fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

7 คาเฟ่ และร้านกาแฟสุดประทับใจในเมืองกรุงเทพฯ ที่ไปกี่ทีเป็นต้องฟิน
date : 5.มีนาคม.2015 tag :

ปัจจุบัน “คาเฟ่” และ “ร้านกาแฟ” แหล่งแฮงเอาท์ พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของเหล่าคนรุ่นใหม่นั้นมีให้เห็นเกือบทุกมุมถนนในเมืองกรุงเทพฯ มีทั้งร้านที่เป็นอิสระ และร้านที่เป็นแบบแฟรนไชส์ให้เลือกนั่งมากมายเหลือเกิน เดินไปทางนี้ก็เจอ เดินไปทางนั้นก็เจอ จนหลายครั้งต้องอุทานออกมาว่า “เฮ้ย ร้านนี้มาเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” หรือ “เฮ้ย เจอร้านกาแฟอีกละ” ซึ่งความถี่ในการพบเห็นคาเฟ่ และร้านกาแฟมากมายเช่นนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ (Coffee Culture) ของบ้านเรากำลังเฟื่องฟูสุดๆ รวมถึงสะท้อนให้เห็นรสนิยมการดื่มกาแฟของคนไทยที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่…ถึงแม้จะมีคาเฟ่ ร้านกาแฟผุดขึ้นมามากมายขนาดนี้ คุณเคยลองถามตัวเองเล่นๆไหมว่า จริงๆแล้วมีร้านกาแฟสักกี่ร้าน ที่คุณสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่านี่แหละ คือร้านกาแฟร้านโปรดของฉัน  ไปกี่ทีก็เลิฟสุดๆ บรรยากาศก็ดี ตกแต่งก็สวย อาหารและเครื่องดื่มก็อร่อย พนักงานก็เป็นมิตร เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบไปนั่งพักผ่อนสมองตามคาเฟ่ และร้านกาแฟเป็นประจำ แต่ก็มีนับร้านได้ที่เรารู้สึกว่าชอบจริงๆ ซึ่งวันนี้เราได้ทำการรวบรวม คาเฟ่ และร้านกาแฟสุดประทับใจในเมืองกรุงเทพฯ ที่ไปกี่ทีก็ไม่ทำให้ผิดหวังมาฝากกัน จะมีร้านไหนตรงใจกับชาว Dooddot หรือเปล่า ลงไปดูกันเลยดีกว่า!

null

Rocket Coffeebar S. 49

ถ้าคุณเคยไปคาเฟ่ Rocket สาขาสุขุมวิท 49 คุณจะต้องเห็นด้วยกับเราว่า ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปคุณจะรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะหยิบมือถือขึ้นมาแชะภาพลงอินสตาแกรมเสียเดี๋ยวนั้น เพราะที่สาขานี้ตกแต่งได้เก๋ไก๋ทุกอณูจริงๆ ตั้งแต่พวกขนมเบเกอร์รี่ที่วางเรียงกันดูน่าหม่ำบนบาร์ (บาร์ที่นี่สวยมว๊าก!) ไปจนถึงกระเบื้องหินอ่อนหกเหลี่ยมสีเทาขาว ตัดกับไม้สีเข้ม และโคมไฟระย้าดีไซน์โมเดิร์นที่ห้อยลงมาจากเพดาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร้านนี้เขาตกแต่งได้สวยและ sophisticated จริงๆค่ะ เรียกได้ว่าพื้นที่ทุกส่วนของร้านนี้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมความเรียบง่ายแบบสวีเดน รวมถึงเรื่องของคุณภาพอาหารและเครื่องดื่ม (ที่มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย) ของที่นี่ด้วยที่ทั้งรสชาติ และการพรีเซ้นท์ทุกอย่างได้ผ่านการรังสรรค์จากเชฟที่เคยผ่านประสบการณ์ทั้งจากโรงแรม และร้านอาหารระดับมิชลินมาแล้วมากมาย  แม้แต่เชฟทำขนมของที่นี่ก็ต้องเป็นเพสตรี้เชฟโดยเฉพาะ รับประกันได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะมาทานบรั้นช์ ดื่มกาแฟ หรือมาทานอาหารเย็น ดื่มค็อกเทลที่นี่ นอกจากความรู้สึกผ่อนคลายที่ควรจะได้รับแล้ว รสชาติอาหารที่อร่อยกลมกล่อมของที่นี่จะต้องทำให้คุณติดใจจนกลับมาอุดหนุนอีกบ่อยๆแน่นอน

