คอลัมน์ Upclose ของเราวันนี้ มาในหมวด Tech กันบ้าง ทาง Dooddot เราได้ โอกาสยลโฉม Olympus OM-D E-M5 ตัวจริงๆจากค่ายโอลิมปัส มาทำคอลัมน์เก็บรายละเอียดและภาพสวยๆมาฝากผู้อ่านกัน หลังจากที่เพิ่งวางขายไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์สดๆร้อนๆต้องบอกว่ากล้องนี้กำลังเป็น Talk of the Town ในวงการกล้องบ้านเราเลยก็ว่าได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า E-M5 II มีลูกเล่นอะไรน่าสนใจบ้าง
สิ่งที่ต้องทำความรู้จักเบื้องต้นเกี่ยวกับ Olympus OM-D E-M II?
ถึงตรงนี้ทุกคนคงทราบกันดีว่าตลาดกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก หลากหลายแบรนด์ต่างก็ขยันทำกล้องรุ่นเด่นรุ่นดังของตัวเองออกมาวางขายกันไม่ซ้ำชื่อกันเลย ทั้งกล้องที่เด่นในแง่การใช้งาน เด่นในแง่รูปร่างรูปทรงที่สวยงาม และอีกหลากหลายปัจจัยถึงจะสามารถครองใจนักเล่นกล้องในยุคนี้ได้ ซึ่งถ้าถามถึงในแวดวงกล้องสไตล์ Mirrorless ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว แบรนด์ที่ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งอยู่ในเวลานี้ต้องเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Olympus กับผลงานในซีรี่ส์ OM-D ของพวกเขา ที่ทั้งงานดีไซน์ย้อนยุคตามสไตล์กล้องฟิล์ม บวกกับฟังก์ชั่นการทำงานที่สมบูรณ์แบบในทุกระดับการใช้งานนี้ทำให้ OM-D E-M5 ครองใจตลาดมาเป็นเวลานานหลายปี วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเขาได้ปล่อยรุ่นพัฒนาลำดับที่ 2 ออกมา มันคือ Olympus OM-D E-M5 II
บอดี้ของกล้องที่ออกแบบมาขนาดกะทัดรัดสามารถพกพาในกระเป๋าของผู้หญิงได้
การออกแบบที่สามารถใช้งานได้ทั้งช่างภาพผู้ชายผู้หญิง
Olympus ถือเป็นเจ้าแรกๆเลย ที่หันมาใช้งานดีไซน์แบบกล้องฟิล์มย้อนยุค ใน OM-D ตัวแรกของพวกเขา เปิดตัวครั้งแรกก็สามารถสร้างความฮือฮาและครองตำแหน่งการออกแบบกล้องยอดเยี่ยมหลายสำนัก หลังจากนั้นก็มีหลากหลายแบรนด์ที่ทยอยกันทำกล้องโมเดลกล้องฟิล์มออกมากัน ซึ่งใน E-M5 II นี้จะมีบอดี้ให้เลือกทั้งหมดสองสี คือสีเงิน และสีดำ ยังคงเอกลักษณ์รูปทรงคล้ายกับกล้องฟิล์มรุ่น OM รุ่นดังในอดีตของพวกเขาเหมือนเคย แต่อาจจะมีรูปทรงที่เล็กกะทัดรัดตามสไตล์ Mirrorless ลงมา โดยรวมแล้วนับว่าสวยงาม หากถอดเลนส์แยกกับตัวกล้อง สามารถพกไว้ในไซส์กระเป๋าสะพายข้างของคุณผู้หญิงได้สบายๆ รูปทรงที่ดูแข็งแรงทะมัดทแมง สามารถถือจับได้ถนัดทั้งมือของผู้ชายและผู้หญิง ขอบอกว่าถุงเก็บเลนส์ที่ให้มาพร้อมกันก็สวยเท่มากๆด้วย
เซนเซอร์ Micro Four Thirds อันโด่งดังของ Olympus
เซนเซอร์รับภาพแบบพิเศษเฉพาะตัวที่ Olympus สามารถบันทึกได้ภาพได้สูงถึง 40 ล้านพิกเซล!
OM-D E-M5 II ยังคงมาพร้อมกับเซนเซอร์รับภาพ CMOS ระบบ Micro Four Thirds อันโด่งดัง นี่คือเซนเซอร์อัจฉริยะที่ทางค่ายภูมิใจ ท่ามกลางยุคสมัยของกล้อง Full-Frame มี Olympus นี้ล่ะที่ยังคงยืนหยัดพัฒนาขนาดเซนเซอร์ที่การันตีคุณภาพไฟล์ไม่แพ้กล้องรุ่นใหญ่ๆได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่นนี้ยังมีระบบพิเศษในการเก็บบันทึกภาพความละเอียดสูง (40M High Res Mode) เป็นการผลักค่าความละเอียดจากเซนเซอร์ 16 ล้านพิกเซลที่ถือว่าสูงมากแล้ว ให้ไปไกลได้ถึง 40 ล้านพิกเซล! ด้วยการออกแบบคิดค้นที่สามารถรวมภาพ Multi-Exposure 8 ภาพเข้าไว้ด้วยกันในครั้งเดียว (แต่ละภาพที่กดถ่ายจะเป็นการปรับเปลี่ยนเซนเซอร์ทีละนิด) จนมารวมเกิดเป็นผลลัพธ์หนึ่งภาพ สามารถเก็บไปเป็นไฟล์ RAW ได้ถึง 64MP แต่การจะถ่ายในโหมดนี้ จำเป็นต้องใช้ขาตั้งช่วยให้กล้องและวัตถุยืนอยู่นิ่งในขณะเก็บภาพได้
ข้อดีของ Mirrorless ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ เลือกช่วงเลนส์ที่ชอบได้ตามใจ
บอดี้วัสดุคุณภาพเยี่ยมที่พร้อมไปกับคุณในทุกสถานการณ์
เคียงคู่มากับระบบการใช้งานที่ยอดเยี่ยมรอบด้านแล้ว สิ่งที่ Mirorrless ตัวนี้ของ Olympus กล้าพูดว่าตัวเองมีดีกว่าใครเพื่อนก็คือวัสดุของตัวบอดี้กล้องที่แข็งแรงทนทาน ทำมาจาก Magnesium Alloy (แมกนีเซียมอัลลอยด์) ที่ทนการกระแทกและรอยขี้ดข่วนได้ดีเยี่ยม เสริมความทนด้วยแผ่น Weather Seal ที่สามารถป้องกันฝุ่น และกันน้ำได้ (ใน Review ต่างประเทศมักจะเอาน้ำมาราดตัวเครื่องกัน แต่เราคงไม่กล้าล่ะ) ยิ่งไปกว่านั้นยังทนอุณหภูมิได้ต่ำถึง -10 องศาเซลเซียส นี่แปลว่าสมมุติเวลาพกไปเที่ยวต่างประเทศถ่ายในช่วงหิมะตก หรือช่วงฝนตกหนักๆ กล้องนี้ไม่มีปัญหาเลยสักแอะ
ระบบ Image Stabilization ที่ Olympus พัฒนามาถึงขีดสุดและยังไม่มีแบรนด์ไหนทำได้
นี่ล่ะคือความฉลาดของ Olympus พวกเขารู้ว่าอะไรที่ยังขาดตกบกพร่อง อะไรที่ควรให้ความสำคัญพัฒนาเป็นพิเศษ อย่างที่เรากล่าวไปว่า เรื่องเซนเซอร์พวกเขามั่นใจในความเป็น CMOS Sensor แน่นอนอยู่แล้ว สิ่งที่ช็อควงการอย่างมากเมื่อ OM-D E-M5 II ตัวนี้ปล่อยออกมาคือ การพัฒนาระบบ Image Stabilization (กันสั่นเวลาถ่าย) ไปถึงขีดสุดในสเกลที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำได้มาก่อน กับการใส่เจ้าตัวรับแรงสั่นสะเทือนแบบละเอียดยิบที่เรียกว่าแกน VCM (Voice Coil Motor) เข้าไป ถึงจำนวน 5 แกน ด้วยกัน (ถือว่าเยอะมากๆกับกล้อง Mirrorless หนึ่งตัว) ทำให้พวกเขากล้าพูดเลยว่าต่อให้มือจะไหวขนาดไหน หรือในสภาวะชัตเตอร์สปีดต่ำแค่ไหนกล้องตัวนี้ก็สามารถ Handheld ถือได้สบาย ในต่างประเทศมีการทดลองกันว่า 1/40 ไปจนถึง 1/15 สามารถถือถ่ายแบบไม่ต้องกลั้นหายใจอะไรสบายๆเลย นิ่งมากๆ
หน้าจอ Live View ที่แสดงถึงฟังก์ชั่นต่างๆบนกล้อง
จอ Live View แบบ Vari-Angle สามารถบิดได้ขณะถ่าย
จอ Live View ที่ออกแบบได้อย่างสร้างสรรค์
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Olympus OM-D E-M5 II คือจอ LCD ด้านหลังที่ใช้มอง Live View เปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ Vari-Angle คือสามารถปรับเปลี่ยนหมุนได้ตามใจและที่สำคัญคือเป็นระบบ Touchscreen สั่งการได้อย่างสะดวก อันนี้ในมุมคนที่ถ่ายวิดีโอน่าจะค้นพบเลยว่ามันมีความสะดวกเวลาถ่ายในที่ที่เอาตัวเข้าไปลำบากอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นพิเศษที่เรียกว่า Live View Boost II หลังจากที่เคยมีการใช้ Live View Boost ในรุ่นก่อนๆของพวกเขาไป มาในเวอร์ชั่น II นี้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ที่ทางผู้ผลิตกล่าวว่าลูกเล่นนี้จะเห็นผลชัดเจนสำหรับคนที่ชอบถ่ายดาวในยามค่ำคืน เพราะปกติที่มองแทบไม่เห็นดวงดาวเลย พอได้ตัวนี้ช่วยเข้าไปจะทำให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
อัพเกรดการถ่ายวิดีโอที่ Olympus ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาใส่ใจเรื่องนี้เหมือนกัน
จากที่ปล่อยให้เจ้าอื่นๆครองใจนักถ่ายวิดีโอกันยกใหญ่ ใน OM-D E-M5 II รุ่นนี้ Olympus จะขอเข้าไปอยู่ในใจใครหลายๆคนบ้างแล้ว ที่นอกจากจะทำงานคู่กับระบบกันสั่นที่เรากล่าวไปข้างต้น ถือถ่าย Handheld แล้วไม่ Jerk ไม่สะดุด โหมดวิดีโอคราวนี้สามารถเก็บภาพ Full HD 1920×1080 ได้ใน Frame Rate 60fps นอกจากนั้นยังมีลูกเล่นที่จำเป็นสำหรับคนทำหนังอย่างเช่น Time Code ตั้งค่าเวลาที่ช่วยให้การตัดต่อของคุณง่ายขึ้นเป็นกอง และการโฟกัสที่ง่ายกว่าเดิมกับระบบ Focus Peaking จากทั้งหมดที่ไล่ๆมานี้ เราเดาเลยว่าอีกไม่นาน OM-D E-M5 II จะต้องเป็นกล้องคู่ใจของนักทำหนังรุ่นใหม่หลายคนแน่นอน
เลือกโหมดด้วยแกนด้านบน มีปุ่มล็อคอยู่ตรงกลาง เป็นเอกลักษณ์ของ Olympus
เลือกใช้ฟิลเตอร์ที่มีมาให้ในกล้องหลากหลายแบบ
ฟังก์ชั่นการใช้งานที่พัฒนามาแบบรู้ใจช่างภาพทุกสไตล์
ภายใน Olympus OM-D E-M5 II เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นมากมายที่จะทำให้การถ่ายภาพของคุณสนุกขึ้น ทั้งฟิลเตอร์แต่งภาพมากมายในโหมด Art Filter ที่มีทั้งการถ่ายจำลอง Film ขาวดำ การถ่ายภาพมูดโทนอุ่นที่กำลังเป็นที่ยอดฮิต หรือในโหมด Scene ก็มีให้เลือกใช้ถ่ายได้ในสภาพแสงต่างๆ เราย้ำว่าในโหมด Low Light กล้องตัวนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ และนอกจากฟิลเตอร์ก็ยังมีโหมดพิเศษที่น่าสนใจ เหมือนเป็นการรวมญาติจากรุ่นอื่นๆของ Olympus อย่างเช่น Live Composite ที่เป็นเหมือนทีเด็ดของ E-M1 จะกลับมาอีกครั้ง หรือ Olympus Capture ที่คราวนี้สามารถสั่งการผ่านคอมพิวเตอร์ได้ด้วย WI-FI ในตัวกล้องเลย แล้วที่น่าสนใจสำหรับคนชอบถ่ายสถาปัตย์ ภายในกล้องจะมีลูกเล่นที่เรียกว่า Keystone เป็นการแก้ Distortion เวลาถ่ายสิ่งก่อสร้างด้วยเลนส์ไวด์ ไม่ต้องพึ่งเลนส์ Persepective ก็สามารถถ่ายได้
ส่วนเสริมอย่างแฟลช Olympus FL-LM3 ที่สามารถปรับทิศทางได้
ยังมีอุปกรณ์เสริมมากมายที่จะช่วยทำให้การถ่ายภาพของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น
สำหรับอุปกณณ์เสริมที่เราได้ติดมากับกล้องครั้งนี้คือแฟลชตัวจิ๋วพริกขี้หนู Olympus FL-LM3 ที่มีข้อดีคือแม้จะตัวเล็กแต่ก็สามารถปรับได้ 180 องศา แถมปรับขึ้นลง Bounce แฟลชได้ด้วย แน่นอนว่าแฟลชเป็นเพียงหนึ่งในหลากหลาย Add-On ของครอบครัว OM-D E-M5 II นี้เท่านั้น ที่เหลือยังมีบรรดาตัว Grip จับที่ช่วยให้จับถนัดมือยิ่งขึ้น HLD-8 และ ECG-2 (เหล็ก) ยางรองช่องมองภาพ EP-16 Cover หนังสำหรับฝาปิดเลนส์และเคสหนัง CS-46 FBC และ Case กันน้ำ PT-EP13 รับรองว่าแต่งตัวกันได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ
โดยสรุปแล้ว สำหรับกล้อง Olympus OM-D E-M5 II ตัวนี้ เรามั่นใจว่าพวกเขาจะต้องยังคงเป็นเบอร์ 1 ของกล้อง Mirrorless เหมือนเดิมอีกแน่นอน เพราะทุกๆฟังก์ชั่นที่ Olympus ตั้งใจพัฒนามาราวกับว่าพวกเขารู้เลยว่าแฟนๆ Mirrorless ต้องการอะไรแบบไหน ซึ่งถามถึง Feedback จากต่างประเทศหรือคนที่ลองซื้อมาใช้กันบ้างแล้ว ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า E-M5 II ใช้เข้ามือและคุณภาพคับตัวสุดๆ กล้องเริ่มวางขายกันแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านมานี้ ในราคา เฉพาะตัวบอดี้ 37,990 บาท หรือสามารถเลือกซื้อคู่กับเลนส์ช่วงต่างๆได้ E-M5 II+12-50mm EZ ราคา 44,990 บาท / E-M5 II+14-150mm II ราคา 54,990 บาท / E-M5 II+12-40mm F2.8 ราคา 64,990 บาท ใครที่วางแผนซื้อกล้องคู่ใจสักตัว ถ้าเป็นตัวแรกเราก็มองว่า Olympus OM-D E-M5 II เป็นกล้องคุณภาพเยี่ยมที่สามารถศึกษาใช้งานได้ไม่ยาก หรือสำหรับใครที่กำลังจะเปลี่ยนกล้อง รวมถึงแฟนๆ E-M5 ตัวเก่าที่อยากจะอัพเกรดเครื่องมือตัวเอง เราว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะเทคโนโลยีที่มาในกล้องตัวนี้น่าเล่นและน่าคบหาจริงๆ
Olympus
Website: http://www.olympus.co.th/th/
Facebook: https://www.facebook.com/penclubthailand?ref=hl
RECOMMENDED CONTENT
Netflix ปล่อยตัวอย่างของสารคดีเรื่องใหม่ Neymar: The Perfect Chaos เรื่องราวของกองหน้าปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่าง เนย์มาร์ จูเนียร์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก