บรรยากาศยามสนธยา ช่วงเวลาที่ข้ามผ่านกลางวันไปสู่กลางคืน มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงมาตามนัดกันและกันตลอดเวลา แม้จะไม่เคยอยู่รวมกันก็ตามก็คือ “พระอาทิตย์” และ “พระจันทร์” …คมกริบ ☺ วันนี้ Dooddot มีคอลัมน์ที่รูปรวมเอาสุดยอดสถานที่ที่ดูพระอาทิตย์ตก Twillight Time ได้สวยงามและอิ่มเอมสุดๆมาฝากกัน โอเคเตรียมปรับความสว่างของหน้าจอให้พร้อม แล้วเลื่อนหน้าจอลงไปพร้อมๆกันได้เลย

Ipanema Beach, Rio De Janeiro, Brazil

อันดับแรกของเราเห็นชื่อแล้วก็ต้องนึกถึงเพลง Bossanova สุดคลาสสิคอย่าง The Girl From Ipanema ขับร้องโดย Stan Getz ลอยมาไกลๆ (เปิดวาปให้เลย http://www.youtube.com/watch?v=j8VPmtyLqSY) นี่คือชายหาดที่ใครหลายคนหลงใหล ชายหาด Ipanema ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาของเมือง Rio De Janeiro ที่วิวพระอาทิตย์ตกดินลาลับยอดเขา  Morro Dois Irmaos หากได้เห็นคงเป็นความทรงจำที่ไม่รู้ลืม ลองดูภาพที่เรานำมาประกอบกันแล้วนึกตามก็ได้ เราเดินออกมาจากบาร์ชายหาด สั่ง Cocktail ภาษาละติน หย่อนตัวลงนั่งบนทรายนุ่มๆคนเดียว เด็กๆเล็กๆวิ่งเตะบอลกันตามประสา แต่ลมตีหน้า พร้อมเสียงทะเลรับกันกับท้องฟ้าสีเหลืองทอง มีพระอาทิตย์ตกอยู่ไกลๆ หันซ้ายหันขวา มีสาว Ipanema หันมายิ้มให้ แล้วเพลงก็ดังขึ้น อะไรจะขนาดนั้น! …แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ในสถานี BTS รอฝนหยุดตกซะนี่

Grand Canyon, USA

เห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังไม่เคยไปเยือนเสียที นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่แข็งที่สุดแล้วละมั้ง (หน้าผาเยอะขนาดนี้) นอกจาก Grand Canyon จะโด่งดังในแง่เป็นสถานที่น่าไปยืนตะโกนที่สุดแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเยี่ยมอีกที่หนึ่ง บางคนถึงกับกล่าวว่าไม่มีที่ไหนในโลกจะดูพระอาทิตย์ตกดินได้ดีไปกว่าที่นี่อีกแล้ว เพราะแสงจากพระอาทิตย์ตกจะทอพาดหน้าผาดินเล่นเงาและสีส้มอ่อนไปเข้มต่างกันไป จุดที่โด่งดังที่สุดคงจะเป็น Hopi Point ที่มีวิวสุดคลาสสิค แต่  Yaki และ Pima Points ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพราะมีแม่น้ำ Colorado River ไหลผ่านอยู่ด้านล่าง

Maldives, Indian Ocean

หากนึกถึงสวรรค์บนดิน ตั้งแต่ไหนแต่ไร มัลดีฟส์ คือสัญลักษณ์ของคำว่า Paradise ของใครหลายๆคน ขอแค่ชายหาดเงียบๆส่วนใดส่วนหนึ่งของเกาะที่คุณสามารถนั่งหรือนอนรอพระอาทิตย์ก็ได้ มีท้องฟ้าที่โปร่งสุดยอดที่เรียกกันว่า “Maldivian Sky” เป็นผืนผ้าใบ เมื่อพระอาทิตย์ลาลับ มันจะถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มนวล คู่กันกับมหาสมุทรอินเดียที่กว้างใหญ่ โอเค “ฉันรักมัลดีฟส์”

Maasai Mara National Reserve, Kenya

เขตป่าสงวน Maasai Mara ที่ประเทศ Kenya ขอส่งเข้าประกวด จะมอบการชมอาทิตย์อัศดงแบบ แอฟริกาสไตล์ ให้กับคุณ ใครที่ชอบธีมแบบท่องซาฟารี นั่งหลังรถ Jeep ชมวิวทุ่งหญ้าสะวันนา ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ข้อแนะนำคือควรมาในช่วงเดือนตุลาคม เพราะคุณจะมีนัดกับบรรดาสัตว์อพยพอย่างเช่น ฝูงม้าลาย ทอมสันส์กาเซลล์ (สัตว์ชนิดหนึ่งในเขตแอฟริกาคล้ายๆกับกวาง) และสัตว์ป่าชนิดอื่นๆอีกมากมาย มายืนรับแสงพระอาทิตย์เป็นเงาดำอย่างที่เห็นในรูป การชมสามารถขึ้นบอลลูนชมได้ด้วย เห็นแล้วก็คิดในใจว่าชีวิตของ Simba ใน The Lion King ก็ไม่แย่นี่นะถ้าวันๆได้เห็นวิวแบบนี้

