ร้อยทั้งร้อยของชีวิตนักเดินทางทุกคน คงต้องมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์เยือนโรงแรมแปลกโรงแรมพิศดาร อยู่เสมอๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงโรงแรมที่หลุดโลกและสุดโต่งที่สุดบนที่ต่างๆบนโลกใบนี้ จะมีอะไรบ้าง เราเก็บมาให้ชมกันด้านล่างแล้ว
Dog Bark Park Inn, ประเทศสหรัฐอเมริกา
สร้างโดยศิลปินเลื่อยผู้รักสุนัขแบบเข้าเส้น จัดการออกแบบโรงแรมไม้แห่งนี้เป็นหมา Beagle ตัวเบ้ง (มีลูกจิ๋วอยู่ข้างๆ) เอกลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่ที่คนมาพักมากมาย ยังกลายเป็น Landmark สำคัญของรัฐ Idaho ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้วย มีบริการให้ทั้งที่พักและอาหาร โดยคุณเดินเข้าโรงแรมผ่านทางลำตัวของ Beagle จากนั้นก็พักอยู่ในพุงจนถึงหัวมันนั่นล่ะ
Sala Silvermine, ประเทศสวีเดน
ถ้าวิวเปิดกว้างเห็นท้องฟ้า ไม่ใช่ทางของคุณ Sala Silvermine จะมอบประสบการณ์แบบ Batman ได้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือโรงแรมถ้ำที่อยู่ลึกที่สุดในโลก! แต่ละห้องจะถูกประดับตกแต่งอย่างดีลงลึกไปในพื้นพิภพใต้ดิน แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องความอึดอัดใดๆทั้งสิ้น เพราะเขามีระบบดูแลอุณหภูมิอากาศถ่ายเทต่างๆเป็นอย่างดี
Ice Hotel, ประเทศสวีเดน
ชื่อว่า โรงแรมน้ำแข็ง จะให้ทำจากฟืนเผาไม้ก็คงไม่ใช่ นี่คือโรงแรมน้ำแข็งที่มีคนโพสต์รูปบนโลกออนไลน์ และเป็นที่ฮือฮากันอยู่พักใหญ่ เวอร์ชั่นที่เราพูดถึงประเทศสวีเดนนี้ก็เป็นต้นตำรับและใหญ่สุดแล้ว ตามหลักวิทยาศาสตร์ว่าน้ำแข็งต้องเกิดการละลาย (แต่ใช้เวลาเป็นปีนะ ไม่ใช่ว่านอนๆอยู่น้ำหยดใส่หน้าผาก) เพราะฉะนั้นทุกๆปีทางโรงแรมจำเป็นต้องมีศิลปินนักแกะสลักน้ำแข็งมาดูแลอยู่เป็นประจำ ความพิเศษก็คือทุกๆปี Interior การแกะสลักของห้องจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใครอยากพักร้อนหนีร้อนแบบไม่เหมือนใคร ก็เชิญท่ีนี่ได้เลยครับ หรือถ้างบไม่ถึง เราขอเชิญโรงน้ำแข็งใกล้บ้านท่านก็ได้ ผมว่าคือกัน
Giraffe Manor, ประเทศเคนย่า
จริงๆแล้ว นี่จะเป็นโรงแรมที่ธรรมดามาก ถ้าไม่นับว่ามีพี่ยีราฟคอโย่ง มาร่วมทานอาหารกับแขกด้วย! ตั้งอยู่ที่ประเทศเคนย่า สร้างขึ้นในปี 1932 เดิมทีที่นี่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ของคู่รักชาวอังกฤษ ด้วยเนื้อที่อันกว้างขวางกว่า 12 เอเคอร์ เป็นที่อาศัยของสัตว์ท้องถิ่น เพื่อให้สัมผัสถึงอารมณ์แอฟริกัน ซาฟารีแบบใกล้ชิด ทางโรงแรมจึงเกิดไอเดียเอายีราฟมาเลี้ยงในบริเวณซะเลย ในทุกๆช่วงของวัน ยีราฟน้อยใหญ่จะชะโงกหัวเข้ามาหาแขกในโรงแรมเพื่อขออาหาร
Sandcastle Hotel, ประเทศอังกฤษ
ชีวิตนี้ขอแค่ก่อกองทรายเก่งๆ คุณก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้เหมือนกัน สร้างโดยนักก่อกองทรายมืออาชีพ โรงแรมทรายตั้งอยู่ที่หาด Weymouth Beach ทุกสิ่งทุกอย่างในโรงแรมล้วนสร้างขึ้นจากทราย ยกเว้นแต่หลังคา (เพราะไม่มี) ประสบการณ์การนอนแบบ Outdoor ได้ยินเสียงคลื่น และรับลมทะเล สามารถใช้บริการได้โดยจ่ายแค่เพียงไม่ถึง 500 บาท ต่อหนึ่งคืนเท่านั้น นอนกับคนรักโรแมนติกเปรอะทรายนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหา
Palacio de Sal, ประเทศโบลิเวีย
เรามีโรงแรมที่ทำจากทรายมาแล้ว ทำไมเราจะมีโรงแรมที่ทำจาก “เกลือ” บ้างไม่ได้!? ข้อดีของการพักที่ Palacio de Sal แห่งนี้คือไม่จำเป็นต้องพกเครื่องปรุงใดๆทั้งนั้น ถ้ารู้สึกว่ากับข้าวเค็มไม่พอก็สามารถเลียเฟอร์นิเจอร์ หรือกำแพงได้เลย เพราะทั้งหมดถูกสร้างมาจากก้อนเกลือทั้งสิ้น (แต่เจ้าของไม่ค่อยอยากให้แขกเลียเท่านัก) คู่รักคนไหนเดินทางผ่านไปโบลิเวีย อย่าลืมชวนกันไปกัดก้อนเกลือได้ที่นี่ ขอเตือนว่าอย่าได้หกล้มเป็นแผลเชียว ไม่งั้นได้แสบแน่ๆ
Jules Undersea Lodge, ประเทศสหัรฐอเมริกา
ที่รัฐ Florida มีโรงแรมชื่อดังที่ชื่อว่า Jules Undersea Lodge ที่ถูกกล่าวขานเป็นโรงแรมที่อยู่ใต้น้ำ “จริง” จากที่มีห้องพักใต้น้ำตามโรงแรมชายหาดชื่อดังมากมาย แต่ที่นี่ถือเป็นที่แรก และการเดินทางลงไปจำเป็นต้องดำน้ำกว่า 21 ฟุตลงไปเท่านั้น (แขกเข้าพักจำเป็นต้องมีใบรับรองการดำน้ำ Scuba) ตัวห้องจริงๆนั้นมีขนาดเล็กมาก คล้ายๆกับเป็นแคปซูลสำรวจใต้ทะเล แต่มันมีตั้งแต่เครื่องอาบน้ำร้อน ไมโครเวฟ ตู้เย็น ไปจนถึง WI-FI กันเลยทีเดียว! มองภาพตามคงดูน่าสนใจดี แต่ถ้านอนๆอยู่มีพี่หลาม หรือพี่หมึกยักษ์โผล่มาคงขำไม่ออกแน่ๆ
Tianzi Hotel, ประเทศจีน
ท่องฝั่งอื่นของโลกมาสักพักแล้ว เราขอโชว์โรงแรมจากฝั่งเอเชียในลิสต์นี้กันบ้าง Tianzi Hotel (แปลไทยประมาณว่าบุตรของสวรรค์) คงไม่ต้องบอกว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร สามท่านนี้คือ ฮก ลก ซิ่ว ที่ชาวจีนนับถือในด้านโชคลาภ เพื่อเสริมบุญให้แก่ผู้พักทางเจ้าของก็เลยสร้างโรงแรมเป็นรูปปั้นยักษ์ขึ้นมาซะเลย! ห้อง Suite คือห้องลูกท้อสีเหลืองในมือของ “ซิ่ว” ส่วนห้องอื่นๆก็มีหน้าต่างเป็นตัวอักษรจีนตามผ้าคลุมของรูปปั้นทั้งสาม ของแปลกแต่เจ๋งแบบนี้ คงหาที่อื่นไม่ได้นอกจากที่เมืองจีนเท่านั้น
Das Park Hotel, ประเทศเยอรมัน
อันนี้ส่วนตัวขอบอกว่าชอบนะ ความรู้สึกเหมือนตอนดูโดเรมอนและแอบคลานเข้าไปในท่อ หรือตอนเด็กชอบคลานเข้าไปนั่งคุยกับเพื่อน ไอเดียเหล่านั้นได้ถูกพัฒนามาทำให้เป็นโรงแรมกลางสวนมันซะเลย เป็นการ Reuse ท่อเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ ใส่ประตู หน้าต่าง เตียงนอน และไฟฟ้าเข้าไป ตามจินตนาการเราว่ามันต้องนอนสบายแน่ๆ นึกภาพเอามือแนบกับผนังท่อเย็นๆนะ ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถบอกราคาที่พักเองได้อีกด้วย แหม่ ไอ้เจ้าของนี่มันก็อารมณ์ศิลปินเสียจริงๆ
Karostas Cietums, ประเทศลัตเวีย
ข้อนี้น่าจะเพี๊ยนที่สุดแล้วใน List นี้ เพราะนี่คือโรงแรมคุก ที่บอกว่าคุก นี่คืออดีตคุกจริงๆนำมาปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรม โดยแขกผู้อาศัยต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าไปเป็นนักโทษในคุกนี้ ต้องโดนริบเอาของทุกอย่าง รวมถึงเปลี่ยนชุด เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นยูนิฟอร์มเดียวกัน เข้าไปนอนในห้องขัง เสร็จแล้วตื่นมากินข้าวตามเวลา ก็ถ้าคุณมีแผนไปเที่ยวลัตเวีย แล้วขี้เกียจเดินดูเมืองยุโรปสวยๆงามๆแล้ว ลองจ่ายเงินเข้าไปนอนในตารางก็เป็นตัวเลือกที่คงไม่มีใครทำเท่าไรนัก ตามคำบอกเล่าคนที่ไปพักมาแล้ว Review ว่า บางคืนเหมือนรู้สึกนอนในห้องขังรวมกับผีนักโทษคนเก่าก็ยังมี โอ้ ดีครับดี ใครชอบของแปลกเชิญเลยครับ
Jumbo Stay Hostel, ประเทศสวีเดน
ออกนอกสนามบิน Arianda กรุง Stockholm ไปไม่ไกล คือพิกัดของ Hostel ชื่อโต้งๆว่า Jumbo Stay เพราะมันคือเครื่องบิน Jumbo Jet เปลี่ยนให้กลายเป็นโรงแรม ไอเดียของโรงแรมนี้คือ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งไฟล์ทนานๆ เมื่อเครื่องแลนด์ดิ้งปึ้บ เราต้องพักผ่อนให้ร่างกายชินกับบรรยากาศ ก็กระโดดขึ้นอีกสักเครื่อง แล้วนอนมันซะเลย ง่ายดีแท้ชีวิตนี้
Propeller Island, ประเทศเยอรมัน
มันคงไม่มีอันไหนที่ระห่ำไปกว่านี้อีกแล้ว (หรือถ้าแถวบ้านใครมีก็ Inbox มาบอกกันด้วย) นี่คือโรงแรมที่สร้างโดยศิลปิน Avant-Garde เพราะฉะนั้นความธรรมดาต้อง = 0 อยู่แล้ว ภายใน Propeller Island ประกอบไปด้วยห้องแต่ละห้องที่มีคาแรคเตอร์การตกแต่งที่ไม่ซ้ำกันเลยสักแบบ เป็นงานอาร์ตธีมต่างๆมาประกอบกัน ทั้งห้องที่เต็มไปด้วยกระจก ห้องกลับหัว ห้องที่จำลองคุกเหมือนนอนในกรงขัง ห้องละครสัตว์ที่มีเตียงนอนอยู่ในกรงสิงโตสองกรง (ทำทำไม?) ไปจนถึงห้องที่มีเตียงนอนเป็นโรงศพสองโรงก็ยังมี!
La villa Hamster, ประเทศฝรั่งเศส
… แม้จะอ่านฝรั่งเศสไม่ออก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมชื่อโรงแรมต้องมีคำว่าหนู Hamster ปนอยู่ด้วย พอเห็นรูปดูก็ถึงบางอ้อทันที ก็เพราะว่าห้องแต่ละห้องคือกรงหนูยักษ์ที่จำลองมาจากกรงหนู Hamster จริงๆ!อ้าว จะตกใจทำไม กรงหนูก็ต้องมีตั้งแต่ถาดน้ำ ถาดข้าว อุโมงค์จิ๋วให้เดินทางไปมาระหว่างห้องเหมือนกับหนูน้อยแฮมสเตอร์ และที่ขาดไม่ได้คือกงล้อหนูจำลองเหมือนของจริงสเกลต่อสเกลเป๊ะๆ ให้คู่รักที่มาพักลองเล่นท่ายากแบบหนูๆกันบ้าง (กูว่าชักจะไปกันใหญ่ละ)
The Hotel President Wilson, ประเทศสวิตซ์เซอร์แลนด์
ข้อที่แล้วคุณอาจจะชอบนอนท่อหรือนอนโรง แต่ข้อนี้เห็นแล้วจะต้องหนาว ห้อง The Royal Presidential Suite ของโรงแรมที่เรากำลังพูดถึงนี้มาพร้อมห้องแยกอีก 12 ห้อง ลิฟต์ส่วนตัว (ภายในห้อง) ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ นี่ไม่น่าจะใช่ห้อง Suite ที่ครอบครัวไก่กาจะมาจองพักแน่นอน สังเกตได้จากประตูและหน้าต่างกันกระสุนทุกบาน นี่มันคือโคตรห้องสำหรับโคตรคนยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้แน่ๆ ด้วยราคาคืนละ $65,000 (ประมาณ 2,140,000 บาท) เห็นราคางี้คิดถึงโรงแรมหนูแฮมสเตอร์ที่ฝรั่งเศสขึ้นมาทันที
Godiva Chocolate Suite, ประเทศสหรัฐอเมริกา
โอเค เรามีทั้งน้ำแข็ง ทราย เกลือแล้ว จะบอกว่าที่ต่อไปของเราเป็นโรงแรมช็อกโกแลต ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะ Godiva ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ ได้ตัดสินใจขอทำห้อง Suite ให้กับ Bryant Park Hotel ใน New York เนื่องในโอกาสวัน Valentine’s Day ปี 2008 ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องแห่งนี้ล้วนทำมาจากช็อกโกแลต (หรือไม่ก็มีส่วนประกอบที่เป็นช็อกโกแลตมากมาย) ส่วนผนังใช้สีช็อกโกแลตทาทั่วทั้งห้อง ซึ่งในปีต่อมาพวกเขาก็ทำขึ้นอีก แต่จนถึงปี 2014 นี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอีกเลย ใครที่ขาดความหวานกันไปนาน ได้ไปพักในห้องนี้คงได้หวานจนเลี่ยนกันเลยทีเดียว
Credit : weather
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์