fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

การกลับมาของคอลเลคชั่น King Seiko ที่ยังคงคงความโดดเด่นสง่างาม
date : 27.มกราคม.2022 tag :

ทศวรรษ 1960 เป็นยุคแห่งความก้าวหน้าสำหรับ Seiko อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ นอกเหนือจาก Grand Seiko แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งซีรีส์ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างสรรค์นาฬิกากลไกจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามปราณีต พร้อมมอบความแม่นยำเที่ยงตรงในระดับสูง ซึ่งผลงานนี้ได้รับการเรียกขานว่า King Seiko (คิง ไซโก)

นอกจากความแม่นยำแล้ว ยังได้รับการออกแบบที่ทรงพลัง ซึ่งเต็มไปด้วยความงามสง่า จากโครงสร้างของนาฬิกาเองที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งประติมากรรมที่สะท้อนคุณภาพระดับสูง และหลังจากผ่านไปนานกว่าครึ่งศตวรรษ วันนี้คอลเลคชั่น King Seiko หวนกลับมาอีกครั้งพร้อมเรือนเวลาที่สะท้อนถึงคุณภาพอันยั่งยืนยาวนานของการผลิตนาฬิกากลไกจักรกล โดยคอลเลคชั่นแรกที่ปล่อยออกมา ประกอบด้วยนาฬิกาใหม่จากซีรีส์ King Seiko ทั้งหมด 5 เรือน ทุกเรือนจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 เฉพาะที่บูติกของ Seiko สาขาเซ็นทรัลพระราม9 และ ไซโก บูติก ออนไลน์เท่านั้น

คุณค่าการออกแบบที่เป็นบรรทัดฐานจากปี 1965 พัฒนาผสมผสานผ่านเทคโนโลยีและวิศวกรรมกลไกในปัจจุบัน

จากภาพ: KSK ผลงานจากปี 1965 การออกแบบที่กำหนดดีไซน์ของ King Seiko

นาฬิกาทั้ง 5 เรือนใหม่เด่นชัดด้วยการออกแบบเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมและสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก King Seiko KSK จากปี 1965 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่สองที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นและเป็นชุดผลงานที่กำหนดคุณลักษณะของ King Seiko ด้วยการผสมผสานระหว่างหน้าปัดแบนเรียบ หลักชั่วโมงที่เจียระไนดุจเหลี่ยมเพชรและชุดเข็มที่มีความเฉียบคม ทำให้นาฬิกาคอลเลกชั่นนี้มีรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีตและโดดเด่น ข้อต่อตัวเรือนที่มีเหลี่ยมมุมคมชัดและพื้นผิวที่เรียบกว้าง ได้รับการตกแต่งด้วยการขัดเงาราวกับกระจกจากช่างฝีมืออันประณีตอันสละสลวยลายริ้วแฮร์ไลน์ที่ละเอียดอ่อน สร้างสรรค์ความรู้สึกแห่งความเที่ยงตรงได้อย่างชัดเจน หลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกามีความกว้างมากกว่าหลักชั่วโมงตำแหน่งอื่นๆ 2 เท่า และมีลวดลายบนพื้นผิวที่ได้รับการรังสรรค์เป็นพิเศษเพื่อให้อ่านค่าได้ชัดเจน และเพิ่มเทคนิคการขัดเงาเพื่อทำให้หน้าปัดมีประกายเจิดจ้าดึงดูดสายตา

การสร้างสรรค์ใหม่นำเสนอรูปลักษณ์คลาสสิกแต่ทันสมัย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก KSK ปี 1965

ตัวเรือนได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อให้ผสานเข้ากับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่อง ส่งผลให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีความเพรียวบางและงามสง่า การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่พื้นผิวด้านในของคริสตัลแซฟไฟร์ช่วยให้การอ่านค่าได้ชัดเจนในทุกองศา สายนาฬิกายังคงรูปแบบเดิมเพื่อแสดงถึงการเคารพต่อการออกแบบของซีรีส์ King Seiko รุ่นดั้งเดิมที่เคยสร้างไว้  ซีรีย์นี้โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของรูปทรงและพื้นผิวที่มีเหลี่ยมมุมชัดเจน เพื่อให้สะท้อนเล่นแสงเงาอย่างได้อย่างมีพลัง ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 6R31 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง และกันน้ำได้ 100 เมตร

เม็ดมะยมและฝาหลังประดับตราสัญลักษณ์ King Seiko ดีไซน์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก KSK ปี 1965

นาฬิกา 5 เรือนกับหน้าปัด 5 สีและสายแบบต่างๆ

คอลเลคชั่นใหม่ประกอบด้วยนาฬิกา 5 เรือน โดยแต่ละเรือนมีตัวเรือนที่มีรูปลักษณ์เหมือนกัน แต่มีหน้าปัดสีต่างกัน หนึ่งนั้นยังคงมีหน้าปัดโทนสีเงินแบบดั้งเดิมของ KSK จากปี 1965 ไว้ และรุ่นที่เหลือมีหน้าปัดสีเทาอ่อน, สีเทาชาร์โคล สีน้ำตาลและสีแดง โดยหน้าปัดสีเทาอ่อนจะโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยลวดลายจากการขัดแต่งแบบแฮร์ไลน์ ในขณะที่อีก 4 รุ่นงดงามด้วยการตกแต่งเล่นแสงสีแบบซันเรย์ ที่ทำให้นาฬิกาสะท้อนสวยงามเป็นพิเศษ

สำหรับรุ่น King Seiko นั้น ยังมาพร้อมกับสายหนังแท้ดีไซน์พิเศษ ที่มีให้เลือก 3 สี 3 แบบ เทา, ดำ, น้ำตาล (เฉพาะประเทศไทย)  โดยนำมาจำหน่ายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสาย หรือหาสายสำรองในอีกรูปแบบ

สามารถเลือกชมแบบ เลือกเปลี่ยนสีหน้าปัดและทดลองเลือกเปลี่ยนสายได้ในเว็บไซต์ของ King Seiko โดยสามารถคลิกชมได้ที่ https://www.seikowatches.com/global-en/products/kingseiko/special/simulator/

คอลเลคชั่น King Seiko

ข้อมูลจำเพาะ

  • คาลิเบอร์ 6R31
  • ความถี่ในการทำงาน: 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (6 ครั้งต่อวินาที)
  • พลังงานสำรอง: 70 ชั่วโมง
  • จำนวนทับทิม: 24 เม็ด
  • ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล
  • กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่อง เคลือบสารกันแสงสะท้อน
  • ฝาหลังขันเกลียว
  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง: 37.0 มิลลิเมตร หนา: 1.2 มิลลิเมตร
  • ความสามารถในการกันน้ำ: 10 บาร์
  • ความสามารถป้องกันสนามแม่เหล็ก: 4,800 แอมแปร์ต่อเมตร
  • นาฬิกา King Seiko จำหน่ายในราคา เรือนละ  64,000 บาท
  • สายหนังแท้ จำหน่ายในราคาเส้นละ 5,500 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทรศัพท์ : 02-2551245-50 ต่อ 888

Line ID : @seiko_thailand

RECOMMENDED CONTENT

18.เมษายน.2019

Toro y Moi (โตโร อี มัว) หรือ Chaz Bear (เมื่อก่อนเรารู้จักเขาในชื่อ Chaz Bundick) คือศิลปินที่มีสไตล์ดนตรีหลากหลายในทุกอัลบั้มที่ออกมา เพราะได้อิทธิพลการฟังดนตรีหลากหลายแนวตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานสไตล์ chillwave/ bedroom pop