ตั้งอยู่ที่: โครงการพิมาน 49, ซอยสุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ หรือ BTS พร้อมพงษ์)
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 07:00 น. – 23:00 น.

null

DEAN & DELUCA (Mahanakhon)

โอเค…ที่นี่อาจจะไม่ใช่คาเฟ่ หรือร้านกาแฟเสียทีเดียว แต่ทุกครั้งที่เราได้ไป DEAN & DELUCA กูร์เมต์ มาร์เก็ต และคาเฟ่สไตล์นิวยอร์ก สาขามหานคร คิวบ์ (Mahanakhon Cube) แห่งนี้เราก็รู้สึกชอบมากๆทุกครั้ง จนอดไม่ได้ที่จะขอรวมร้านนี้อยู่ในลิสต์ด้วย ถ้าใครเคยไป  DEAN & DELUCA สาขาใหญ่แห่งนี้ ก็จะรู้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของคนที่เอ็นจอยการกินและทำอาหาร เพราะมีครบทุกอย่างที่คุณปรารถนา ทั้งอาหารสไตล์ตะวันตกแท้ๆที่มีให้เลือกทานอย่างหลากหลาย วัตถุดิบชั้นดีสุดพิเศษจากทั่วทุกมุมโลกให้คนที่ชอบทำอาหารได้เลือกซื้อกันสนุกมือที่โซน Gourmet Market และโซนอาหารและเครื่องดื่ม อย่างโซน “Cheese & Charcuterie” ที่จำหน่ายออร์แกนิคชีส รวมถึงแฮม ไส้กรอก เบคอน และเนื้อหมูอื่นๆระดับพรีเมียม และโซน “Prepared Food” ที่จะเป็นแบบครัวเปิด เน้นไปที่อาหารคาว สไตล์ delicatessen หรืออาหารสำเร็จรูป อาทิ  Lamb Leg Roast, Lasagna, Wagyu Beef Meatloaf และ Whole Deep Fried American Turkey Set รวมทั้งบรรยากาศสบายๆมีความเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การมานั่งกินดื่มกับเพื่อนๆหรือคนเดียวก็ยังได้ที่โซน Espresso Bar ตรงชั้นล่าง หรือโซนร้านอาหาร The Mezzanine ตรงชั้นบน ซึ่งเมนูอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ก็มีให้เลือก กิน ดื่ม อย่างหลากหลายมากๆ (ที่สำคัญคืออร่อย) พนักงานแต่ละคนที่นี่ก็หน้าตายิ้มแย้ม กระตือรือร้นที่จะเทคแคร์ และให้คำแนะนำเรื่องเมนูอาหาร เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาที่นี่ คุณจะรู้สึกฟินกับการช้อปปิ้ง กิน ดื่ม have a good time จนลืมเวลาไปเลยล่ะ

ตั้งอยู่ที่: โครงการ Mahanakhon Cube ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ติด BTS ช่องนนทรี ทางออก 3)
เปิดทุกวัน เวลา: 07.00 น. – 23.00 น.