Venice, Italy

เราขอต่อกันที่ Venice นครลอยน้ำสุดโรแมนติก เมืองที่มีคลองลัดเลาะไปได้ทุกหนแห่ง และการคมนาคมที่ต้องขาดไม่ได้สำหรับที่นี่ก็คือ (ไหนพูดพร้อมกันหน่อย) “กอน-โด-ลา” เรือรูปแบบเฉพาะที่สามารถใช้ภายในคลองเล็กๆได้ มีคนพายเรือใส่หมวกพร้อมเสื้อลายทางขาวดำที่มาพร้อมไม้พายขนาดใหญ่ เอาแค่ล่องกลางวันแสกๆ หรือต่อให้ฝนตกปรอยๆก็เถอะ แต้มความโรแมนติกก็คงพุ่งกันแบบฉุดไม่อยู่แล้ว แต่ถ้านึกสภาพว่าได้อยู่กับคนรู้ใจบนเรือน้ำนิ่งๆในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน มีวิวตึกรามบ้านช่องสูงระดับพอดีๆของเวนิซห้อมล้อม เราขอแนะนำให้แต่งงานกับคนๆนั้นไปเลย เพราะโอกาสแบบนี้ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว!

Matterhorn, Pennine Alps

ยอดเขาหิมะสีขาวล้วนในยุโรปแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างสวิตซ์เซอร์แลนด์และอิตาลี ถือเป็นเป้าหมายของทุกๆนักปีนเขา มาทดสอบฝีมือกัน แต่สำหรับคนมีน้ำใจอย่างเราๆ ไม่ขอไปขวางทางปีนแต่อย่างใด ยอมหลีกให้พี่ๆเขาปีนกันอย่างสะดวก แล้วยืนรอด้านล่างนี่ล่ะ ☺ นอกจากภูเขาแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่องภาพสะท้อนน้ำเหมือนกระจก (ที่คงเคยเห็นในรูปภาพ) เรายังสามารถยืนชมวิวพระอาทิตย์ตกจากด้านล่างได้เช่นกัน ความพิเศษของมันคือ เมื่อแสงพระอาทิตย์ส่องมาโดนยอดเขาสีขาว ความรู้สึกที่ได้จะเหมือนกับเราจุดเทียนบนยอดเขาเลยไม่มีผิด

Hong Kong, China

ตัวแทนจากเมืองฝั่งเอเชีย ในลิสต์นี้ขอฝาก “ฮ่องกง” ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ Metropolis เก่าแก่ของทวีปนี้ พูดถึงฮ่องกงทีไร ภาพในหัวก็ต้องเป็นภาพริมน้ำ มองจากฝั่งเกาลูน ที่มีเรือสำเภาแล่นไปแล่นมา มองเห็นตึกระฟ้าเมืองฝั่งเซ็นทรัลเปิดแสงสีกันสว่างไสว ซึ่งที่นี่มีเรือสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดินโดยเฉพาะด้วย “Sunset Cruise” ความสุขที่หาได้ง่ายๆ

Cable Beach, Australia

สถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในออสเตรเลียอยู่ตลอดปี หาด Cable ที่มีเอกลักษณ์คือเป็นหาดทรายขาวและน้ำใส่ปิ๊งที่มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร! (นั่นมันจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเกือบถึงท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว) ภาพที่หลายคนคงคุ้นตากันบ้างคือ ที่หาดนี้มีบริการขี่อูฐเดินเลียบหาดกันเป็นขบวนคาราวาน เพื่อเพิ่มอรรถรสการชมพระอาทิตย์ตกดิน หาอูฐรู้ใจสักตัวแล้วอิ่มเอมได้เลย อ้อ ไม่ต้องกลัวพี่อูฐเหนื่อยละ เพราะเขาเก็บน้ำไว้เยอะ

“Manhattanhenge”, USA

ครับ ไม่ใช่สะกด Stonehenge ของอังกฤษผิดแต่อย่างใด เพราะนี่คือคนละอันกัน อันนี้ชื่อว่า Manhattanhenge ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ตกดินตั้งฉากกับถนนและตึกสูงในย่าน Manhattan เมืองนิวยอร์ก เกิดขึ้นเป็นประจำในทุกๆปี ปีละสองครั้งทุกๆวัน Summer Solstice ที่พระอาทิตย์โคจรมาตรงจุดพอดิบพอดี ความสวยงามของมันก็คือแสงพระอาทิตย์จะอยู่ตรงกลางระหว่างช่องและทอดผ่านทุกๆสี่แยกบนถนน ซึ่งช่วงหลังๆมานี้เริ่มมีภาพยนตร์พูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างหนังเรื่อง Morning Glory (2010) ในฉากจบที่ Harrison Ford ตัวเอกเดินอยู่ในถนนที่มีพระอาทิตย์สีส้มสดอยู่ ทุกๆครั้งที่มี Manhattanhenge บรรดานิวยอร์กเกอร์ก็จะมารวมตัวกันเก็บภาพประทับใจ

 Writer: Pakkawat Tanghom
Immage : http://nomadfamilytales.files.wordpress.com/
nbcnews.com
http://www.cosmocondina.com/
http://karljames.files.wordpress.com/
http://laregledujeu.org/
http://photos.safaribookings.com/
http://destinationsgalore.net/