ส่วนเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ก็จะมีให้เลือกตั้งแต่พวกเมนูกาแฟ ชา พวกผลไม้สมูตตี้ ไปจนถึงอิตาเลียน โซดา รสต่างๆ ส่วนเครื่องดื่มแนะนำของที่นี่ก็คือ “Ice Cube Coffee” หรือกาแฟที่อยู่ในรูปทรงของน้ำแข็ง เสิร์ฟพร้อมนมมาให้ราดลงบนกาแฟ พวกของหวานของที่นี่ก็มีให้เลือกสั่งอยู่หลายเมนูเหมือนกัน มีทั้งเค้ก ไอศครีม และวอฟเฟิล นี่ยังไม่รวมพวกอาหารทานเล่นอื่นๆ อย่าง Cheesy fries, Sandwich Carbonara และ Tuna Salad นอกจากนี้ภายในร้านยังมีชั้นลอย ขายพวกเสื้อผ้า ถุงผ้าแนวๆ และแอ็คเซสเซอรี่ส์เก๋ๆอีกด้วย

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 20:00 น.

Stickhouse: Italian Handcrafted Gelato

ติดกับร้าน Favour Café ก็จะเป็นร้านไอศครีมเล็กๆ ชื่อว่า Stickhouse ภายในร้านมีโต๊ะให้นั่งเป็นบาร์ติดกระจกไม่เกิน 4-5 คนได้ คิดว่าน่าจะเหมาะกับการซื้อแล้วถือเดินออกไปกินนอกร้านมากกว่า จุดเด่นของร้านนี้ก็คือวิธีการสั่งไอศครีมที่เป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน ด้วยการเลือกรสของไอศครีมก่อน (มีทั้ง Coffee, Cupido Strawberry, Coconut Sobet, Cupido Raspberry, Strawberry Mango และ Mango เป็นต้น) เสร็จแล้วเลือก dip ที่ชอบ ซึ่งจะมีให้เลือกแบบ Milk, White และ Dark Chocolate ส่งตรงจากอิตาลี ปิดท้ายด้วยการเลือก topping ซึ่งจะเป็นพวกถั่วชนิดต่างๆ

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10:00 น. – 20:00 น.

บรรยากาศภายในคอมมูนิตี้มอลล์ มีทางเดินยาวกว้างขวาง บรรยากาศร่มรื่น

และทั้งหมดนั่นก็คือ 7 ร้านที่เราได้คัดมาให้ทุกคนได้ชมกัน ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วที่ท่ามหาราชยังมีร้านอาหาร และร้านขนมหวานอีกหลายร้านให้พวกเราแวะไปชิมกัน รวมถึงยังมีร้านขายพวกเครื่องหอม และ Propaganda ร้านขายของพวกดีไซน์ชื่อดังอยู่ในนี้ด้วย สำหรับใครที่เริ่มเบื่อกับการไปเดินเที่ยวอยู่แต่ในห้างสรรพสินค้า แล้วอยากหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถมาเดินเที่ยว เดินกิน พักสมองที่ท่ามหาราชแห่งนี้ได้ รับรองว่าคุณจะติดใจ

การเดินทางมาท่ามหาราช: สามารถเดินทางได้โดยเรือ รถส่วนตัว รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถเมล์ ดังนี้

เรือด่วนเจ้าพระยา ธงเขียว ส้ม แดง เหลือง มาลงท่าพรานนก/วังหลัง (N10) แล้วนั่งเรือข้ามฟากจากท่าวังหลัง มาท่าวัดมหาธาตุ หรือเรือด่วนเจ้าพระยา ธงเขียว หรือส้ม ลงที่ท่าช้าง (N9) และเดินมาท่ามหาราช หรือนั่ง Chao Praya Tourist Boat (CTB) ธงฟ้า มาลงท่ามหาราช

รถส่วนตัว จากถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายตรงมาเข้าท้องสนามหลวงก่อนขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน ผ่านพระบรมมหาราชวัง และเลี้ยวขวาเข้าถนนมหาราช ท่ามหาราชจะอยู่ทางซ้ายมือ ที่นี่มีอาคารจอดรถอยู่ภายในโครงการให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงปัญหาการจอดรถเลย

รถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสะพานตากสิน (S6) ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาที่ท่าเรือสาทร (ธงแดง เหลือง เขียว ส้ม) ลงท่าพรานนก/วังหลัง (N10) หรือ ท่าช้าง (N9) และ เรือท่องเที่ยวเจ้าพระยา (CTB) มาลงท่ามหาราช

รถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524

Writer: Thip S. Selley
Image by: Thip S. Selley