เดือนนี้เรามีเทศกาลภาพยนตร์งานนึงมาแนะนำกัน สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เตรียมฟังข่าวดีได้เลย กับงาน Japanese Film Festival 2014 “เทศกาลหนังญี่ปุ่น 2014” ที่บอกว่าคอการ์ตูนห้ามพลาดก็เพราะว่าหนังที่่คัดมาฉายในเทศกาลนี้ทั้ง 6 เรื่องล้วนแต่เป็น Animation เรื่องยาวระดับคลาสสิคของญี่ปุ่นทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลองดูรายชื่อการ์ตูนที่จะฉายให้เราดูกันจากข้างล่างเลยดีกว่า!
The Prince of the Sun (1968, Takahata Isao):
จากการ์ตูนใหม่แล้ว ย้อนกลับมาสู่ปี 60’s กันบ้าง การ์ตูนเรื่องนี้จะเรียกว่าเป็นยุคบุกเบิกของวงการแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นก็คงไม่ผิด เพราะตอนนั้นบริษัท Toei Animation ที่รังสรรค์การ์ตูนชื่อสำคัญของญี่ปุ่นออกมามากมาย ตอนนั้นยังคงติดพันอยู่กับแนวทางของดิสนีย์ ซึ่งการ์ตูนเรื่อง Hols: The Prince of the Sun ที่ออกมาในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ ที่ญี่ปุ่นมีการประท้วงของบรรดานักศึกษาเกิดขึ้น นักวิจารณ์จึงกล่าวว่าเนื้อหายภายในการ์ตูนเรื่องนี้ล้วนแต่มีประเด็นของสังคมในเวลานั้นแฝงอยู่ รวมถึงภาพและเพลงที่ใช้ประกอบด้วยเช่นกัน จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 50 ปีแล้ว แต่เมื่อปี 2001 นิตยสารเกี่ยวกับการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น Animage ประกาศว่า The Prince of the Sun คือแอนิเมชั่นเรื่องยาวที่มีโปรดักชั่นดีที่สุดเป็นอันดับสามตลอดกาล ได้ยินแบบนี้แล้ว โอกาสได้ดูจอใหญ่คงไม่มีบ่อยๆแน่ๆ คอการ์ตูนห้ามพลาดเลยจริงๆ!
The Garden of Words (2013, Shinkai Makoto):
หนังการ์ตูนที่พูดถึงความรักของคนสองคน ที่พบกันโดยบังเอิญและเป็นประจำทุกครั้งในช่วงฤดูฝน ฝั่งหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักทำรองเท้า และอีกฝ่ายหนึ่งคือหญิงสาวที่ไม่มีใครทราบถึงที่มาที่ไปของเธอ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่พบเจอช่วงเวลาสั้นๆในสวนหลบฝน ด้วยเนื้อเรื่องและภาพที่ชวนฝันประกอบกับเพลงอันไพเราะ เรื่องนี้จึงเป็นการ์ตูนที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก
CHIBI MARUKO-CHAN “Ono Kun and Sugiyama Kun” (1990, Tsutomu SHIBAYAMA):
ใครคิดถึงมารูโกะจัง สาวน้อยจอมแก่นและผองเพื่อนกันบ้าง!? งานนี้เราจะได้ชมมารูโกะกันอีกครั้ง กับเรื่องราวครั้งนี้ที่พูดถึงเพื่อนผู้ชายสองคนในโรงเรียนของเธอ โอโนะคุง และ ซุกิยามะคุง สองหนุ่มจอมซนที่ถูกแกล้งกันเป็นประจำแต่ก็เป็นที่รักของเพื่อนเสมอๆ มาดูกันว่าพวกเขาและมารูโกะของเราจะมีเรื่องสนุกแบบไหนมาให้เราดูกัน
Captain Harlock in Arcadia (1982 Katsumata Tomoharu):
เรื่องราวของกัปตันฮาร์ล็อค ตัวการ์ตูนสุดคลาสสิคตัวหนึ่งของประเทศญี่ปุ่่น ที่ไปโด่งดังถึงประเทศฝรั่งเศสและได้รับรางวัลมากมาย ผลงานอมตะของอาจารย์เลจิ มัตซึโมโต้ (Reiji Matsumoto) เอกลักษณ์ของเขาคือการ์ตูนแนวSci-Fi โลกอวกาศที่มีความแอคชั่นและดราม่ารวมอยู่ด้วยอย่างเข้มข้น ใครที่คุ้นๆลายเส้นนี้คงจำได้จาก Music Video ของ Daft Punk ชุด Discovery (หนังการ์ตูนเรื่อง Interstella 5555) นั่นละงานของเขาทั้งหมดเลย!
A Letter to Momo (2011, Hiroyuki Okiura):
ผลงานชื่อดังของ Production I.G. สตูดิโอที่ผลิตการ์ตูนชื่อคุ้นหูของประเทศญี่ปุ่นออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Ghost in the Shell”, “Blood: The Last Vampire” รวมไปถึงซีรี่ส์หุ่นยนต์ตำรวจ Patlabor กับ A Letter to Momo ที่นำมาฉายให้เราชมกันในเทศกาลนี้ ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆของสตูดิโอที่กล่าวมาข้างต้น อาจจะดูเป็นมูดโทนที่ซอฟต์และไม่โหดลงมาหน่อย แต่เนื้อหายังหนักหน่วงเช่นเดิม พูดถึงเรื่องราวเด็กสาวอายุ 11 ปี ที่เธอต้องทำใจให้ได้จากการจากไปของพ่อของเธอ
The Girl Who Leapt Through Time (2006, Hosoda Mamoru):
ชื่อไทย “กระโดดจัมพ์ทะลุข้ามเวลา” เรื่องนี้เชื่อว่าคงมีคนเคยเห็นผ่านแผงขายหนังอยู่บ้าง เพราะเพิ่งออกมาเมื่อปี 2006 (8 ปีแล้วเหรอเนี่ยไวมาก!) การ์ตูนเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสืออีกทีหนึ่งชื่อว่า Toki o Kakeru Shōjo (1978) เรื่องราวเด็กผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุแล้วได้พลังพิเศษกลับมาคือการเดินทางข้ามเวลาได้ ได้ยินแค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังหลายเวอร์ชั่น แต่เห็นจะมีเวอร์ชั่นที่เอามาฉายนี่ล่ะ ที่ได้รับเสียงตอบรับดีถึงขนาดได้ออสการ์ของประเทศญี่ปุ่นมาครอง
รวมการ์ตูนหนังสั้น Franz Kafka’s A Country Doctor (2007, Yamamura Koji), “The House of Small Cubes” (2008, Kunio Kato), “Karo and Piyobupt” (1993, Koji Yamamura)
การ์ตูนญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ Franz Kafka นักประพันธ์ชาวออสเตรีย-ฮังการี ที่โด่งดังจากงานเขียวแนว Magical Realism ในเรื่อง “Die Verwandlung” (“The Metamorphosis” เล่มแปลไทยชื่อ “กลาย”) หรือ “The Trial” งานเขียนที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิด Existentialism อย่างเข้มข้น ด้วยเอกลักษณ์ทั้งภาษาและวิธีการเล่าเรื่องของเขา ทำให้ผลงานยังคงครองใจนักอ่านทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาคือเรื่อง “The House of Small Cubes” หนังการ์ตูนให้ข้อคิดเรื่องราวของชายชราที่พยายามกู้บ้านของเขาไว้จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ของเมือง ด้วยการใช้ก้อนอิฐต่อกันไปเรื่อยๆ เรื่องราวที่เชื่อว่าน่าจะมอบแรงบันดาลใจดีๆให้กับคนดูได้ไม่น้อย และเรื่องสุดท้าย “Karo and Piyobupt” ผลงานชุดคลาสสิคของ Koji Yamamura ที่มีเอกลักษณ์คือสีสันที่สดใสและการผสมผสานระหว่างการ์ตูนวาดและดินน้ำมันอย่างลงตัว
Colorful (2010, Hara Keichi):
แอนิเมชั่นชื่อดังที่ดัดแปลงมาจากงานเขียนชื่อเดียวกัน (ภาษาไทยชื่อ “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม”) ผลงานที่ทั้งหนังสือและหนังการ์ตูนต่างก็โด่งดังกวาดรางวัลมากมายทั้งคู่ ใครที่ติดตามวงการนี้คงทราบกันดีว่าสองสามปีที่ผ่านมาเรื่องนี้ถูกพูดถึงอย่างมาก เนื้อหาพูดถึงดวงวิญญาณที่ได้รับโอกาสจากเทวดาในการใช้ชีวิต เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตอีกครั้ง โดยแทนที่ชีวิตเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งฆ่าตัวตายไป ไม่นานตัวเอกก็รับรู้ได้ว่าทั้งเขาและเด็กชายคนนี้ต่างก็มีความคล้ายคลึงขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ประหนึ่งเป็นร่างเงาของกันและกัน
การ์ตูนทั้งหมด 8 เรื่องจะฉายให้ชมที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ ในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ และย้ายไปฉายที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์แอรพอร์ทเชียงใหม่พลาซ่า ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม สำหรับค่าตั๋วราคา 50 บาท/1 เรื่อง แฟนการ์ตูนและคนที่กำลังสนใจแอนิเมชั่นจากแดนอาทิตย์อุทัย เราจะมาเปิดโลกไปพร้อมๆกันในงานนี้ “Japanese Film Festival 2014”
Bangkok
20 Feb | 17.00 | Opening Ceremony |
18.00 | Opening Film: The Garden of Words (46 min) | |
21 Feb | 16.00 | CHIBI MARUKO-CHAN (Ono-kun and Sugiyama-kun) (94 min) |
22 Feb | 14.00 | Arcadia of My Youth (130 min) |
16.30 | Short Film Package (Franz Kafka’s A Country Doctor + The House of Small Cubes + Karo & Piyobupt) (48 min) | |
17.30 | A Letter to Momo (121 min) | |
23 Feb | 14.00 | Little Norse Prince Valiant (88 min) |
16.00 | The Girl Who Leapt Through Time (100 min) | |
18.00 | Colorful (127 min) |
Chiang Mai
27 Feb | 18.30 | Opening Ceremony |
19.30 | Opening Film: The Garden of Words (46 min) | |
28 Feb | 18.30 | Arcadia of My Youth (130 min) |
1 Mar | 14.00 | CHIBI MARUKO-CHAN (Ono-kun and Sugiyama-kun) (94 min) |
16.00 | Short Film Package (Franz Kafka’s A Country Doctor + The House of Small Cubes + Karo & Piyobupt) (48 min) | |
18.00 | A Letter to Momo (121 min) | |
2 Mar | 14.00 | Little Norse Prince Valiant (88 min) |
16.00 | The Girl Who Leapt Through Time (100 min) | |
18.00 | Colorful (127 min) |
CREDIT: Japanese Film Festival
RECOMMENDED CONTENT
ย้อนรอยสู่จุดกำเนิดแห่งดนตรีเทคโนกับผลงาน Black to Techno โดยผู้กำกับฯ หญิงชาวอังกฤษ - ไนจีเรียน Jenn Nkiru ผู้จะพาเราไปสัมผัสวัฒนธรรมดนตรีเทคโนจากจุดกำเนิดที่เมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา จากดนตรีกระแสรองสู่ความนิยมสุดขีดช่วงปลายยุค 1980s นำไปสู่ดนตรีที่สะท้อนต่อสู้เพื่อบทบาทในสังคมและเสรีภาพของกลุ่มคนผิวสีในดีทรอยท์