ห่านคู่ ส่งคอลเลคชั่น ‘Misfit’ พลังสร้างสรรค์ที่เหนือไปกว่าคำว่า แรงบันดาลใจ.. พาคุณ ก้าวข้ามไปสู่เรื่องราวของสไตล์ ทัศนคติ และคุณค่าของการใช้ชีวิต ในมุมมองแฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) ที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนความธรรมดาที่ทำมาดี โดยผู้บริหารรุ่นที่ 3 บี คุณากร ธนสารสมบัติ เจ้าของแบรนด์ ห่านคู่ และ แบรนด์ DBGS จัดงาน ‘ห่านคู่ “ยืด” เพื่อโลกใบนี้’ เปิดตัวคอลเลคชั่น ‘MisFit’ (มิสฟิต) เสื้อผ้าที่ดีต่อคนดีต่อโลก ที่ได้ ‘อุ้ง กมลนาถ องค์วรรณดี’ กูรูคนดังแห่งแวดลง Sustainable Fashion นั่งเป็นปรึกษาคอลเลคชั่นฯ ร่วมrepurposeชิ้นงานคุณภาพเดิม รังสรรค์ให้เกิดเป็น ‘เสื้อยืด’ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในงานที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 6 ธันวาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ได้มีการจัดโซนนิทรรศการ 3 คอนเซ็ปท์ รวมทั้งจุดกิจกรรมแชริตี้ ‘Misfit-LOOP’ ให้ผู้ที่จะมามาชมงานได้มอบสิ่งดีๆกลับสู่สังคม ซึ่งในวันเปิดตัว กิจกรรมบนเวทียังได้ พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน Co-Founder & Story Curator จาก Glow Story ผู้ออกแบบแคมเปญการตลาด ห่านคู่เสื้อยืด ธรรมดา ที่ทำมาดี ที่สร้างความประทับใจแก่แฟนห่านคู่และผู้คนในทุกคอมมิวนิตี้มาแล้วตลอดปี 2022 มาร่วมพูดคุยกับทั้ง 2 ท่าน ในหัวข้อ “การขยับตัวของแบรนด์เสื้อยืดห่านคู่ เพื่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้ด้านแฟชั่นยั่งยืน
คุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บ.โรงงานไทยแลนด์นิตติ้ง ผู้ผลิตและจำหน่าย สินค้าแบรนด์ ห่านคู่ (DOUBLE GOOSE) และ สตรีทแบรนด์ DBGS บอกเล่าจุดเริ่มต้นของ Misfit ว่า “หลังจากแบรนด์ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงต่างๆในธุรกิจแฟชั่น รวมถึงแง่มุมของปัญหาในวงการการผลิตเสื้อผ้ามาอย่างยาวนาน วันนี้ที่มีความพร้อมแล้วทั้งในด้านโอกาส วัตถุดิบ และองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เราก็อยากทำอะไรดีๆเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ในระยะยาวอย่างยั่งยืนจากสิ่งธรรมดาที่เรามีเราเห็นอยู่ทุกวัน ให้เกิดเป็นบางอย่างที่พิเศษขึ้นภายใต้พื้นฐานที่ต้อง ‘ทำมาดี’ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของห่านคู่ เสื้อยืดธรรมดาที่ทำมาดี จึงเกิดเป็นมูฟเม้นท์ใหม่ของห่านคู่ที่จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่ Misfit นี้เป็นต้นไป เราอยากสร้างเสื้อผ้าที่ดีต่อคน ดีต่อโลก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดขยะลดภาระในการกำจัดวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้า ส่งผลไปยังการเปลี่ยนแปลงที่ดีเข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economic) ในอนาคต ผ่านการออกแบบคอลเลคชั่นที่จะเป็นเสื้อผ้าที่มีคุณภาพในทุกมิติมากที่สุดเท่าที่เราจะมีกำลังทำได้ ให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงสังคม เศรษฐกิจ และแน่นอนต้องสวยและสร้างสรรค์ ทำให้คนใส่ดูดี รวมถึงเข้าถึงไอเดียที่ว่าแม้เป็นเรื่องของแฟชั่นก็สร้างความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ได้”
“หัวใจของคอลเลคชั่นนี้คือ การตระหนักรู้และเห็นค่าของวัตถุดิบทุกชิ้นส่วน ที่ถูกสร้างมาอย่างดีด้วยฝีมือและน้ำพักน้ำแรง ของช่างฝีมือทุกคน แต่ไม่ว่าคนหรือเครื่องจักรก็สามารถผิดพลาดกันได้ มันก่อให้เกิดวัตถุดิบที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบขึ้น ซึ่งเรานำสิ่งที่เหล่านี้มาทำการบ้านใหม่อีกครั้ง ทำอย่างไรที่จะ reimagine ให้ชิ้นงานดีๆแต่เพียงแค่มันไม่เข้ากันบ้าง ผ้าสีเดียวกันแต่เฉดไม่เหมือนกันบ้าง หาวิธีให้งานเหล่านั้นกลับมามีคุณค่าได้โดยต้องผสานความไม่สมประกอบเหล่านั้น (*misfit) เข้ากับศิลปะ การออกแบบ อย่างกลมกล่อมลงตัวพร้อมให้เป็นเสื้อยืดตัวใหม่ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวมันเองให้แก่ผู้สวมใส่ได้”
โดย Misfit จะประกอบไปด้วย 2 สไตล์การออกแบบ 1.) Misfit Solid ดีไซน์ที่เกิดจากกระบวนการ Upcycle การแปรรูป ผลิตภัณฑ์เดิมที่มีตำหนิ รวมถึงผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ทำจากเศษผ้าชิ้นเล็กๆจากกระบวนการตัดหรือวางแบบ ออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ นำไป Recycle ให้ได้ผืนผ้าที่นำมาตัดเย็บใหม่ โดยไม่ผ่าน การฟอกย้อมสีอีก หัวใจและรูปแบบจะเป็นเสื้อผ้าสีเรียบใส่ง่าย แต่มีฟังชั่นการใช้งานเล็กๆน้อยๆ ซ่อนอยู่ เช่น กระเป๋าในขนาดและความลึก ที่สามารถใส่ของได้จริง เช่น เงิน กุญแจ หรือโทรศัพท์ เป็นต้น 2.) Misfit Random (Mosaic) ภายใต้กระบวนการทำงาน Upcycle ด้วยการแปรรูป ชิ้นผ้าที่ผิดพลาดจากกระบวนการย้อม และ ตัดเย็บ นำมาตัดต่อ ทำ patchwork ใหม่เพื่อเป็นการใช้ชิ้นผ้าให้ได้มากที่สุด เกิดเป็นเสื้อตัวใหม่ที่มีลวดลายและสีสันต่างๆที่แบรนด์จะเปลี่ยนเซ็ตสีตามฤดูกาล ทั้งหมดจะมาใน 3 รูปแบบ ได้แก่ เสื้อ Crop, Regular, และ Oversize ซึ่งยังคงดีเทลการตัดเย็บคุณภาพสูงจากเหล่าช่างฝีมือของห่านคู่ อาทิ การวางผ้า ตะเข็บ งานขลิบริมหรือรอยต่อ ฝีเข็ม เป็นต้น แม้จะเป็นชิ้นงานที่ทำมาจากวัตถุดิบคงเหลือจากการใช้งานเดิมก็ตาม
ด้าน กมลนาถ องค์วรรณดี ที่ปรึกษาคอลเลคชั่น Misfit ให้เป็นแฟชั่นยั่งยืน เล่าถึงการร่วมงานในโปรเจ็ทค์ Misfit ว่า “คอลเลคชั่นนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆที่น่ายินดี ที่แบรนด์เสื้อยืดในตำนานอย่างห่านคู่เริ่มขยับตัวเพื่อสิ่งแวดล้อม และเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้คนธรรมดาๆ ซึ่งเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของสังคมนั้น สามารถเข้าถึง และเข้าใจว่าจริงๆแล้วการบริโภคแฟชั่นอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เรื่องยากใครๆก็ทำได้ เพราะหัวใจหลักคือการยืดอายุการใช้ให้ยาวนาน การซ่อมแซม การดูแลรักษา และการนำวัตถุดิบเดิมมาออกแบบใหม่ มีต้นทุนที่น้อยกว่าและจะสร้างความยั่งยืนกว่ามาก มองว่าการที่แบรนด์ห่านคู่จะลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ สร้างการเปลี่ยนแปลง และเป็นตัวอย่างให้ผู้ผลิตในประเทศไทย มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นับเป็นความกล้าหาญ และสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ตั้งใจจะทำให้ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่คนธรรมดาทุกคนเข้าถึงได้ง่าย
หน้าที่ของเราหลักๆเลย คือถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านการออกแบบเพื่อความยั่งยืน และการออกแบบหมุนเวียน (Circular Design) โดยชวนทีมห่านคู่ “คิดให้ครบ” ด้วยการถอยออกมามองภาพใหญ่ของธุรกิจ ว่าการผลิตเสื้อผ้า 1 ชิ้นนั้น จำเป็นต้องคิดถึงตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตลอดทั้งกระบวนการ และชวนมองหาจุดที่สร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมสูง และจุดที่ทางบริษัทสามารถปรับปรุงหรือเริ่มต้นลงมือทำได้จริงเพื่อเป็นโครงการนำร่อง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะมองภาพใหญ่ว่าทั้งกระบวนการนี้จำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ซึ่งจะเป็นแผนงานในระยะยาวต่อไป
อีกทักษะหนึ่งคือ การผนวกรวมความรู้ด้านความยั่งยืนเข้ากับด้านการสร้างแบรนด์และการตลาด เนื่องจากเคยทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นมาก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งความตระหนักถึงการรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมของห่านคู่ในครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Core Principle ของแบรนด์ ที่จะใช้เป็นหลักยึดในการทำงาน หรือการทำการสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจ ต่อไปได้ในอนาคต”
ในขณะที่ พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน Co-Founder & Story Curator จาก Glow Story ในฐานะผู้ทำคลอดแคมเปญการตลาดเสื้อยืดธรรมดา ที่ทำมาดี ให้แก่แบรนด์ฯ เผยมุมมองที่มีต่อแบรนด์ว่า “ภายใต้การทำงานร่วมกันในการสื่อสารคุณค่าของคอนเซ็ปท์ “ธรรมดาที่ทำมาดี” นั้น คือการสร้างเรื่องเล่าในวันนี้ ที่ห่านคู่ได้ทำความเข้าใจและตั้งใจจะคอนเนคกับคนรุ่นใหม่ และลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัย ด้วยหัวใจและฝีมือ ซึ่งในฐานะคิวเรเตอร์ของแบรนด์ เราจะร่วมเดินทางและผลักดันให้ไอเดียดีๆสร้างประโยชน์ต่อคนรอบข้าง ที่ห่านคู่ได้สร้างสรรค์ขึ้นให้เกิดการสื่อสารได้อย่างเข้าถึงผู้บริโภค สำหรับ“ยืด..เพื่อโลกใบนื้” ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากครับ เพราะนอกจากห่านคู่จะมีทิศทางที่ชัดเจน ค่อยๆขยับช้าๆแต่มั่นใจในโฟกัสหลักที่จะก้าวเดินไป คือเป็น เสื้อยืดที่ Classic ใส่ง่าย สบาย ทน เข้าได้กับทุกคน ทุกช่วงเวลา ไม่ใช่ fast fashion อยู่แล้วนั้น ในวันนี้ เสื้อยืดธรรมดาอย่างห่านคู่ ได้ทุ่มเททำกระบวนการ สินค้า และกิจกรรมหลังจากนี้ ให้ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา แต่การชวนคุณอุ้งมาให้คำแนะนำและครีเอทโปรเจ็คท์ร่วมกัน หลังจากนี้ไป จะมีเรื่องเล่าต่อเนื่อง ที่คงจะธรรมดา แต่ทำมาดี ให้ได้ชมกันต่อเร็วๆนี้แน่นอน”
ซึ่ง 1 กิจกรรมพิเศษ “Misfit-Loop” (*จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 6 ธันวาคม 2565ณ สามย่านมิตรทาวน์ บริเวณลานกิจกรรม ชั้น G ฝั่ง North ) แชริตี้เก๋ๆร่วมสร้าง movement ดีๆให้สังคม นำเสื้อผ้าที่ยังอยู่ในสภาพดี กลับมาใช้ กลับมาแชร์ กติกาคือเชิญชวนให้ทุกคนดูในตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อยืดออกมา 3 ตัว ที่ไม่ได้ใช้เกิน 3 ปี นำมา ณ จุดห่านคู่ MISFIT-LOOP ที่ SYM สำหรับเสื้อยืดจากเส้นใยฝ้าย 100% จะได้รับคูปองส่วนลดในการซื้อสินค้ารุ่นใดก็ได้ 100 บาท และสำหรับเสื้อยืดผสมเส้นใยสังเคราะห์ จะได้รับคูปองส่วนลด 50 บาท (การคัดแยกประเภทจะดำเนินงานโดย T-shirt Expert) สำหรับเสื้อที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ จะส่งต่อให้แก่ร้านปันกัน มูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อให้เกิดการใช้งานต่อ
นอกจากนี้ สินค้า Misfit จะเพิ่มสีสันต่างๆในคอลเลคชั่นนี้ อีกครั้งในเดือน มกราคม 2566 นี้ ที่ช้อป Misfit สาขา ICS ตรงข้าม ไอคอนสยาม รายละเอียดสินค้าติดต่อได้ที่ www.doublegoose.com FB : ห่านคู่DoubleGoose.me/doublegoosethailand IG : doublegoosethailand Line : https://lin.ee/SMnAR4p และ Shopee Lazada Shop ห่านคู่ 4 สาขา สามย่านมิตรทาวน์, เดอะมอลล์ท่าพระ, เดอะมอลล์บางแคเดอะมอลล์บางกะปิ
#ห่านคู่ #Doublegoosethailand #Misfit #เสื้อยืดธรรมดาที่ทำมาดี #แฟชั่นยั่งยืน
RECOMMENDED CONTENT
Gareth.T ศิลปินหนุ่มฮ่องกง ผู้มีสไตล์ดนตรี R&B นุ่มละมุนอย่างมีเอกลักษณ์ ปล่อยซิงเกิลแรก “best me i can” ภายใต้สังกัด Umami Records โดยเพลงนี้เขาสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างละเมียดละไม มาพร้อมกับเมโลดี้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ด้วยความหมายที่สื่อถึงการใช้ชีวิตในเวอร์ชั่นแบบเป็นตัวเองอย่างดีที่สุด