จัสโค ผู้ให้บริการพื้นที่งานแบบยืดหยุ่นระดับพรีเมียมในเอเชีย เดินหน้าเปิดตัวสาขาใหม่ใจกลางเมือง ณ สามย่านมิตรทาวน์ โครงการที่มีการใช้งานแบบผสมผสานแห่งใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ โดยจัสโคได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็นสาขาที่ 3 หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวสาขาแรกที่เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ และสาขาที่สอง บนอาคารแคปปิตอล ทาวเวอร์ ในโครงการออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ
จัสโค สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจบนถนนพระรามที่ 4 และถนนพญาไท และมีพื้นที่การใช้งานที่กว้างขวางมากกว่า 12,000 ตารางเมตร ซึ่งในการขยายสาขาดังกล่าว ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของจัสโคในประเทศไทยด้วยการยกระดับพื้นที่การทำงานมาผนวกกับเทคโนโลยีและโซลูชั่นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างความสัมพันธ์และการเชื่อมต่อใหม่ๆ ระหว่างสมาชิกที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องภายในจัสโค
สาขาใหม่นี้มีพื้นที่ทำงานพร้อมใช้งาน ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของทุกธุรกิจและพนักงาน ช่วยลดปัญหาและข้อยุ่งยากในการบริหารจัดการพื้นที่ รวมบริการโต๊ะทำงานแบบ hot desks ห้องทำงานส่วนตัว สำนักงานออกแบบเฉพาะสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ห้องประชุม พื้นที่จัดอีเวนท์และสานสัมพันธ์ คาเฟ่ ห้องคุณแม่ phone booths รวมไปถึงบริการให้ความช่วยเหลือทั่วไปและพนักงานทำความสะอาด เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาการใช้งาน
จัสโค สามย่านมิตรทาวน์ ยังได้รับเกียรติจากนักวาดภาพประกอบสาวชาวไทยผู้ฝากผลงานการออกแบบร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่าง “Pomme Chan” (ปอม ชาน) ที่ได้มาร่วมถ่ายทอดผลงานผ่านจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการใช้เทคนิคการวาดภาพแบบ 3 มิติ ผสมผสานไปกับการออกแบบในสไตล์อันมีเอกลักษณ์ของจัสโค ถ่ายทอดด้วยสีสันสดใสและแสดงถึงพลังความมีชีวิตชีวา พร้อมตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Scandi-chic และเพิ่มไฟนีออนให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ของสำนักงาน ทำให้จัสโคกลายเป็นพื้นที่การทำงานที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มคน ทุกรูปแบบ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ โซลูชั่น Enterprise 360 ยังเป็นอีกหนึ่งบริการพิเศษของจัสโค เพื่อช่วยออกแบบและสรรค์สร้างพื้นที่ทำงานแบบครบวงจรให้กับธุรกิจทุกขนาด สมาชิกของจัสโคที่ใช้บริการนี้ของเรามีตั้งแต่ระดับบริษัทนานาชาติและองค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงสตาร์ทอัพและฟรีแลนซ์ที่มีจุดประสงค์เดียวกันในการมองหาสถานที่ทำงานที่สามารถส่งเสริมการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเครือข่ายธุรกิจและบุคคลที่มีแนวคิดทางธุรกิจเหมือนกัน
ทั้งนี้สมาชิกของจัสโคยังสามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น JustCo App ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรวบรวมบริการและเครือข่ายทั้งหมดของจัสโคเอาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว โดยสมาชิกสามารถใช้แอปนี้เพื่อจองห้องประชุม ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่กำลังจะมาถึง รับข้อเสนอและสิทธิพิเศษจากจัสโค รวมไปถึงใช้เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายหรือซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนเพื่อเชื่อมต่อกับสมาชิกคนอื่นๆในเครือข่ายผ่านฟังก์ชั่น ‘Just Connect’
มร. คง วัน ซิง, ผู้ก่อตั้งและประธานอำนวยการ จัสโค กล่าวว่า “จัสโค สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ตั้งอยู่บนตึกอัจฉริยะใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยพื้นที่ของจัสโคจะช่วยยกระดับการใช้งานให้แก่ผู้ใช้ ทั้งสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการเปิดกว้างในด้านความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการจัดอีเว้นท์และกิจกรรมต่างๆเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้แก่สมาชิก ทั้งนี้จัสโคยังได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า JustCo App เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่สมาชิกในการเข้าถึงบริการทั้งหมดของเรา พร้อมโอกาสในการสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อให้สมาชิกของจัสโคมีชีวิตการทำงานอย่างสมดุล จัสโคสาขาสามย่านมิตรทาวน์จะได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทที่มองหาความยืดหยุ่น โอกาสในการเชื่อมต่อ และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน”
จัสโค เป็นผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซสัญชาติเอเชียเพียงเจ้าเดียวที่มีสาขาในหลากหลายเมืองในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ปัจจุบันมีพื้นที่สำหรับการทำงานกว่า 40 สาขาในเมืองหลักของเอเชีย ได้แก่ กรุงเทพฯ จาการ์ต้า โซล เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ เมลเบิร์น ซิดนีย์ และไทเป
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย