สำหรับคนที่รักในเสียงดนตรี ไม่มีอะไรในโลกจะดีไปกว่างานเทศกาลดนตรีอีกแล้ว การได้เห็นนักดนตรีที่คุณชื่นชอบถูกล้อมรอบไปด้วย แฟนๆนับพัน ช่างทำให้เกิดสภาพแวดล้อม และบรรยากาศสุดมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถหาที่ไหนมาแทนที่ได้ มันคือความสุขอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ในฐานะแฟนเพลง พวกเราจะคอยเก็บเงินซื้อตั๋ว ต่อให้ราคาจะสูงลิ่วขนาดไหน พวกเราก็ไม่มีถอย หรือต่อให้รอนานเป็นปี พวกเราก็ยังคงเฝ้ารอถึงวันสำคัญอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อวัน หรือสัปดาห์นั้นมาถึง พวกเราก็ปล่อยของออกมาเต็มที่ ทั้งเพ้นท์หน้าเอย เพ้นท์รถเอย หรือจะเสื้อผ้า แฟชั่นหลุดโลกเอย นี่คือช่วงเวลาที่พวกเรา music lovers มีความสุขอย่างที่สุด
สำหรับบางคน เทศกาลดนตรีเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับยูโทเปียมากที่สุด เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถไป และละทิ้งทุกสิ่งจากโลกความเป็นจริงไว้ข้างหลัง แล้วไปสนุกสนาน ผ่อนคลาย และเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีสดอย่างเต็มที่ ไม่ได้อยากฟังดูเว่อร์นะ แต่เทศกาลดนตรีมีอำนาจที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณภายในไม่กี่วันได้จริงๆ เพราะมันไม่เหมือนกับเวลาฟังเพลงจาก iPod ไม่เหมือนกับการได้ดูคอนเสิร์ตในหนึ่งคืน หรือได้ยินเสียงเพลงที่เล่นตามผับบาร์ แต่มันคือการหลบหนีจากโลกภายนอก ที่ที่คุณสามารถตื่นเช้าขึ้นมา แล้วได้เดินไปดูศิลปินวงโปรดของคุณเล่นดนตรีอยู่ตรงหน้า และกลับมานอนในเวลาค่ำกับเสียงเพลงที่ยังติดตรึงอยู่ในหูของคุณมาตลอดทั้งวัน พูดง่ายๆคือนี่คือที่ที่คุณสามารถ live and breathe music ได้อย่างเต็มที่ เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณควรไปสัมผัสกับตัวเองสักครั้งจริงๆ
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ตามประเทศต่างๆทั่วโลกก็ได้พร้อมใจที่จะจัดเทศกาลดนตรีรับหน้าร้อนอย่างเป็นทางการ โดยแต่ละเทศกาลก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างกันไปอย่างน่าสนใจ วันนี้เราเลยขอรวบรวม 10 เทศกาลดนตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาฝากกัน บอกเลยว่าแต่ละงานนี่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปให้ได้ จะมีเทศกาลดนตรีไหนบ้าง เลื่อนลงไปดูกันเลย!
Coachella
จัดที่: แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
วันที่: 10-12, 17-19 เมษายน
ทำไมคุณควรไป: ศิลปิน ไลน์อัพระดับโลกนับไม่ถ้วน สถานที่จัดงานที่สวยงาม และสภาพอากาศที่เป็นใจ
อ้า…Coachella จะไม่ให้เรารวมเทศกาลดนตรีที่แฟนๆรอคอยมากที่สุดในอเมริกางานนี้ได้ยังไง คุณผู้อ่านคะ ทุกอย่างที่คุณเคยได้ยินมาเกี่ยวกับ Coachella ที่ว่าสุดยอดนั้น มันเป็นความจริงแทบทั้งหมด ถึงแม้ว่าปัจจุบันงานนี้จะกลายเป็นแฟชั่นโชว์ – ที่สื่อหลายสื่อบอกว่าเปลือกๆ – ของเหล่าดารา เซเลบริตี้ และแฟชั่นบล็อกเกอร์ (ก็แหงอยู่แล้ว มันอยู่ติด L. A. ซะขนาดนั้น) แต่ท้ายที่สุดแล้ว Coachella ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดในโลกอยู่ดี เพราะนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เทศกาลนี้ได้นำดนตรีที่ดีที่สุด การ reunion ของศิลปินที่ดีที่สุด และเซอร์ไพรส์ที่น่าจดจำมากที่สุดมาเอาใจแฟนๆแทบจะทุกปี อาทิ โฮโลแกรมของ 2Pac ที่ทำแฟนๆตื่นตะลึงไปตามๆกัน การขึ้นเวทีร่วมกันระหว่าง R Kelly และวง Phoenix เมื่อปีที่แล้ว และการหวนคืนเวทีของวง Outkast ในปีนี้ หลังจากห่างหายไปนานถึงเจ็ดปี นอกจากนี้สภาพอากาศในเมือง Indio ก็สวยงาม และเป็นใจสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นปาล์ม และชิงช้าสวรรค์สุดไอคอนิค ถ้าคุณไม่คันไม้คันมือรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปลง Instagram ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ
Governors Ball
จัดที่: นิวยอร์กซิตี้ สหรัฐอเมริกา
วันที่: 5-7 มิถุนายน
ทำไมคุณควรไป: งานนี้จัดขึ้นที่นิวยอร์ก เพราะฉะนั้นสำหรับคนต่างชาติอย่างพวกเรา ถ้าได้ไปงานนี้ก็เหมือนเป็นไฮไลท์ของทริปเข้าไปอีก
อย่างที่เขาชอบพูดกันว่า “New York is always a good idea” นี่คือเทศกาลดนตรีสำหรับชาวนิวยอร์กโดยเฉพาะ โดยจะจัดขึ้นที่ Randall’s Island ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเกาะแมนฮัตตัน ลองนึกภาพดูสิ ว่าถ้าคุณได้ไปเที่ยวนิวยอร์ก แล้วยังได้ไปชมเทศกาลดนตรีดีๆแบบนี้ด้วย จะเป็นทริปที่ฟินขนาดไหน ส่วนปีนี้ไลน์อัพศิลปินที่จะมาขึ้นแสดงก็เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Outkast, The Strokes, Phoenix, Jack White, Grimes, Run The Jewels และศิลปิน วงดนตรีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน แถมเรื่องอาหาร การกิน ก็หายห่วง เพราะภายในงานจะมีร้านอาหารชื่อดังในนิวยอร์กมาทำอาหารให้ทานแบบไม่ขาดปาก แหม่…ได้ทั้งฟังดนตรี ทั้งทานอาหารอร่อยๆ แล้วยังได้ชมวิวรอบๆเมืองนิวยอร์กทั้งหมดไปพร้อมๆกันอีก ฟินยิ่งกว่าฟินสิงานนี้
Isle of Wight
จัดที่: เกาะไอส์ ออฟ ไวท์ ประเทศอังกฤษ
วันที่: 11-14 มิถุนายน
ทำไมคุณควรไป: เพราะว่าเทศกาลดนตรีนี้คือต้นแบบของเทศกาลดนตรียุคแรกๆเลย มีมาตั้งแต่สมัยยุค ’70 นู่น ศิลปินระดับโลกมากมาย อาทิ Jimi Hendrix, Miles Davis, The Doors และ The Who ก็เคยขึ้นแสดงในงานนี้มาหมดแล้ว แถมอังกฤษในช่วงหน้าร้อนก็อากาศแสนสบาย เหมือนได้ไปพักร้อนในตัวด้วย
สนใจอยากไปเที่ยวอังกฤษช่วงหน้าร้อนใช่ไหม? นี่เลย เทศกาลดนตรี Isle of Wight รอคุณอยู่ จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1969 ที่ Seaclose Park บนเกาะไอส์ ออฟ ไวท์ เทศกาลดนตรีนี้ถือเป็นต้นแบบของเทศกาลดนตรียุคแรกๆเลย โดยเฉพาะในปี 1970 ที่ถือเป็นปีที่เทศกาลดนตรี Isle of Wight ประสบความสำเร็จมากที่สุด และกลายเป็นเทศกาลที่โด่งดังและใหญ่ที่สุดในปีนั้น โดยมีคนเข้าร่วมงานมากถึง 600,000 กว่าคน แซงหน้าเทศกาล Woodstock ในปีเดียวกันเสียอีก ส่วนไลน์อัพในปีนี้ก็บอกเลยว่ามีแต่ big name ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Blur, Fleetwood Mac, The Black Keys, Pharrell Williams และ Paolo Nutini (โอยยย อยากไปๆๆๆ!) ใครที่ไปเที่ยวพักร้อนที่เกาะนี้อยู่แล้ว และยังได้ไปเทศกาลดนตรีนี้อีก ขอแสดงความยินดีด้วย (อิจฉา)
Sónar
จัดที่: บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
วันที่: 18-20 มิถุนายน
ทำไมคุณควรไป: เพราะว่างานนี้จัดในเมืองประวัติศาตร์อันสวยงาม และอากาศสดใสอย่างบาร์เซโลนา แถมการแสดงก็เริ่มตั้งแต่เที่ยง ลากยาวไปจนถึงหกโมงเช้าของอีกวัน
จัดขึ้นในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน Sónar คือเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกในสวรรค์ที่อยู่ในสวรรค์อีกที เพราะสถานที่จัดงานคือ Fira Montjuic ตึกการประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการอันโด่งดัง ที่ตั้งห่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปเพียงแค่ไม่กี่นาที ซึ่งจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นสำหรับคอดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และคอศิลปะโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่เทศกาลนี้จะมีศิลปิน ไลน์อัพที่ยอดเยี่ยมสุดๆแล้ว (Massive Attack, Bonobo, Richie Hawtin และ Lykke Li) ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการศิลปะมัลติมีเดียของศิลปินเลือดใหม่มากมายอีกด้วย ส่วนตารางการจัดงานก็ถือว่าคูลไม่น้อย เพราะช่วงกลางวัน “Sónar by Day” จะเป็นช่วงที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ ส่วน “Sónar by Night” ก็จะเป็นช่วงที่ทุกคนปาร์ตี้กันสนุกสุดเหวี่ยงไปกับเสียงดนตรีจนถึงเช้าของอีกวัน
Glastonbury
จัดที่: ซัมเมอร์เซ็ท มณฑลชนบทในประเทศอังกฤษ
วันที่: 24-28 มิถุนายน
ทำไมคุณควรไป: เพราะมัน epic ขั้นสุด เพราะมันคือตำนาน เพราะมันมีมาตั้งแต่สมัยยุค ‘70s เพราะมันคือที่สุดของที่สุดของเทศกาลดนตรีระดับโลก ที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตคุณควรไปสัมผัสสักครั้ง เหตุผลแค่นี้พอหรือยัง?
เฮ้อออ…นึกถึงเทศกาล Glastonbury ทีไรก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เพราะสมัยตอนอยู่อังกฤษเราเกือบได้ไปแล้วเชียว ตั๋วเต๋ออะไรก็ซื้อแล้วเรียบร้อย แต่วีซ่านักเรียนดันหมดอายุเสียก่อน เลยต้องกลับไทย (เออ ดวงคนมันจะไม่ได้ไปอ่ะนะ) anyway…เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องรู้จักเทศกาลดนตรีงานนี้ เพราะนี่คืองานเทศกาลดนตรีที่โคตรจะดังสุดๆของโลก จุดกำเนิดของเทศกาลนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1970 หลังจากที่ Michael Eavis ผู้ก่อตั้ง ได้ชมคอนเสิร์ตของวง Led Zeppelin ในที่กลางแจ้ง จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เขาจัดเทศกาลดนตรีดังกล่าวขึ้น โดยในปีแรกจัดขึ้นที่ Worthy Farm มีผู้เข้าชมเพียง 1,500 คนเท่านั้น ส่วนราคาตั๋วในสมัยนั้นก็ตกอยู่ที่คนละ 1 ปอนด์ (อื้อหือ! ช่างต่างกันลิบลับกับตอนนี้!) ซึ่งค่าตั๋วที่ว่านั้น นอกจากจะได้เข้างานอย่างสบายๆแล้ว ผู้คนที่มาร่วมงานยังสามารถดื่มนมวัวได้ฟรีๆจากทางฟาร์มอีกด้วย ส่วนทุกวันนี้ เทศกาล Glastonbury ได้กลายเป็นเทศกาลดนตรีที่แฟนๆทั่วโลกต่างยินยอมพร้อมใจที่จะจ่ายค่าตั๋วที่สูงลิ่ว เพื่อที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี และได้ชมศิลปิน นักดนดรีแถวหน้าระดับโลกนับร้อยมาแสดงสดแบบจัดเต็ม อาทิ Paul McCartney ที่ชวนให้แฟนๆร้องเพลง Hey Jude ในปี 2004 หรือจะ Jay Z ที่คัฟเวอร์เพลง Wonderwall ของวง Oasis ในปี 2008 เอาเป็นว่าศิลปินยักษ์ใหญ่ระดับโลกแต่ละคนที่คุณสามารถนึกถึง พวกเขาและเธอเคยขึ้นแสดงที่ Glastonbury มาแล้วทั้งนั้น
Donauinselfest
จัดที่: เวียนนา ประเทศออสเตรีย
วันที่: 26-28 มิถุนายน
ทำไมคุณควรไป: นี่คือเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และที่เจ๋งสุดๆเลยคือฟรี! คุณไม่ต้องเสียค่าเข้าแม้แต่บาทเดียว
