หลังจากเราคุยกับคุณชาญฤทธิ์ อนันตประยูร ผู้จัดการแผนกการตลาดอาวุโสของ Shoplus ผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้
วันนี้เรามาฝั่งผู้ใช้บริการ อย่าง VZ by VIRISZAMARA แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงสไตล์ Urban ที่ถูกอกถูกใจสาวออฟฟิศ หรือสาวๆ ที่ชอบออกงานสังคม โดย คุณนิวัฒน์ เอกรัชดากร Senior Design และ คุณนฤมล เอกรัชดากร CEO 2 ผู้บริหารจะมาให้คำตอบกันว่าทำไมแบรนด์ถึงมียอดขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่โควิด-19 ทำพิษหนักหน้าร้านที่เคยเป็นรายได้หลักกลับขายไม่ได้เลย
กลุ่มลูกค้าของ VZ by VIRISZAMARA คือใคร
คุณนฤมล : เรามีหน้าร้านอยู่ที่แพลตตินั่ม ปกติแล้วเราเป็นแบรนด์ที่เน้นส่งออก เพราะลูกค้าต่างชาติมาสั่งเป็นออเดอร์มากกว่า
คุณนิวัฒน์ : เมื่อก่อนเราเป็น OEM(Original Equipment Manufacturer) คือรับจ้างผลิตเสื้อผ้าส่งต่างประเทศ หลังจากนั้นก็เริ่มผันตัวมาเป็นแบรนด์เสื้อผ้าเพราะรู้สึกว่าต้องไปต่อแล้ว ในขณะเดียวกันถ้าต้องขายสินค้าที่ต่างประเทศเราก็ต้องมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็เลยเริ่มทำ VZ by VIRISZAMARA
ในตอนนั้นวางไอเดียของแบรนด์ไว้อย่างไร
คุณนฤมล : ตอนนั้นคุยกันว่าสิ่งที่เราสองคนต้องการเป็นแบบไหน ทางคุณนิวัฒน์ก็ชอบเสื้อผ้าคอวี คว้านคอลึกๆ โชว์ผิว
คุณนิวัฒน์ : ต้องบอกว่าแบรนด์เสื้อผ้าไทยไม่ค่อยมีลุคอินเตอร์ครับ เราคิดว่าถ้าเราทำลุคแบบนั้นได้ก็น่าจะดี
คุณนฤมล : ส่วนตัวอยากได้เสื้อผ้าที่คนปกติใส่แล้วสวย คือถ้าเป็นนางแบบ หรือคนที่หุ่นดีเขาใส่ออกมายังไงก็สวยอยู่แล้วใช่ไหม แต่เรามองไปที่คนธรรมดาปกติเดินบนท้องถนนก็อยากสวยเหมือนกัน คุยกับคุณนิวัฒน์ว่าถ้าคว้านลึกเกินไปเราอาจจะเซ็กซี่ได้ไม่เท่าฝรั่ง คนทั่วไปอาจจะใส่ยาก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับดีไซน์กัน จนได้เสื้อผ้าที่มีความแคชชวลแต่เซ็กซี่
เริ่มเปลี่ยนมาขายออนไลน์ได้ยังไง
คุณนฤมล : เราเริ่มรู้จักคำว่า “ออนไลน์” ก่อนโควิด-19 จากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่มาซื้อของเราไปขายในเว็บ Amazon ช่วงแรกที่ขายออนไลน์คือขายดีมาก แบบขายดีมาก(เน้นเสียง) ช่วงนั้นการไลฟ์ขายของยังไม่นิยมกันเลย แต่เราก็เริ่มไลฟ์ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเราได้แนะนำแบรนด์ของเราเฉยๆ ไม่ได้เน้นขายเลย ยอดคนดูเยอะมากประมาณ 500 – 600 คน หลังจากนั้นลองเปลี่ยนสถานที่ไปไลฟ์ที่ต่างจังหวัดดูบ้าง ก็มีคนติดตามเพิ่มขึ้น มีคนถามถึงสินค้ามากขึ้น เราก็เริ่มขายตั้งแต่ตอนนั้น
พอขายแล้วก็จะมีความวุ่นวายเยอะมากค่ะ มีคำถามเข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าขนาดเท่าไหร่ เนื้อผ้าเป็นยังไง ซื้อไปแล้วขอเปลี่ยนที่อยู่ ขอเปลี่ยนไซส์ ซื้อบ่อยมีส่วนลดไหม เราก็ตอบทุกคำถามแต่ก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เพราะเวลาไลฟ์เรายิงยาว 4 ชั่วโมง บางครั้งลูกค้าสั่งซื้อเยอะเราเก็บยอดได้ไม่หมด เสียดายตรงนี้เหมือนกัน
คุณนิวัฒน์ เอกรัชดากร : เมื่อก่อนเราจัดการออเดอร์ด้วยโปรแกรม Excel ธรรมดาเลยครับ ทุกอย่างช้ามากทำให้เราโตไม่ได้ ดูจากแนวโน้มแล้วว่าการไลฟ์มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นก็เริ่มคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ยีงไงดี
ไลฟ์ทุกวันเลยไหม
คุณนฤมล : ไม่คะ
คุณนิวัฒน์ : เก่งสุดคืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง
คุณนฤมล : ต้องบอกว่าพอเราไลฟ์ ยอดขายค่อยๆ แซงหน้าร้านที่แพลตตินั่ม แซงจนเทียบไม่ติดเลย แล้วเราค่อยเปลี่ยนพนักงานหน้าร้านมาทำงานฝั่งนี้มากขึ้น แล้วปล่อยหน้าร้านรับออเดอร์ต่างชาติเท่านั้น พอโควิด-19 เข้ามาเราเลยไม่มีปัญหาตรงนี้ เพราะเราลงตลาดออนไลน์มาก่อนหน้านั้นแล้ว
คุณนิวัฒน์ : ก่อนเจอโควิด-19 เราเพิ่มรอบการไลฟ์นะ เพราะมีแอพพลิเคชั่น Shoplus นี่แหละครับ
คุณนฤมล : ช่วงนั้นไลฟ์วันเว้นวันเลยค่ะ
มองหาตัวช่วย แล้วมาจบที่ Shoplus ได้อย่างไร
คุณนฤมล : ตอนนั้นคุยกับคุณนิวัฒน์ว่าไม่ไหวแล้ว เพราะเราไลฟ์จบสามทุ่มทีมต้องมาสรุปยอดจนถึงดึก มีคนสั่งซื้อสินค้าเห็นยอดแล้วแสนกว่าบาทนะ แต่เราไม่รู้ว่าปิดยอดจริงๆ ได้เท่าไหร่ เพราะบางคนรอนานจนอาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อไปแล้วก็ได้
คุณนิวัฒน์ : จริงๆ แล้วเราก็ใช้มาหลายเจ้าครับ แต่มาจบที่ Shoplus เข้ามาจัดการระบบหลังบ้าน ทันทีที่ลูกค้าต้องการอะไร อยากจะถามอะไร ระบบ Extension จะตอบได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าอื่นยังไม่มี และยังมีระบบ Payment ที่ตอนนี้ Shoplus เป็นพันธมิตรกับเฟสบุ๊คทำให้การจ่ายเงินง่ายและปลอดภัยมากขึ้น ลูกค้าจองสินค้าแล้วสามารถจ่ายเงินได้ทันที ทางเราไลฟ์เสร็จแล้วเช็คออเดอร์ พรุ่งนี้เช้าส่งของได้เลย ทำให้ความยุ่งยากหลังบ้านเราหายหมด
ที่สำคัญเราไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คยอดแล้ว แค่มีมือถือก็จัดการได้หมด เวลาไลฟ์เราสามารถแชร์ออกไปเพจอื่นๆ ของเราได้อีกด้วย AI จะคอยจัดการทุกอย่างให้หมด ซึ่งเป็นข้อดีที่คนอื่นอาจจะยังไม่รู้
ยอดขายโตขึ้นมากแค่ไหน
คุณนฤมล : เราไม่อยากทำเหมือนร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปที่ใครๆ ก็ไลฟ์ได้ แข่งกันที่ราคา ใครถูกกว่าก็ชนะไป แต่เรามองที่โปรโมชั่นให้กับลูกค้าที่ซื้อเราประจำ เราอยากดูแลตรงนี้มากกว่า
คุณนิวัฒน์ : ต้องบอกว่ามันมาทดแทนการขายหน้าร้านได้หมดเลย อย่างตอนนี้เราเจอโควิด-19 หน้าร้านขายแทบไม่ได้ ยอดขายเป็น 0 เลยด้วยซ้ำ ส่วนการไลฟ์ครั้งนึงมียอดคนดู 200 – 300 คนก็ถือว่าเยอะแล้ว เพราะสินค้าเรามีราคาสูง อีกอย่างคนดูของเราจะซื้อสินค้าเกือบ 100%
