ใครชอบทานบราวนี่บ้างยกมือขึ้น! โอ้โห…ยกมือกันเต็มเลย แน่นอนล่ะ ใครบ้างจะไม่ชอบทานบราวนี่ เพราะมันทั้งอร่อย มีรสหวานปนขมนิดๆ เวลาเคี้ยวก็รู้สึกหนึบหนับหน่อยๆ รสชาติถูกลิ้นพวกเราเป็นที่สุด และเพราะอย่างนี้เองที่ “บราวนี่” จึงกลายเป็นของหวานทานเล่นยอดฮิตของคนทั่วโลก เหมาะแก่การเสิร์ฟตามงานสังสรรค์ และพกทานเป็น snack หรือของว่างทานเล่นระหว่างวัน หลายคนคงจะติดใจเสน่ห์ของบราวนี่ตรงที่ต้องกินอุ่นๆ เนื้อเค้กด้านนอกเกาะตัวกำลังดีในขณะที่เนื้อด้านในนั้นนุ่มลิ้น ถ้าได้ไอศครีมวานิลลามาทานคู่ด้วยแล้ว อร่อยอย่าบอกใครเลยล่ะ ก่อนที่จะไปลงมือทำบราวนี่กัน เรามีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับบราวนี่มาแชร์กันด้วย รู้หรือไม่ว่าบราวนี่ที่เราชอบทานกันอยู่บ่อยๆนั้น เขาก็มีเรื่องเล่าขานตั้งแต่ยุคสมัยก่อนกับเขาเหมือนกันนะ ว่ากันว่าเจ้าบราวนี่ที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกานี้ เกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนของการทำเค้กช็อกโกแลต โดยลืมใส่ผงฟู เมื่ออบออกมาแล้วปรากฏว่าเนื้อเค้กไม่ขึ้นฟู แต่กลับได้ขนมสีน้ำตาลเข้มเนื้อแน่นแทน นี่จึงกลายเป็นที่มาของ “บราวนี่” ที่พวกเรารู้จักกันทุกวันนี้เอง

ส่วนผสม:

เนยจืด ½ ถ้วย

น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (ถ้าชอบแบบขมให้ลดลง)

ไข่ไก่ 3 ฟอง

วานิลลา 1 ช้อนชา

ผงโกโก้ 1/3 ถ้วย

Dark chocolate 1 ถ้วย

แป้งเอนกประสงค์ 1 ถ้วย

เกลือ ¼ ช้อนชา

ผงฟู 2 ช้อนชา

เนยจืด 3 ช้อนชา

อัลมอนด์สไลด์

วิธีทำ:

1. ร่อนแป้ง ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้

2. วอร์มเตาอบที่ 180 องศา ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน ใช้ไฟบนและล่าง

3. นำเนย ช็อกโกแลต และน้ำตาลทรายใส่ถ้วยแบบทนความร้อน แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟให้เนยเดือดปุดๆ

4. ใส่ไข่และวานิลลาลงไปในถ้วย ตีให้เข้ากันพอเป็นฟอง

5. นำส่วนผสมของไข่ ใส่ลงไปในส่วนช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ และคนให้เข้ากัน

6. เสร็จแล้วใส่ส่วนผสมของแป้งที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน

7. เทส่วนผสมทั้งหมดลงในพิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข โรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลด์ นำเข้าเตาอบ นานประมาณ 25-30 นาที จนกว่าเค้กจะสุก

*Tips: ถ้าใช้ไข่ไก่เบอร์ 1 หรือ 2 แทนไข่ไก่เบอร์ 0 จะได้เนื้อขนมที่แน่นกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตีไข่ให้ฟูมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าตีไข่ฟูมาก ขนมจะฟูกว่า และถ้าลำพังแค่คนไข่กับน้ำตาลให้เข้ากัน ก็จะได้ขนมเนื้อแน่นกว่า การตัดบราวนี่ให้สวย ควรแช่ขนมให้เย็นและเซ็ทตัวเสียก่อน เพราะจะทำให้ตัดขนมได้คมมาก

Writer: Thip S. Selley
Illustration: Thip S. Selley