fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ที่งาน Bangkok 
International Motor Show 2020
date : 13.กรกฎาคม.2020 tag :

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ (The new Taycan) อย่างเป็นทางการครั้งแรกประเทศไทย ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 (The 41st Bangkok International Motor Show)

เอเอเอสฯ ยังเตรียมขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นเด่น นำโดย 911 คาร์เรร่า (911 Carrera),  911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S),  มาคันน์ (Macan), คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid), 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster), 718 บ็อกซเตอร์ จีทีเอส (718 Boxster GTS) และ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4 S) ร่วมจัดแสดง พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษมากมายสำหรับผู้จองรถยนต์ปอร์เช่ในงาน ระหว่างวันพุธที่ 15 ถึง วันอาทิตย์ที่  26 กรกฎาคม 2563

สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และคงไว้ซึ่งงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 761 แรงม้า ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ให้อัตราเร่งจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับในรุ่น ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ที่ติดตั้ง Performance Battery Plus ให้พละกำลังสูงสุด 571 แรงม้า ให้อัตราเร่งจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.0 วินาที พร้อมทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท

RECOMMENDED CONTENT

30.พฤษภาคม.2019

ย้อนรอยสู่จุดกำเนิดแห่งดนตรีเทคโนกับผลงาน Black to Techno โดยผู้กำกับฯ หญิงชาวอังกฤษ - ไนจีเรียน Jenn Nkiru ผู้จะพาเราไปสัมผัสวัฒนธรรมดนตรีเทคโนจากจุดกำเนิดที่เมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา จากดนตรีกระแสรองสู่ความนิยมสุดขีดช่วงปลายยุค 1980s นำไปสู่ดนตรีที่สะท้อนต่อสู้เพื่อบทบาทในสังคมและเสรีภาพของกลุ่มคนผิวสีในดีทรอยท์