null

Starbucks สาขาบ้านชาติ

ขึ้นชื่อว่า Starbucks เรื่องการบริการลูกค้า (customer service) ถือว่าหายห่วง เพราะไม่ว่าคุณจะสั่งเมนูอาหาร หรือเครื่องดื่มอะไร พนักงานที่นี่เขาก็ยินดีรับออร์เดอร์ ซึ่งความใส่ใจในเรื่องของคุณภาพ และการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าทุกคนถือเป็น first priority ที่มาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนสาขาร้าน Starbucks ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Starbucks สาขาบ้านชาติ ซึ่งชื่อของสาขานี้มาจากชื่อของโรงแรมบ้านชาติ เจ้าของพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ติดกัน สำหรับใครที่ชอบการตกแต่ง บรรยากาศ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีกลิ่นอายย้อนยุคละก็ น่าจะชอบ Starbucks สาขานี้ได้ไม่ยาก เพราะคอนเซ็ปต์ของร้านถูกจัดให้กลมกลืนไปกับคอนเซ็ปต์การตกแต่งของโรงแรม ที่เรียกว่าสไตล์ Heritage กับธีมดีไซน์ย้อนยุคที่นำเอาเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสมาออกแบบให้เข้ากับความเป็น Starbucks ได้อย่างลงตัว เรื่องรสชาติของกาแฟที่นี่คงไม่ต้องพูดถึง เพราะได้มาตรฐานตามแบบฉบับ Starbucks อยู่แล้ว สิ่งที่เราประทับใจเกี่ยวกับสาขานี้ก็คือ บรรยากาศที่เฟรนด์ลี่ อาจเป็นเพราะสาขานี้ลูกค้าชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ ทำให้พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี อีกทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ลูกค้าอย่างเราพลอยรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย ส่วนการตกแต่งของสาขานี้จะเน้นสีดำตัดกับสีฟ้าน้ำเงินเข้มดูสะดุดตา มีลายหน้าต่างไม้แบบจีนตัดอยู่รายล้อมรอบผนัง กับลายพื้นกระเบื้องที่แสนคลาสสิคอันเป็นเอกลักาณ์ของสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ นอกจากนี้สาขาที่นี่ยังชอบเปิดเพลง bossa ฟังได้เพลินๆสบายๆ แหม อยากให้อยู้ใกล้ๆบ้านจัง จะได้เข้าไปอุดหนุน นั่งอ่านหนังสือ ผ่อนคลายช่วงสุดสัปดาห์ได้บ่อยๆ

ตั้งอยู่ที่: ถนนจักรพงษ์ (ตรงข้ามวัดชนะสงคราม) บริเวณใกล้ๆกับถนนข้าวสาร
เปิดทุกวัน เวลา: 06:30 น. – 23.00 น.

null

ออน ล็อก หยุ่น

ยังอยู่แถวย่านเมืองเก่ากันต่อ กับร้านกาแฟ ออน ล็อก หยุ่น ร้านกาแฟสุดคลาสสิคที่มีอายุกว่า 80 ปีแถวย่านเจริญกรุง อยู่ถัดจากศาลาเฉลิมกรุงไปไม่ไกล บอกเลยว่าถ้าวันไหนที่คุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเข้าคาเฟ่ ร้านกาแฟทันสมัยแนวแนวฮิปสเตอร์ แนะนำให้ลองมาร้านนี้ เพราะเมื่อคุณก้าวเข้ามาภายในร้าน จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในยุคเก่าสมัยคุณตา คุณยายยังเป็นหนุ่มเป็นสาว นัดออกเดทกันที่ศาลาเฉริมกรุงสมัยที่ยังเป็นโรงภาพยนตร์ ซึ่งที่ร้านกาแฟแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความคลาสสิคของร้านกาแฟในอดีต ทั้งเก้าอี้ทรงกลมแบบโบราณ และตู้โชว์ที่ใส่พวกเครื่องปรุง กระป๋องเครื่องดื่มแบบเก่า และพวกถ้วยชาม ส่วนเมนูที่นี่จะเน้นไปที่อาหารเช้าแบบสไตล์ไทย-อเมริกัน ที่มีให้เลือกว่าจะสั่งชุดเล็กชุดใหญ่ และใส่อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอก เบคอน หรือกุนเชียง รวมถึงของว่างทานเล่นเบาๆอย่างเช่นขนมปังสังขยา และขนมปังเย็น และที่พลาดไม่ได้คือกาแฟ ที่มีทั้งกาแฟร้อน กาแฟเย็น ซึ่งทางร้านได้นำเมล็ดกาแฟมาคั่วด้วยเตาถ่านเอง บอกเลยว่าวันไหนที่คุณมีเวลาว่างๆ อยากจะมีวัน slow life ไม่เร่งรีบ ให้ลองแวะมาที่ร้านกาแฟ ออน ล็อก หยุ่น แล้วคุณจะติดใจกับเสน่ห์แบบยุคเก่า ที่สมัยนี้ใช่ว่าจะหาเจอได้บ่อยๆ

ตั้งอยู่ที่: 72 ข้างศาลาเฉลิมกรุง ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพา พระนคร
เปิดทุกวัน เวลา: 05:00 น. – 16:00 น.

null

Gallery Drip Coffee

พูดชื่อร้านกาแฟแห่งนี้ปุ๊ป เชื่อว่าหนุ่มสาวคอกาแฟจะต้องรู้จักกันทุกคน เพราะร้าน Gallery Drip Coffee ที่ตั้งอยู่ในหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เขาขึ้นชื่อเรื่องการชงกาแฟดริป ซึ่งก็คือวิธีการชงกาแฟแบบหนึ่ง ที่วางที่ดริปบนแก้วกาแฟ เสร็จแล้วใส่กระดาษกรองในที่ดริป แล้วใส่กาแฟบดลงไป และรินน้ำลงบนผงกาแฟวนเป็นวงกลมช้าๆ กลั่นออกมาเป็นน้ำกาแฟอันหอมกรุ่น ซึ่งกาแฟของร้านนี้ก็หอมมากจริงๆ ทุกครั้งที่ลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้นล่างสุดของหอศิลปฯ จะต้องมีกลิ่นหอมของกาแฟลอยมาแตะจมูกเราเสมอ กาแฟของที่นี่มีทั้งกาแฟไทย กาแฟจากต่างประเทศหลากหลายสายพันธุ์ และกาแฟซิงเกิลออริจินจากประเทศเยเมน และเคนยาเป็นต้น ส่วนความประทับใจที่เรามีต่อร้านนี้ก็คือ กาแฟของเขาอร่อยกลมกล่อม มีความเข้มข้น สัมผัสได้ถึงคุณภาพของกาแฟที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี นอกจากนี้บาริสต้าแต่ละคนของที่นี่ก็มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกาแฟจริงๆ มีความเฟรนด์ลี่ และยินดีที่จะช่วยไขข้อสงสัยต่างๆที่ลูกค้ามีต่อการดื่มกาแฟแบบไม่เกี่ยง ส่วนถ้าใครสนใจอยากลองไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านนี้ อาจจะต้องมีการยืนรอกันเกิดขึ้น เพราะไปกี่ครั้งลูกค้าก็แน่นเต็มร้าน แล้วถ้าคุณโชคดีมากๆหน่อย คุณอาจได้ที่นั่งติดริมกระจก สามารถนั่งชิลล์ชมวิวของลานด้านนอกหอศิลปฯ ได้

ตั้งอยู่ที่: ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา: 10:00 น. – 21:00 น.

null

Porcupine Café

ไม่รู้ทำไม มาคาเฟ่ร้านนี้ทีไรจะรู้สึกชิ๊ลล์ชิลล์ทุกที เราขอยกให้ Porcupine Café เป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศดีมากที่สุดร้านหนึ่ง เข้ามาปุ๊ปคุณจะรู้สึกผ่อนคลายทันที อาจเป็นเพราะการตกแต่งร้านในโทนสีขาวนวลดูสะอาดตาของผนังปูนปั้นโดยรอบ ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน แลดูปลอดโปร่งสบายๆ บวกกับการเปิดเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ-อินดี้ และแนวแอบเบี้ยนท์ (ambient) เท่ๆ ที่ส่วนตัวแล้วเราชอบมาก (การเลือกเพลงเปิดที่ดีในคาเฟ่ หรือร้านกาแฟเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา) เลยทำให้บรรยากาศโดยรวมของร้านนี้รู้สึกผ่อนคลาย และสบายเหลือเกิน นอกจากนี้ที่ Porcupine Café ยังมี Wi-Fi มีปลั๊ก และมีหลายมุมให้เลือกนั่ง เหมาะแก่การมานั่งทำงาน นัดพบพูดคุยกับกลุ่มเพื่อน หรือจะมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียวก็ไม่มีใครว่า ลูกค้าที่นั่งร้านนี้มีทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะมานั่งทำงานหรือไม่ก็มานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือกันเงียบๆ ส่วนอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าให้พูดกันตรงๆสำหรับเราถือว่ายังเป็นรองเรื่องการตกแต่ง และเรื่องของบรรยากาศ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่มายน์เรื่องอาหารการกินมากนัก แต่แค่อยากหาสถานที่มานั่งเล่นชิลล์ๆ พักผ่อนสมองให้หายเครียดละก็ นี่คือร้านที่คุณควรมาลองมาดูสักครั้ง แต่แนะนำว่าถ้าคุณอยากมาร้านนี้ ให้มาช่วงก่อนเที่ยงนิดๆ เพราะตกบ่ายจนถึงเย็น ลูกค้ามักนั่งกันเต็มร้านแล้วล่ะ

ตั้งอยู่ที่: 111/1 ซอยพหลโยธิน 7 (ซอยอารีย์ ติดร้าน Salt)
เปิดบริการวันอังคาร–อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 11.00 น. – 22.00 น.

null

Ceresia Coffee Roasters

มาถึงร้านสุดท้าย กับ Ceresia Coffee Roasters ที่คอกาแฟตัวจริงทุกคนเป็นต้องหลงรัก เพราะที่นี่เขาได้ทำการสรรหาและนำเข้าเมล็ดกาแฟอย่างดี พร้อมคั่วแบบสดใหม่ทุกอาทิตย์ เสิร์ฟให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มรสชาติของกาแฟคุณภาพในทุกๆแก้ว จากฝีมือของครอบครัวบาริสต้าผู้มีใจรักและเชี่ยวชาญในเรื่องกาแฟ ซึ่งพวกเขาเคยคลุกคลีอยู่ในฟาร์มกาแฟที่ประเทศเวเนซุเอลามาก่อน ก่อนที่จะกลับมาเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ โดยให้ความสำคัญในการคัดสรรเมล็ดกาแฟจากต้นกำเนิด หรือ “specialty coffee” มาจากบริษัทตัวแทนกาแฟประเทศอังกฤษ เพื่อสนับสนุนฟาร์มกาแฟที่มีคุณภาพระดับเกรดเอ ที่ใส่ใจรายละเอียดในการปลูกและเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟจริงๆ ให้ยังคงผลิตเมล็ดกาแฟออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทางคุณเบรทท์หนึ่งในเจ้าของร้าน และครอบครัวจะคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่ผ่านการเกรดโดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ถ้าไม่ดีจริงจะไม่เลือกมาเด็ดขาด ดังนั้นพวกเขาจะลงมือคั่วชิมกันเองจนเป็นที่พอใจ เสร็จแล้วจึงนำเข้ามาขายที่ร้าน พร้อมคั่วสดทุกอาทิตย์ (ด้านหลังร้านจะมีเครื่องคั่วกาแฟ และกระสอบหลายถุงที่บรรจุเมล็ดกาแฟเขียวสดทั้งหมด) อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อรสชาติที่สดใหม่ และเพื่อความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้ดื่มกาแฟที่สดจริงๆ สำหรับเมนูเครื่องดื่ม หลักๆเลยที่ร้านนี้จะมีกาแฟสองแบบ แบบ “Blend” กับแบบ “Single Origin” หรือแบบต้นตำรับ โดยกาแฟของที่ร้านจะเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆตามฤดูกาลใน 1 ปี เอาเป็นว่าคอกาแฟคนไหนที่อยากลองหาประสบการณ์การดื่มกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพของรสชาติกาแฟแบบดั้งเดิม รับรองว่ามาที่ Ceresia Coffee Roasters แล้วไม่มีทางผิดหวัง เพราะนอกจากคุณจะได้ลิ้มรสชาติกาแฟระดับเกรดเอจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว คุณจะได้สัมผัสถึงความมีใจรักของครอบครัวนี้ที่มีต่อกาแฟ และความเอาใจใส่ต่อลูกค้าที่อยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ดีๆในการดื่มกาแฟกลับติดตัวไปด้วย

ตั้งอยู่ที่: 593/29-41 ซ.สุขุมวิท 33/1 อยู่ตรงข้าม UFM Fuji Super (BTS พร้อมพงษ์)
เปิดบริการวันอังคาร–อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 08.00 น. – 18.00 น.

Writer: Thip S. Selley
Image by: Dooddot, Celeb-Online, jhw724.wordpres, m.thaispin, Bk Magazine, pathwaymagz

RECOMMENDED CONTENT

14.ธันวาคม.2020

‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ  ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย