ด้วยวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของผู้ก่อตั้ง “Johnnie Walker” ที่สืบสานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ศตวรรษ บวกกับจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักบุกเบิก รสสัมผัสของวิสกี้ลุ่มลึกพร้อมดีไซน์เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ชื่อ “Johnnie Walker” และปรัชญา “KEEP WALKING” จึงยังคงสร้างแรงบันดาลใจและความเซอร์ไพรส์ให้กับคนทั่วโลกอยู่เสมอ และด้วยจุดยืนที่ชัดเจนในการนำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ความเหนือระดับ และการสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนๆทั่วโลก Johnnie Walker จึงเป็นผู้บุกเบิกตำนานปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดแห่งปี ภายใต้ชื่อ “The Blacklist” ที่จะเชื้อเชิญเฉพาะแขกระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งเซเลบริตี้ และดารานักแสดงระดับแถวหน้า รวมถึงแฟนๆของ Johnnie Walker ให้มาร่วมเฉลิมฉลองความก้าวหน้าและความสำเร็จของชีวิตไปด้วยกัน และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นที่สุดของแบรนด์ที่มีจิตวิญญาณของนักบุกเบิกที่พร้อมมอบประสบการณ์อันแปลกใหม่ให้กับแฟนๆเสมอ ในปีนี้ Johnnie Walker จึงขอมอบประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจในรูปแบบที่ยังไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อนในประเทศไทย ครั้งแรกกับการเปิดงาน “House of Walker” ต้อนรับทุกคนให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์พิเศษในโลกของนักบุกเบิกที่เต็มไปด้วยสุนทรียะแห่งรสชาติ ตลอดวันที่ 10 ธันวาคม – 3 มกราคมนี้

“House of Walker” ถือเป็นงานอีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดส่งท้ายปี กับการเนรมิตคฤหาสน์หลังใหญ่อันเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลังมาไว้ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ลาน Parc Paragon ซึ่งงานนี้ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองมรดกอันทรงคุณค่าของ  Johnnie Walker ผู้ก่อตั้ง และลูกๆ ของเขา และเพื่อให้แฟนๆของ Johnnie Walker ได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งพิเศษ ภายในงาน House of Walker คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับโชว์การแสดงมากมายในรูปแบบเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ การใช้ 4D เซนซอรี่ เทคโนโลยี visual & sound ดิจิตอลโปรเจคชั่นแมปปิ้ง และการแสดงในรูปแบบ Theatrical Performance ต่างๆ ซึ่งรับรองว่าในงานนี้ ทุกประสาทสัมผัสของคุณ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส จะถูกกระตุ้นอย่างที่คุณไม่เคยเจอที่ไหนแน่นอน กับประสบการณ์แห่งการผจญภัยในครั้งนี้

ในเรื่องของอาหารที่จะนำมาเสิร์ฟให้คุณในงานนี้ แน่นอนว่าต้องพิเศษและไม่ธรรมดา เพราะทาง Johnnie Walker ได้จับมือกับ Hyde & Seek, Roof Hideaway, Perfume และ Vesper 4 ร้านอาหารชั้นนำของกรุงเทพฯที่กำลังมาแรง และถือว่าเป็นผู้นำเทรนด์ในเรื่องของการคิดค้นและสร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่เสมอ เริ่มกันที่ร้าน Vesper กันก่อน ร้านนี้ถือเป็นน้องใหม่ในทั้งหมดของร้านอาหารยอดนิยมทั้ง 4 ร้าน ที่มีจุดเริ่มต้นจากความรักในการดื่มอย่างจริงจัง ก่อเกิดเป็นร้านอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุโรปทั้งในการตกแต่งและจิตวิญญาณของการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม ดังนั้น Vesper จึงโดดเด่นในการสร้างสรรค์ค็อกเทลที่ผสมผสานความเรียบง่ายแบบสมัยใหม่ให้เข้ากับความหรูหราแบบคลาสสิค ภายใต้คุณภาพที่รับประกันด้วยฝีมือของมิกซ์โซโลจิสต์จากลอนดอน ส่วนในเรื่องของรสชาติเมนูอาหาร Vesper ก็ถือเป็นที่ยอมรับ กับอาหารที่สะท้อนถึงคุณภาพ ความใส่ใจ และการรักษาขนบธรรมเนียมของอาหารสไตล์สแปนิช-อิตาเลียนเอาไว้อย่างครบครัน ภายใต้ความดูแลของเชฟ Luca Appino และสำหรับงาน House of Walker ทาง Vesper ก็ได้รังสรรค์ Signature Dish ของทางร้านที่เชฟ Luca ได้คิดค้นมาอย่างดีให้เข้ากับเครื่องดื่ม Johnnie Walker แต่ละชนิด โดยจะเสิร์ฟพร้อมให้คุณได้ลิ้มรสระหว่างวันที่ 10 – 15 ธันวาคม 2014

ส่วนระหว่างวันที่ 16 – 21 ธันวาคม คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์อันแปลกใหม่ ผ่านรสชาติอาหารของร้าน Perfume ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์อย่างแท้จริง ความโดดเด่นของร้านนี้ก็คือคอนเซ็ปท์ภายใต้ “Fragrance Bar and Aromatic Cuisine” ที่ผสมผสานกลิ่นหอมหวานอันเย้ายวนเข้ากับรสชาติอันอันล้ำเลิศของอาหารเอาไว้เป็นอย่างดี สำหรับ Signature Dish ของ Perfume ที่จะเสิร์ฟภายในงาน House of Walker ในครั้งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาอันยิ่งใหญ่ ‘Keep Walking’ ของ Johnnie Walker โดย Perfume เองก็มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากนวัตกรรมและการพัฒนาทางด้านอาหารตลอดเวลาของทางร้าน และเพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอ ทุกเมนูอาหารของ Perfume ภายในงานนี้จะอยู่ภายใต้การรังสรรค์ด้วยฝีมือของเชฟ อิ๊ก-บรรณ บริบูรณ์ ที่ตั้งใจให้ Signature Dish จุดประกายความตื่นเต้นในการรับรู้ของทุกประสาทสัมผัส ของแขกทุกคนที่มาร่วมงาน

ต่อด้วย Hyde & Seek ร้านอาหารที่เปี่ยมไปด้วยมาตรฐานการทำอาหารและการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีตามแบบฉบับของ “เชฟ เอียน-พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย” เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารสไตล์ Molecular Gastronomy อันเป็นนวัตกรรมในการรังสรรค์อาหารรูปแบบใหม่ที่นำหลักการทางวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ เข้ามาใช้ โดยการดัดแปลงอนุภาคในมวลสาร ทำให้เกิดเป็นอาหารที่มีรูปร่างหน้าตาแบบใหม่ มีสีสันตามคอนเซ็ปท์ของร้านอย่างแท้จริง และในการร่วมมือกับ House of Walker ในครั้งนี้ Hyde & Seek ได้หยิบเอาแรงบันดาลใจจากการจินตนาการถึงแหล่งกำเนิดของ Johnnie Walker ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาอันสูงชัน ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม มหาสมุทรแอตแลติกอันเวิ้งว้าง และวัตถุดิบท้องถิ่นจากสก็อตแลนด์มาถ่ายทอดผ่าน Signature Dish ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน การผสมผสานระหว่างเทคนิคการทำอาหารสุดล้ำกับจิตวิญญาณแห่งความยิ่งใหญ่ได้รับการถ่ายทอดออกมาผ่านเมนูต่างๆ อ่านมาเท่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วใช่ไหมล่ะ เตรียมสัมผัสรสชาติอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hyde & Seek ได้ในวันที่ 22 – 27 ธันวาคม 2014

ส่วนร้านสุดท้าย Roof Hideaway ความโดดเด่นของร้านนี้คือการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารแบบ casual dining กับบรรยากาศอันแสนสบาย บนดาดฟ้าที่มองเห็นวิว 360 องศา บนชั้น 3 ของคลับชื่อดังที่อยู่ในใจของผู้คนมายาวนานอย่าง Muse ด้วยการรังสรรค์อาหารสไตล์ฟิวชั่น ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย และเมนูสุดพิเศษที่ Roof Hideaway ได้บรรจงรังสรรค์ขึ้นมาให้กับแฟนๆ Johnnie Walker ในงาน House of Walker ในครั้งนี้ เป็นเมนูที่ตั้งใจจะเสริมประสบการณ์ 4D เซ็นเซอรี่ ให้พุ่งทะยานถึงขีดสุด โดยเริ่มจากโจทย์ของการเติมเต็มประสาทสัมผัส นำมาผสานรวมกับเอกลักษณ์สไตล์ Roof Hideaway สำหรับใครที่เป็นแฟนของร้านอาหารร้านนี้ เตรียมเติมเต็มประสบการณ์ความประทับใจด้วยอาหารฟิวชั่นล้ำสมัยในรสชาติที่ถูกปากได้ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2014 – 3 มกราคม 2015

เพื่อเป็นการตอกย้ำความพิเศษเหนือระดับของงาน House of Walker ในเรื่องของเครื่องดื่มในงานนี้ ทาง Johnnie Walker ได้นำมิกซ์โซโลจิสต์ระดับโลกจากการแข่งขัน “Diageo Reserve World Class” ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในการปรุงแต่งความละเมียดละไมของรสชาติค็อกเทล มาบรรจงรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มจาก Johnnie Walker ขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อส่งเสริมให้ทุกองค์ประกอบของของ 4D เซนซอรี่เข้าถึงอณูที่ลึกที่สุดของประสาทสัมผัสของทุกคนที่มาร่วมงาน อาทิเมนู “Phoenix Realm” จากส่วนผสมของ Johnnie Walker Red Label น้ำมะนาวคั้นสด น้ำเชื่อมลูกกระวาน และน้ำสับปะรด ถูกนำมาเชครวมกันเพื่อนำเสนอรสฟรุตตี้และสไปซ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Johnnie Walker Red Label พร้อมเสิร์ฟในแก้วมาร์ตินี่สุดหรู และปิดท้ายด้วยการจุดเปลวไฟอันร้อนแรงจากเพื่อเปิดประสาทสัมผัสให้ดื่มด่ำกับความเป็นเรดให้มากยิ่งขึ้น “Black to the Past” การผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบของ Johnnie Walker Black Label และชาดำโฮมเมด พร้อมเติมความหวานด้วยแยมแบล็กเคอร์เรนต์สูตรเข้มข้น ตามด้วยไวน์องุ่นลงไปเล็กน้อย ก่อนจะเติม Peychaud’s Bitters ผสมให้เข้ากันจนเกิดเป็นเครื่องดื่มสีดำเข้ม และเสิร์ฟพร้อมแก้วร็อคบรรจุไอซ์บอลที่ประดับด้วยส้ม และ “1920 Rhapsody”  ความพิถีพิถันในการคัดสรรส่วนผสมที่ถ่ายทอดความหรูหราของ Johnnie Walker Gold Label Reserve ออกมาอย่างไม่มีที่ติ ด้วยการนำเอา Johnnie Walker Gold Label Reserve ผสมกับน้ำมะนาว น้ำเสาวรส และเติมความหวานด้วยน้ำเชื่อมวานิลลาและน้ำเชื่อมหวาน Falernum ที่ละมุนทุกสัมผัส พร้อมเพิ่มความระยิบระยับและหรูหราด้วยผงทองที่ประดับอย่างสวยงาม เสิร์ฟในแก้วมาร์ตินี่ไร้ก้าน บนชิลเลอร์ที่รองรับด้านใต้ นับว่าเป็นค็อกเทลที่นำเสนอจิตวิญญาณของการเฉลิมฉลองออกมาได้อย่างแท้จริง

ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษสุดเฉพาะงาน House of Walker เท่านั้นที่แฟนๆของ Johnnie Walker ทุกคนจะได้สัมผัสกับเมนูสุดวิเศษเหล่านี้ เพราะฉะนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อมกับเซอร์ไพรส์สุดพิเศษมากมายภายใต้ค่ำคืนแห่งความหรูหราที่ “House of Walker” คฤหาสน์หลังใหญ่อันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เหนือระดับจาก Johnnie Walker ที่จะเปิดประตูต้อนรับแฟนๆทุกคน ณ ลานพาร์ค พารากอน สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2557 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2558 นี้

Website : www.houseofwalkerth.com
Facebook : www.facebook.com/JohnnieWalker