ด้วยการวิจัยและพัฒนากว่า 6 ปี Dyson Zone™ สามารถให้เสียงเต็มคุณภาพ คมชัด สมจริง ได้นานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนอันทรงพลัง และการทำสำเนาเสียงที่แม่นยำ เต็มสเป็กตรัม มาพร้อมกับความสามารถในการกรองอากาศ สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กสุดที่ 0.1 ไมครอน และตัวกรอง K-Carbon เคลือบโพแทสเซียมที่ทำหน้าที่ดักจับก๊าซมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมในเมือง เช่นไนโตรเจนไดออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ออกแบบมาเพื่อปกป้องคุณจากมลพิษในตัวเมืองทุกรูปแบบ
ประชากรของโลกจำนวนมากกว่าครึ่งอาศัยอยู่ในตัวเมือง โดยคาดว่าสัดส่วนของคนที่อาศัยในตัวเมืองจะอยู่ที่ 7 ใน 10 ภายในปี 2050[1] แน่นอนว่าเมื่อประชากรในเมืองขยายตัว โครงข่ายสาธารณูปโภคต่างๆ ก็เติบโตควบคู่ไปด้วย ทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของการขนส่ง การก่อสร้าง การเดินทาง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมภายในเมืองทั้งมลภาวะทางอากาศและมลภาวะทางเสียง ตัวอย่างเช่น
ชาวนิวยอร์คจำนวน 90% โดยประมาณที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะมักพบเจอกับมลภาวะทางเสียงที่มีความดังเกินค่าที่แนะนำ ในขณะที่ประชากรในสหภาพยุโรปจำนวน 1 ใน 5 ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางเสียง
99% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีค่ามลภาวะสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ
ในหลายภูมิภาคปัญาหามลภาวะทางอากาศไม่ได้เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นในทวีปยุโรป เอเชียตะวันตก และแอฟฟริกา ตามรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ สาเหตุหลักของมลภาวะทางอากาศเกิดจากฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากกระแสลม
Dyson Zone™ จะมาแก้ไขปัญหาได้อย่างไร?
Dyson Zone™ หูฟังกรองอากาศถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับปัญหามลภาวะในตัวเมืองทั้งเสียงรบกวนและมลพิษในอากาศ ด้วยขุมพลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และระบบชาร์จ USB-C Dyson Zone สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมงเมื่อใช้เฉพาะตัวหูฟัง หรือใช้ได้สูงสุดถึง 4 ชั่วโมงเมื่อใช้ทั้งหูฟังและเครื่องกรองอากาศพร้อมกัน โดยสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 3 ชั่วโมง
Dyson Zone™ หูฟังกรองอากาศชิ้นนี้เกิดจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านการไหลของอากาศ การกรอง และมอเตอร์ ของ Dyson และความเข้าใจเชิงลึกเรื่องคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกอาคาร การทำงานของเครื่องกรองอากาศจะอาศัยคอมเพรสเซอร์บริเวณฝาครอบหูทั้งสองข้างในการนำอากาศเข้ามาสู่เครื่องผ่านตัวกรองสองชั้นและปล่อยกระแสอากาศบริสุทธิ์ไปยังจมูกและปากของผู้สวมใส่ผ่านกะบังหน้าแบบไร้สัมผัส ในส่วนของตัวกรองจะประกอบด้วยตัวกรองประจุไฟฟ้าที่สามารถดักจับอนุภาคได้ขนาดเล็กสุดที่ 0.1 ไมครอน ในขณะที่ตัวกรอง K-Carbon ที่เคลือบโพแทสเซียมทำให้สามารถดักจับก๊าซมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมในเมือง เช่นไนโตรเจนไดออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์
Dyson Zone™ ออกแบบมาเพื่อมอบเสียงที่คมชัด สมจริง โดยสูญเสียคุณภาพเสียงน้อยที่สุด ครอบคลุมทุกย่านเสียงทั้งต่ำ กลาง สูง นอกจากนั้นยังสามารถใช้คุยโทรศัพท์ อัดเสียง และรับคำสั่งเสียงได้ด้วย ไมโครโฟนสำหรับการสนทนาจะทำงานร่วมกับไมโครโฟนที่ใช้ในฟังก์ชัน ANC ในการบีมฟอร์มมิ่ง ซึ่งทำให้สามารถรับเสียงพูดจากผู้สวมใส่ได้โดยป้องกันเสียงรบกวนจากทั้งด้านข้างและด้านหลังของผู้สวมใส่ได้
Dyson บนเส้นทางของวิศวกรรมด้านเสียงที่แตกต่าง
Dyson Zone™ มอบประสบการณ์การฟังเพลงแบบอิมเมอร์ซีฟ โดยถึงแม้ผู้พัฒนาเครื่องเสียงส่วนมากในตลาดมักจะใช้ Golden Listener ในการทดสอบเครื่องเสียง บุคคลที่ได้รับการฝึกให้ฟังและจำแนกเสียงเหล่านี้จะเป็นผู้กำหนดว่าเสียงแบบไหน เป็นเสียงที่ “ดี” แต่วิศวกรของ Dyson ต้องการที่จะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการวิจัยและยืนยันผลลัพธ์ด้วยการขยายกลุ่มคนในการทดสอบไปมากกว่าเหล่า Golden Listener
ออกแบบมาเพื่อมอบเสียงที่ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด: ทั้งไดร์เวอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเครื่องกล วัสดุที่ใช้ ล้วนแล้วแต่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อลดการผิดเพี้ยนของเสียง โดยเทคโนโลยีสัญญาณอัจฉริยะที่ทำงานถึง 48,000 ครั้งทำให้ได้เสียงที่สมดุล ผนวกกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่ทำหน้าที่ลดการผิดเพี้ยนของเสียงในทุกย่านความถี่
ระบบตัดเสียงแบบ Active ทรงประสิทธิภาพ: ใช้ไมโครโฟน 8 จาก 11 ตัวภายในเครื่องเพื่อตรวจสอบเสียงรอบข้างได้มากถึง 384,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนได้มากสุดที่ 38 เดซิเบล ตั้งแต่ 20Hz ถึง 20kHz
เสียงสมจริง เต็มสเป็กตรัม: Dyson Zone สามารถทำสำเนาเสียงได้ในย่าน 6Hz ถึง 21kHz เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถมอบเสียงได้ครบทุกโน๊ต ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายในการทำสำเนาเสียงให้ตรงกับเรนจ์เสียงของคนพูด ดังนั้นการที่ Dyson Zone สามารถทำสำเนาเสียงในย่านที่เหนือการรับรู้ของบุคคล ทำให้เราสามารถมอบเสียงที่คมชัด และสมจริง เก็บครบทุกสเป็กตรัมเสียง โดยเรนจ์เสียงที่กว้างเกิดจากระบบวิศวกรรมอิเล็กโทรอคูสติก และส่วนประกอบหลักได้แก่ สปีคเกอร์ไดร์เวอร์ นิโอดิเมี่ยม ขนาด 40 มม. 16 โอห์ม
ปรับแต่งมาเพื่อให้ได้ยินครบทุกเสียง: ขับเคลื่อนด้วยมาตรวัดทางวิทยาศาสตร์และยืนยันด้วยการทดสอบโดยกลุ่มคนที่หลากหลาย วิศวกรของ Dyson สามารถระบุย่านเสียงที่สามารถมอบเสียงที่คมชัดและสมจริงที่สุดได้ และด้วยการตั้งค่า EQ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่ชัดเจน
สัมผัสประสบการณ์การฟังแบบสบาย: ไม่มีศีรษะไหนที่เหมือนกันแบบ 100% ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เองทำให้ความสบายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่งผลในการออกแบบทั้งแรงกดของที่ครอบหัว รูปทรงและวัสดุของกะบังหน้าแบบถอดได้ การปรับแต่งอุปกรณ์ และอีกมากมาย โดยโฟมครอบหูถูกออกแบบมาให้แบรนกว่าหูฟังแบบปกติเพื่อลดเสียงจากภายนอก โดยทำองศาเพื่อสอดรับกับบริเวณหูเพื่อความสบายสูงสุด
เสียงคมชัดในทุกสถานการณ์จริง
มีประชากรทั่วโลกจำนวนกว่า 190 ล้านคนที่เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ที่ทำให้ผู้เดินทางถูกสัมผัสโดยมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 ซึ่งในบางประเทศอากาศในรถไฟใต้ติดมีฝุ่นละอองมากกว่าบนถนน
ระบบเซนเซอร์ การเชื่อมต่อ และการพัฒนาแอปพลิเคชัน
ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) คือหนึ่งในก๊าซมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ที่เกิดจากทั้งรถยนต์และการก่อสร้าง และยังมีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ที่พบได้บ่อยที่สุดในตัวเมือง โดยตัวกรองคาร์บอนเคลือบโพแทสเซียมถูกออกแบบมาเพื่อดักจับแก๊ซเหล่านี้ เพื่อต่อสู้กับปัญหามลภาวะทางอากาศในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นใน Dyson Zone™ ยังมีเซนเซอร์ที่คอยวัดระดับไนโตรเจนไดออกไซด์และระดับมลพิษทางเสียงแบบเรียลไทม์และแสดงผลผ่านแอปฯ MyDyson™ นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์แบบเดียวกับที่เครื่องฟอกอากาศของ Dyson ทำได้ด้วยการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้สวมใส่และให้คำแนะนำด้านสุขภาพ หนึ่งในฟังก์ชันของ Dyson Zone™ คือการที่สามารถปรับระดับความแรงของอากาศได้อัตโนมัติเมื่อเปิดโหมด Auto และสวมกะบังหน้า ระบบตรวจจับศีรษะจะเปิดเครื่องในโหมด Standby เมื่อไม่ได้สวม และเมื่อถอดกะบังหน้าจะเข้าสูโหมดพูดคุยอัตโนมัติ ทำการปิดเครื่องกรองอากาศ และหยุดเพลง ทำให้สามารถยืดอายุแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MyDyson™ สามารถใช้เพื่อควบคุม Dyson Zone™ ปรับความเร็วของกระแสลม และเปิด-ปิดระบบตัดเสียงรบกวน รวมไปถึงปรับการตั้งค่า EQ ได้ตามความต้องการ โดยสามารถเลือกจาก 3 โหมด Dyson EQ (คุณภาพเสียงสูง) Bass Boost (เน้นเบส) และ Neutral (flatter response curve) นอกจากนั้นใน MyDyson™ ยังสามารถปรับเสียงรวมถึงรับคำแนะนำเรื่องสุขภาพของหูได้ด้วย
Dyson Zone™ หูฟังกรองอากาศถูกออกแบบโดยทีมวิศวกรจากทั้งสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน โดยสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์ การพัฒนาแอปฯและการบูรณาการถือเป็นโครงการที่สำคัญที่จะมีส่วนช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างราบลื่น และมอบฟีเจอร์ในการติดตามมลภาวะทั้งทางเสียงและอากาศอย่างชาญฉลาด
เช่นเดียวกันกับเครื่อง Dyson ทุกเครื่อง Dyson Zone™ หูฟังกรองอากาศพร้อมระบบตัดเสียงแบบ Active ถูกทดสอบอย่างถึงที่สุด ทั้งในห้องควบคุมอุณหภูมิ ทดสอบการตกจากที่สูง ทดสอบการสึกหรอของวัสดุ ทดสอบความทนทานของปุ่ม และอีกมากมาย โดยผู้ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากคือเหล่าวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบที่ Dyson Malaysia Development Centre ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทำให้สามารถทดลองสวมใส่ได้ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้นนอกเหนือจากห้องปฏิบัติการในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีการทดสอบในผู้ใช้จริงในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน และสิงคโปร์
Dyson Zone™ หูฟังกรองอากาศพร้อมระบบตัดเสียงแบบ Active จะเปิดตัวในปี 2023 ในบางภูมิภาคเท่านั้น โดยระยะเวลาการวางจำหน่ายจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยทาง Dyson จะแจ้งให้ทราบเมื่อใกล้ถึงเวลาจัดวางขาย โดยสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ Dyson.co.th
RECOMMENDED CONTENT
Toro y Moi (โตโร อี มัว) หรือ Chaz Bear (เมื่อก่อนเรารู้จักเขาในชื่อ Chaz Bundick) คือศิลปินที่มีสไตล์ดนตรีหลากหลายในทุกอัลบั้มที่ออกมา เพราะได้อิทธิพลการฟังดนตรีหลากหลายแนวตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานสไตล์ chillwave/ bedroom pop