5 Tips To Live An Organic Lifestyle ชีวิตดี ไลฟ์สไตล์แบบชิค ๆ ด้วยวิถี Organic by ไร่รื่นรมย์
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ชีวิตแบบวิถีออร์แกนิค หรือ Organic Lifestye กำลังเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในวิถีชีวิตของคนเมือง เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่อาหารการกินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกิจวัตรประจำวันต่างๆ ที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย ไรรื่นรมย์เลยมีเคล็ดลับดีๆมาฝาก ที่จะทำให้เราสามารถมี Organic Lifestyle ง่ายๆได้ด้วยตนเอง
1. Eat Organic :
ขั้นแรกอาจเริ่มต้นด้วยการเลือกกินอาหารที่เป็น organic เช่น เนื้อสัตว์ที่ถูกเลี้ยงตามธรรมชาติโดยปราศจากสารเคมี ปราศจากฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะหรืออาหารสัตว์ที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม หรือผัก ผลไม้ ที่ปลูกโดยปราศจากสารเคมี เช่นผัก ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ที่ได้มาตรฐาน ก็จะทำให้ชีวิตคุณปราศจากสารพิษได้ในระดับนึงทีเดียว
2. Drink Organic :
ในวันที่เร่งรีบ แต่ร่างกายเราก็ยังต้องการสารอาหารดีๆ การทำเครื่องดื่มจากน้ำผัก Super food ออร์แกนิค อย่างผงอิตาเลี่ยนเคล หรือผงจิงจูฉ่าย เป็นตัวช่วยที่ดีและตอบโจทย์ตรงนี้มากขึ้น เนื่องจากเตรียมง่าย ไม่ยุ่งยากและสะดวกรวดเร็ว แถมยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย
3. Use Organic :
การดูแลตนเองโดยใช้ Skincare product ที่เป็น organic ก็สำคัญไม่แพ้การกินอาหาร ในปัจจุบันมี skincare มากมายที่มีส่วนประกอบทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่นสบู่ หรือแซมพู ปราศจากสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย นอกจากจะดีต่อผิวพรรณของเราเองแล้ว ก็ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. Organic Cleaning :
การดูแลที่พักอาศัยให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบ organic ที่ทำมาจากส่วนผสมของธรมชาติ นอกจากจะช่วยทำให้ที่อยู่อาศัย หรือข้าวของเครื่องใช้สะอาดแล้ว ยังดีต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม
5. Organic Garden :
การปลูกต้นไม้ในบ้านหรือในห้อง จะช่วยทำให้เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับห้องของคุณ ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายเป็นธรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ต้นไม้บางชนิดยังช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ดูดซับสารพิษ ฝุ่นผง และมลพิษทางอากาศ ทำให้เราหายใจกันอย่างสะอาด ทั้งยังต่อลมหายใจให้ทุกชีวิตให้ยืนยาวขึ้น สร้างสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย
สัมผัสวิถีออร์แกนิคง่ายๆได้ที่
Facebook : ไร่รื่นรมย์เกษตรอินทรีย์ ท่องเที่ยวออร์แกนิค
Line: @rairuenrom
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย