Congratulations! ในที่สุดคุณก็ได้รับแจ้งให้ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทที่คุณฝันอยากเข้าไปทำงานมานาน แน่นอนว่าโอกาสมาถึงตัวคุณแล้ว คุณคงไม่อยากทำให้โอกาสนี้หลุดลอยไป หรือทำให้มันพังง่ายๆหรอกใช่ไหมล่ะ โอเค คุณเรียบจบมาจากมหาวิทยาลัยอย่างดี เคยไปอินเทิร์นที่บริษัทชื่อดังมาก่อน และมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณมั่นใจว่าคุณเพอร์เฟคต์มากๆสำหรับตำแหน่งที่คุณสมัครไป แต่สุดท้าย ความรู้ความสามารถอันยอดเยี่ยมของคุณจะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ถ้าคุณไม่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ที่นายจ้างจะจ้างคุณเพียงเพราะ resume คุณดูดีเหลือเกินบนหน้ากระดาษ คุณต้องสามารถสร้าง “first impression” หรือความประทับใจแรกพบให้กับผู้สัมภาษณ์ของคุณ จนเขาลืมคุณไม่ลงเลยล่ะ (ในทางที่ดีนะ ไม่ใช่ทางที่แย่)
สำหรับการสัมภาษณ์งาน ไม่เพียงแต่จะมีมารยาทสำคัญต่างๆที่คุณไม่ควรลืมด้วยแล้ว – อย่ามาสาย แต่งตัวให้เรียบร้อย บลา บลา บลา แต่มันก็ยังมี “unwritten rules” หรือกฎไม่ตายตัวต่างๆที่คุณควรใส่ใจเอาไว้ให้ดี เพราะว่าสมัยนี้บริษัทต่างๆมีการแข่งขันสูงขึ้นมาก มาตรฐานของผู้สมัครงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นถ้าเราไม่เตรียมตัวสัมภาษณ์งานให้ดีๆ มีหวังล้มเหลวเอาได้ง่ายๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องมานั่งร้องไห้ เสียใจในภายหลัง เรามาดู “10 ข้อต้องห้าม ที่คุณไม่ควรทำโดยเด็ดขาดเวลาสัมภาษณ์งาน” กันดีกว่า ขอบอกว่าบางข้อเห็นแล้วคุณจะนึกไม่ถึงเลยล่ะ
1. ไม่ซ้อมการสัมภาษณ์มาก่อน
เหตุการณ์สมมุติฝันร้าย: เมื่อ hiring manager ถามคุณว่า “จุดแข็งของคุณคืออะไร?” แล้วคุณตอบว่า “อ๋อ ฉันเข้ากับทุกคนได้ดีค่ะ” …แป๊ก!
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าบริษัทต่างๆสมัยนี้มีการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นคุณควรเป็นตัวของตัวเอง และแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณเตรียมตัวตอบคำถามและคิดคำตอบมาอย่างดีสำหรับงานนี้ โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นว่าทำไมคุณถึงเหมาะสมสำหรับตำแหน่งนี้มากที่สุด ถ้าคุณไม่ได้ซักซ้อมการสัมภาษณ์มาก่อน สุดท้ายมันก็จะจบลงด้วยการตอบคำถามแบบไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเหมือนกับตัวอย่างข้างบน เพราะฉะนั้นคุณควรซ้อมการตอบสัมภาษณ์มาจากที่บ้านเลย จะซ้อมกับเพื่อน แฟน หรือคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ ให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นเหมือน hiring manager ตอนแรกๆคุณอาจจะมีอาการเคอะเขินนิดหน่อย แต่นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้เตรียมคำตอบที่น่าสนใจ และสะท้อนถึงความเป็นคุณออกมา เพราะไม่มี hiring manager คนไหนชอบการตอบแบบหุ่นยนต์หรอกนะ
2. ถ่อมตัวในความสามารถของตัวเองมากเกินไป
การที่ทางบริษัทเรียกคุณเข้าไปสัมภาษณ์ ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสนใจในตัวคุณ ทีนี้ก็เป็นทีของคุณที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาคิดไม่ผิด ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน หรือไม่ค่อยคุ้นกับการต้องพูด show off ความสามารถของตัวเองแล้วล่ะก็ คุณจำเป็นที่จะต้องซักซ้อมคำตอบของคุณให้ดีเลยล่ะ เพราะในเมื่อโอกาสมาถึงคุณแล้ว คุณก็ควรที่จะพูดถึงความสามารถของคุณให้เต็มที่
3. พูดมากเกินไป
โอเค คุณจำเป็นที่จะต้อง show off (แบบพอดีๆ) ความสามารถของตัวเอง บลา บลา แต่มันก็จะถึงบางจุดที่คุณควรจะรู้ตัวว่าต้องหยุดพูดเมื่อไหร่ ยังไง ถ้าคนสัมภาษณ์เขาถามหรือแสดงท่าทีให้คุณพูดต่อ ก็พูดต่อ แต่ถ้าเขากำลังจะเปลี่ยนเป็นคำถามอื่น คุณก็ควรที่จะ flow ไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่มัวแต่พูดถึงความสามารถตัวเองแบบน้ำไหลไฟดับ จนไม่ทันสังเกตว่าคนสัมภาษณ์ของคุณเขามีท่าทีอย่างไร
4. เล่นกับผมตัวเอง แคะเล็บ นั่งกระดิกขา
คนเราทุกคนเวลาตื่นเต้นมากๆมักจะมีอาการแตกต่างกันไป และจะยิ่งเห็นชัดเวลาต้องอยู่ต่อหน้าคนสัมภาษณ์งานแบบตัวต่อตัว เพราะฉะนั้นคุณควรหัดที่จะควบคุมไอ้นิสัยชอบกัดปากเวลาตื่นเต้น หรือหัวเราะเวลารู้สึกประหม่าทั้งหลายเหล่านั้นซะ เพราะถ้าคุณเผลอหลุดอาการเหล่านี้ออกไปให้ผู้สัมภาษณ์เห็น พวกเขาจะโฟกัสไปที่สิ่งเหล่านั้นทันที ดังนั้นเวลาคุณซ้อมสัมภาษณ์กับเพื่อน ให้เขาคอยสังเกตการแสดงออกของคุณให้ดี และลองจดพวกคำว่า “เอ่อ..” “อืม..” ว่าคุณหลุดพูดออกไปกี่ครั้งบ้าง แล้วคุณจะเซอร์ไพรส์
5. ไม่รู้จักถามคำถาม
จริงอยู่ที่การพูดมากเกินไปอาจทำให้ผู้สัมภาษณ์รำคาญคุณได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทถามคำตอบคำนั่นยิ่งแย่กว่าหลายเท่า ไม่เพียงแต่การสัมภาษณ์งานจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทางบริษัทได้ทำความรู้จักกับคุณมากขึ้นแล้ว แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสให้คุณได้ถามและเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทที่คุณอาจได้เข้าทำงานด้วยเช่นกัน ถ้าคุณไม่แสดงให้ผู้สัมภาษณ์งานเห็นเลยว่าคุณก็มีความสนใจเกี่ยวกับบริษัท ทีมทำงาน หรือรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับบริษัท ก็ช่วยไม่ได้ถ้าคุณจะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจหรือพยายามอยากได้งานเท่าที่ควรในสายตาผู้สัมภาษณ์ อย่างน้อยคุณควรเตรียมคำถามสัก 3 คำถามไปก็ยังดี
6. การบอกว่าตัวเองไม่มีจุดอ่อน หรือไม่เคยทำอะไรผิดพลาดมาก่อนเลย
โอเคๆ คุณแบบ อาจจะเป็นคนที่เจ๋งมากกกจริงๆอ่ะนะ แต่ร้อยทั้งร้อยคนเราทุกคนต้องมีจุดอ่อน หรือเคยทำอะไรผิดพลาดมาก่อนทั้งนั้นแหละ และนี่แหละคือหนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้สัมภาษณ์จะต้องถามคุณ เพราะพวกเขาอยากรู้ว่า ถ้าเกิดคุณทำงานผิดพลาดขึ้นมา หรือทางบริษัทเกิดประสบปัญหาอะไร คุณจะปรับปรุงตัวยังไง หรือช่วยแก้ไขสถานการณ์ยังไงได้บ้าง แน่นอนว่าพวกเขาอยากได้คนที่เป็นผู้นำมาร่วมทีม แต่เขาก็อยากให้ผู้นำคนนั้นสามารถเป็น team player ได้เหมือนกัน ตอนแรกคุณอาจรู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยที่จะต้องพูดถึงจุดอ่อนของตัวเองให้ผู้สัมภาษณ์ฟัง แต่ถ้าคุณสามารถบอกได้ว่าคุณได้เรียนรู้หรือปรับปรุงตัวจากข้อผิดพลาดในอดีตได้ยังไง รับรองว่าผู้สัมภาษณ์จะรู้สึกประทับใจ และนับถือในตัวคุณขึ้นมาไม่มากก็น้อยเลยล่ะ
7. ไม่สบตาผู้สัมภาษณ์
“Body language” หรือภาษากายเป็นสิ่งสำคัญมากในการสัมภาษณ์งาน ห้ามลืมไหว้ สบตา และการพูดจาฉะฉานเด็ดขาด ต่อให้คุณรู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหน จงตั้งสติให้มั่น นั่งหลังตรง และมองตาผู้สัมภาษณ์ตลอดเวลา อย่าลืมว่าความมั่นใจคือกุญแจสำคัญเสมอ
8. มัวแต่มองมือถือ
ขอร้องเลย เวลาเข้าไปสัมภาษณ์งานจงปิดมือถือ และแท็บเล็ตใส่กระเป๋าซะ จงคิดเสียว่าการสัมภาษณ์งานก็เป็นเหมือนเดทครั้งแรกที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ คุณอยากจะโชว์ให้ผู้สัมภาษณ์เห็นความฉลาด ความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นที่คุณอยากจะได้งานนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การที่คุณเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ และคอยแอบเหลือบมองมันตลอด แสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่า ใจคุณนั้นไม่ได้อยู่ในห้องสัมภาษณ์นี้เลย ฟังดูแล้วไม่ดีเอาเสียเลยใช่ไหมล่ะ
9. ทำตัวตีซี้/สบายๆกับผู้สัมภาษณ์มากเกินไป
รู้เอาไว้ตอนนี้เลยว่าพวก HR จะพูดเก่งเสมอ พวกเขาจะคุยสนุก และส่วนใหญ่ก็จะอายุยังน้อย หลายครั้งคุณเลยรู้สึกว่าพวกเขาก็คงอายุไล่เลี่ยกับคุณนั่นแหละ น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ชัวร์ ขอบอกว่าช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะได้งานจริงๆ เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรที่จะทำตัวผ่อนคลายมากจนเกินไป แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เวลาได้เจอผู้สัมภาษณ์ที่ใจดีและเฟรนด์ลี่ แต่สุดท้ายยังไงนี่ก็คือการสัมภาษณ์งาน จงจำเอาไว้เสมอว่าผู้สัมภาษณ์งานเขาจะพิจารณาคุณตั้งแต่คุณเดินเข้ามาในห้อง จนถึงนาทีที่คุณเดินออกไปทุกครั้ง เพราะฉะนั้นอย่าประมาทเด็ดขาด
10. ขอร้อง อย่าเป็นคนถามเรื่องเงินเดือนก่อน
แน่นอนว่าพวกเราอยากได้งานที่มีเงินเดือนดีกันทุกคน เพราะสมัยนี้อะไรๆก็ขึ้นราคา แล้วไหนจะต้องคอยจ่ายค่านู่นค่านี่อีกล่ะ แต่การรีบถามถึงเงินเดือนที่จะได้ จะทำให้ผู้สัมภาษณ์คิดทันทีว่าคุณสนใจเรื่องเงินมากกว่าเรื่องงาน เผลอๆอาจทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณควรรอให้ผู้สัมภาษณ์เป็นคนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ก่อน (เป็นสัญญาณว่าพวกเขาอยากจ้างคุณ) หลังจากนั้นคุณจะเจรจาอะไรยังไงก็แล้วแต่คุณเลย
Credit: Cosmopolitan
RECOMMENDED CONTENT
Quattro Design เปิดเทรนด์ปี 2021 การออกแบบเพื่อความสุข และสร้างพลังในการใช้ชีวิต รับสไตล์คนในโลกยุคปัจจุบันต้องอยู่อาศัยบ้านมากขึ้น พร้อมสื่อสารผ่าน VDO กับโปรเจ็ค THE DIPLOMAT 39 คอนโดมิเนียมสุดหรู ตอกย้ำผู้ให้บริการ Interior Design แบบ One-Stop Service