Shoplus เป็นกำลังสำคัญสำหรับการขายของออนไลน์ในตอนนี้
คุณนิวัฒน์ : ถ้าพูดหล่อๆ Shoplus มาเสริมธุรกิจของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น จากเมื่อก่อนอาทิตย์นึงเราไลฟ์ได้ 2 – 3 ครั้งก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ตอนนี้เราไลฟ์ได้ทุกวันเลย อีกอย่างทำให้เรามีเวลามาดูที่ตัวสินค้าของเรามากขึ้น เพราะเรามีจุดแข็งด้านการออกแบบเสื้อผ้า มีทีมดีไซน์เนอร์ที่สามารถออกแบบในตอนเช้า ตอนบ่ายเราได้ตัวอย่างแล้ว ทำงานรวดเร็วมากครับ
คุณนฤมล : หลังจากใช้งานทาง Shoplus ก็ถามเข้ามาเหมือนกันว่ามีส่วนไหนที่อยากให้เพิ่มเติม คือเขาพยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
มีส่วนไหนที่อยากเพิ่มอีกบ้าง
คุณนฤมล : ก็มีส่วนลูกค้าที่ซื้อประจำที่เราอยากดูแลเขา อยากมอบส่วนลดให้ อยากมีโค้ดส่วนลดที่เอาใช้แล้วลดได้ทันที เราอยากมีลูกเล่นมากกว่าการไลฟ์สด
คุณนิวัฒน์ : ซึ่งตอนนี้ทาง Shoplus เริ่มทำแล้วครับ น่าจะเปิดใช้อีกไม่นาน
คุณนฤมล : ข้อดีคือเขาก็ฟังเราด้วย ฟังจากประสบการณ์จริง
คุณนิวัฒน์ : ถือว่าทีม Shoplus ก็สนับสนุนเราดีมาก ทำให้เราโตไปพร้อมกัน เรามียอดขายที่ดีขึ้น ผมชวนหลายคนมาใช้ เราลองแล้วดี ตอบโจทย์คนทำไลฟ์จริงๆ
ไลฟ์ขายของจะไปต่อได้อีกนานเท่าไหร่
คุณนิวัฒน์ : ตอนนี้เราเห็นแนวโน้มแล้วว่าทุกคนไลฟ์ได้ อะไรๆ ก็ง่ายขึ้น ตัว Shoplus ก็เข้ามาจัดการปัญหาหลังบ้านของเราที่รกรุงรังจนเรามีเวลามาโฟกัสธุรกิจของเรา
คุณนฤมล : ตอนนี้เลยคิดเป็นรูปแบบรายการแล้วเอาระบบ Shoplus เข้ามาใส่
คุณนิวัฒน์ : เราพยายามเทียบชั้นรายการในโทรทัศน์ที่มีพิธีกร จากไลฟ์ธรรมดาของเราก็เปลี่ยนเป็นรอบเวลาในแต่ละวัน นำเสนอมากกว่าการขายสินค้า เป็นรายการที่ตอบปัญหาผู้หญิง เอาสิ่งที่ผู้หญิงต้องการมาพูดกัน
ตัวรายการก็ไม่จำเป็นต้องไลฟ์สด ปล่อยรายการตามเวลาที่เราต้องการ อย่างตอนนี้มีรายการตอน 4 ทุ่ม วิดีโอก็ทำงานไป ในขณะที่ Shoplus ก็ยังทำงานได้ให้เราได้เหมือนเดิม ตอนเช้าตื่นมาเช็คออเดอร์แล้วส่งสินค้าได้เลย นี่เป็นวิธีการทำงานใหม่ของเราหลังจากนี้ครับ
ติดตาม VZ by VIRISZAMARA ได้ที่
https://www.facebook.com/viriszamara
RECOMMENDED CONTENT
เป็นโจทย์ที่เรียกได้ว่าท้าทายสำหรับวงการเอเจนซีโฆษณาเลยทีเดียว เมื่อผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์ม ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล “The 1 (เดอะ วัน)” ต้องการสื่อสารไปยังสมาชิกบัตร The 1 กว่า 19 ล้านคน เพื่อย้ำเตือนสิทธิ์ที่สมาชิกทุกคนพึงได้รับบนแอปพลิเคชั่น The 1 ผ่านผลงานโฆษณาชิ้นแรกครั้งแรกในรอบปี