fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

Japanese Film Festival 2014 เทศกาลหนังที่ขนเอาการ์ตูนญี่ปุ่นระดับตำนานกลับมาให้ชมกันบนจอเงินอีกครั้ง!
date : 17.กุมภาพันธ์.2014 tag :

เดือนนี้เรามีเทศกาลภาพยนตร์งานนึงมาแนะนำกัน สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เตรียมฟังข่าวดีได้เลย กับงาน Japanese Film Festival 2014 “เทศกาลหนังญี่ปุ่น 2014” ที่บอกว่าคอการ์ตูนห้ามพลาดก็เพราะว่าหนังที่่คัดมาฉายในเทศกาลนี้ทั้ง 6 เรื่องล้วนแต่เป็น Animation เรื่องยาวระดับคลาสสิคของญี่ปุ่นทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลองดูรายชื่อการ์ตูนที่จะฉายให้เราดูกันจากข้างล่างเลยดีกว่า!

The Prince of the Sun (1968, Takahata Isao):
จากการ์ตูนใหม่แล้ว ย้อนกลับมาสู่ปี 60’s กันบ้าง การ์ตูนเรื่องนี้จะเรียกว่าเป็นยุคบุกเบิกของวงการแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นก็คงไม่ผิด เพราะตอนนั้นบริษัท Toei Animation ที่รังสรรค์การ์ตูนชื่อสำคัญของญี่ปุ่นออกมามากมาย ตอนนั้นยังคงติดพันอยู่กับแนวทางของดิสนีย์ ซึ่งการ์ตูนเรื่อง Hols: The Prince of the Sun ที่ออกมาในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ ที่ญี่ปุ่นมีการประท้วงของบรรดานักศึกษาเกิดขึ้น นักวิจารณ์จึงกล่าวว่าเนื้อหายภายในการ์ตูนเรื่องนี้ล้วนแต่มีประเด็นของสังคมในเวลานั้นแฝงอยู่ รวมถึงภาพและเพลงที่ใช้ประกอบด้วยเช่นกัน จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 50 ปีแล้ว แต่เมื่อปี 2001 นิตยสารเกี่ยวกับการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น Animage ประกาศว่า The Prince of the Sun คือแอนิเมชั่นเรื่องยาวที่มีโปรดักชั่นดีที่สุดเป็นอันดับสามตลอดกาล ได้ยินแบบนี้แล้ว โอกาสได้ดูจอใหญ่คงไม่มีบ่อยๆแน่ๆ คอการ์ตูนห้ามพลาดเลยจริงๆ!

The Garden of Words (2013, Shinkai Makoto):
หนังการ์ตูนที่พูดถึงความรักของคนสองคน ที่พบกันโดยบังเอิญและเป็นประจำทุกครั้งในช่วงฤดูฝน ฝั่งหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักทำรองเท้า และอีกฝ่ายหนึ่งคือหญิงสาวที่ไม่มีใครทราบถึงที่มาที่ไปของเธอ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่พบเจอช่วงเวลาสั้นๆในสวนหลบฝน ด้วยเนื้อเรื่องและภาพที่ชวนฝันประกอบกับเพลงอันไพเราะ เรื่องนี้จึงเป็นการ์ตูนที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก

CHIBI MARUKO-CHAN “Ono Kun and Sugiyama Kun” (1990, Tsutomu SHIBAYAMA):
ใครคิดถึงมารูโกะจัง สาวน้อยจอมแก่นและผองเพื่อนกันบ้าง!? งานนี้เราจะได้ชมมารูโกะกันอีกครั้ง กับเรื่องราวครั้งนี้ที่พูดถึงเพื่อนผู้ชายสองคนในโรงเรียนของเธอ โอโนะคุง และ ซุกิยามะคุง สองหนุ่มจอมซนที่ถูกแกล้งกันเป็นประจำแต่ก็เป็นที่รักของเพื่อนเสมอๆ มาดูกันว่าพวกเขาและมารูโกะของเราจะมีเรื่องสนุกแบบไหนมาให้เราดูกัน

Captain Harlock in Arcadia (1982 Katsumata Tomoharu):
เรื่องราวของกัปตันฮาร์ล็อค ตัวการ์ตูนสุดคลาสสิคตัวหนึ่งของประเทศญี่ปุ่่น ที่ไปโด่งดังถึงประเทศฝรั่งเศสและได้รับรางวัลมากมาย ผลงานอมตะของอาจารย์เลจิ มัตซึโมโต้ (Reiji Matsumoto) เอกลักษณ์ของเขาคือการ์ตูนแนวSci-Fi โลกอวกาศที่มีความแอคชั่นและดราม่ารวมอยู่ด้วยอย่างเข้มข้น ใครที่คุ้นๆลายเส้นนี้คงจำได้จาก Music Video ของ Daft Punk ชุด Discovery (หนังการ์ตูนเรื่อง Interstella 5555) นั่นละงานของเขาทั้งหมดเลย!

A Letter to Momo (2011, Hiroyuki Okiura):
ผลงานชื่อดังของ Production I.G. สตูดิโอที่ผลิตการ์ตูนชื่อคุ้นหูของประเทศญี่ปุ่นออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Ghost in the Shell”, “Blood: The Last Vampire” รวมไปถึงซีรี่ส์หุ่นยนต์ตำรวจ Patlabor กับ A Letter to Momo ที่นำมาฉายให้เราชมกันในเทศกาลนี้ ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆของสตูดิโอที่กล่าวมาข้างต้น อาจจะดูเป็นมูดโทนที่ซอฟต์และไม่โหดลงมาหน่อย แต่เนื้อหายังหนักหน่วงเช่นเดิม พูดถึงเรื่องราวเด็กสาวอายุ 11 ปี ที่เธอต้องทำใจให้ได้จากการจากไปของพ่อของเธอ

The Girl Who Leapt Through Time (2006, Hosoda Mamoru):
ชื่อไทย “กระโดดจัมพ์ทะลุข้ามเวลา” เรื่องนี้เชื่อว่าคงมีคนเคยเห็นผ่านแผงขายหนังอยู่บ้าง เพราะเพิ่งออกมาเมื่อปี 2006 (8 ปีแล้วเหรอเนี่ยไวมาก!) การ์ตูนเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสืออีกทีหนึ่งชื่อว่า Toki o Kakeru Shōjo (1978) เรื่องราวเด็กผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุแล้วได้พลังพิเศษกลับมาคือการเดินทางข้ามเวลาได้ ได้ยินแค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังหลายเวอร์ชั่น แต่เห็นจะมีเวอร์ชั่นที่เอามาฉายนี่ล่ะ ที่ได้รับเสียงตอบรับดีถึงขนาดได้ออสการ์ของประเทศญี่ปุ่นมาครอง

รวมการ์ตูนหนังสั้น Franz Kafka’s A Country Doctor (2007, Yamamura Koji), “The House of Small Cubes” (2008, Kunio Kato), “Karo and Piyobupt” (1993, Koji Yamamura)
การ์ตูนญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ Franz Kafka นักประพันธ์ชาวออสเตรีย-ฮังการี ที่โด่งดังจากงานเขียวแนว Magical Realism ในเรื่อง “Die Verwandlung” (“The Metamorphosis” เล่มแปลไทยชื่อ “กลาย”) หรือ “The Trial” งานเขียนที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิด Existentialism อย่างเข้มข้น ด้วยเอกลักษณ์ทั้งภาษาและวิธีการเล่าเรื่องของเขา ทำให้ผลงานยังคงครองใจนักอ่านทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาคือเรื่อง “The House of Small Cubes” หนังการ์ตูนให้ข้อคิดเรื่องราวของชายชราที่พยายามกู้บ้านของเขาไว้จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ของเมือง ด้วยการใช้ก้อนอิฐต่อกันไปเรื่อยๆ เรื่องราวที่เชื่อว่าน่าจะมอบแรงบันดาลใจดีๆให้กับคนดูได้ไม่น้อย และเรื่องสุดท้าย “Karo and Piyobupt”  ผลงานชุดคลาสสิคของ Koji Yamamura ที่มีเอกลักษณ์คือสีสันที่สดใสและการผสมผสานระหว่างการ์ตูนวาดและดินน้ำมันอย่างลงตัว

Colorful (2010, Hara Keichi):
แอนิเมชั่นชื่อดังที่ดัดแปลงมาจากงานเขียนชื่อเดียวกัน (ภาษาไทยชื่อ “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม”) ผลงานที่ทั้งหนังสือและหนังการ์ตูนต่างก็โด่งดังกวาดรางวัลมากมายทั้งคู่ ใครที่ติดตามวงการนี้คงทราบกันดีว่าสองสามปีที่ผ่านมาเรื่องนี้ถูกพูดถึงอย่างมาก เนื้อหาพูดถึงดวงวิญญาณที่ได้รับโอกาสจากเทวดาในการใช้ชีวิต เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตอีกครั้ง โดยแทนที่ชีวิตเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งฆ่าตัวตายไป ไม่นานตัวเอกก็รับรู้ได้ว่าทั้งเขาและเด็กชายคนนี้ต่างก็มีความคล้ายคลึงขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ประหนึ่งเป็นร่างเงาของกันและกัน

การ์ตูนทั้งหมด  8 เรื่องจะฉายให้ชมที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ ในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ และย้ายไปฉายที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์แอรพอร์ทเชียงใหม่พลาซ่า ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม สำหรับค่าตั๋วราคา 50 บาท/1 เรื่อง แฟนการ์ตูนและคนที่กำลังสนใจแอนิเมชั่นจากแดนอาทิตย์อุทัย เราจะมาเปิดโลกไปพร้อมๆกันในงานนี้ “Japanese Film Festival 2014”

Bangkok

20 Feb 17.00 Opening Ceremony
18.00 Opening Film: The Garden of Words (46 min)
21 Feb 16.00 CHIBI MARUKO-CHAN (Ono-kun and Sugiyama-kun) (94 min)
22 Feb 14.00 Arcadia of My Youth (130 min)
16.30 Short Film Package (Franz Kafka’s A Country Doctor + The House of Small Cubes + Karo & Piyobupt) (48 min)
17.30 A Letter to Momo (121 min)
23 Feb 14.00 Little Norse Prince Valiant (88 min)
16.00 The Girl Who Leapt Through Time (100 min)
18.00 Colorful (127 min)

Chiang Mai

27 Feb 18.30 Opening Ceremony
19.30 Opening Film: The Garden of Words (46 min)
28 Feb 18.30 Arcadia of My Youth (130 min)
1 Mar 14.00 CHIBI MARUKO-CHAN (Ono-kun and Sugiyama-kun) (94 min)
16.00 Short Film Package (Franz Kafka’s A Country Doctor + The House of Small Cubes + Karo & Piyobupt) (48 min)
18.00 A Letter to Momo (121 min)
2 Mar 14.00 Little Norse Prince Valiant (88 min)
16.00 The Girl Who Leapt Through Time (100 min)
18.00 Colorful (127 min)

 

CREDIT: Japanese Film Festival

RECOMMENDED CONTENT

30.พฤษภาคม.2019

ย้อนรอยสู่จุดกำเนิดแห่งดนตรีเทคโนกับผลงาน Black to Techno โดยผู้กำกับฯ หญิงชาวอังกฤษ - ไนจีเรียน Jenn Nkiru ผู้จะพาเราไปสัมผัสวัฒนธรรมดนตรีเทคโนจากจุดกำเนิดที่เมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา จากดนตรีกระแสรองสู่ความนิยมสุดขีดช่วงปลายยุค 1980s นำไปสู่ดนตรีที่สะท้อนต่อสู้เพื่อบทบาทในสังคมและเสรีภาพของกลุ่มคนผิวสีในดีทรอยท์