งานนี้ทั้งใหญ่ยักษ์ เต็มไปด้วยความบ้า และที่สำคัญคือทุกอย่างฟรี!! จัดขึ้นที่เกาะ Donauinsel บนแม่น้ำดานูบ เทศกาลนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีศิลปิน นักดนตรีขึ้นแสดงกว่า 2000 ชีวิต ส่วนจำนวนคนที่เข้าร่วมงานก็สูงลิ่วถึง 3.2 ล้านคนในปี 2013 โอ้ มาย ก๊อด! สำหรับจุดเด่นของเทศกาลนี้ก็คือทั่วทั้งเกาะจะมีการจัดตั้งเวทีของสื่อหนังสือพิมพ์ และสถานีวิทยุต่างๆมากมาย ที่ต้องการโชว์ศิลปินจากทุกแขนงที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่างานนี้จะยังไม่มีไลน์อัพที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่การันตีได้เลยว่าถ้าคุณไปร่วมงานนี้ คุณจะต้องเต็มอิ่มไปกับดนตรีที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกแน่นอน
Splendour in the Grass
จัดที่: ไบรอน เบย์ ประเทศออสเตรเลีย
วันที่: 24-26 กรกฎาคม
ทำไมคุณควรไป: ก็เพราะว่ามันจัดขึ้นที่ออสเตรเลียนะสิ! แถมชื่อของเทศกาลก็ยังตั้งตามชื่อบทกวีอันมีชื่อเสียง ส่วนสถานที่ก็จัดที่สนามหญ้าผืนใหญ่บนอ่าวอันสวยงาม โรแมนติกสุดๆไปเลย
เทศกาลนี้ได้ตั้งชื่อตามบทกวีของ William Wordsworth นักกวีชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง ซึ่ง Splendour in the Grass ถือเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับเทศกาลดนตรีนี้มากๆ เพราะสถานที่จัดงานบนสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่อ่าวไบรอน เบย์ (Byron Bay) นั้นแสนจะงดงาม และเงียบสงบ เหมาะมากๆสำหรับวันพักผ่อน ฟังเสียงดนตรีในบรรยากาศที่อบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้น เทศกาลดนตรีงานนี้ก็ได้รับความสนใจจากสื่อตามประเทศทั่วโลกอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา Splendour in the Grass ได้ดึงศิลปิน วงดนตรีอินดี้ อัลเทอร์เนทีฟแถวหน้ามาขึ้นเวทีจำนวนไม่น้อยเลย อาทิ Foster the People, Franz Ferdinand และ Sky Ferreira เป็นต้น ว่ากันว่าเทศกาลนี้จะคล้ายๆเทศกาล Coachella แต่มีดารา เซเลบริตี้น้อยกว่า
Lollapalooza
จัดที่: ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
วันที่: 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม
ทำไมคุณควรไป: นี่คือเทศกาลดนตรีที่เปรียบเสมือนเป็น “pop culture king” ที่มีคนเข้าร่วมงานมากถึง 300,000 กว่าคนมาแล้ว
คุณอาจจะต้องตั้งสติให้มากหน่อยในการออกเสียงชื่อเทศกาลดนตรีงานนี้ให้ถูกหลังจากดื่มเบียร์ไปแล้วสัก 2-3 แก้ว แต่ถึงจะมีชื่อเรียกขำๆ แต่ขอบอกเลยว่าตัวงานจริงๆเขาไม่ขำนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าเทศกาล Lollapalooza นั้นเปรียบเสมือนเป็น pop culture king แห่งเทศกาลดนตรี ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานที่ใหญ่ที่สุด หรือใหม่ที่สุด แต่ Lollapalooza ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดในโลก Florence + the Machine, Sam Smith, Charli XCX, Paul McCartney และ Tame Impala เป็นเพียงส่วนหนึ่งในศิลปินระดับแถวหน้าอีกจำนวนมากที่จะขึ้นแสดงในปีนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่เทศกาล Lollapalooza จะกลับมาสร้างสีสันสมการรอคอยของแฟนๆ โดยเฉพาะงาน Lollapalooza ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นเมืองแรกในทวีปยุโรปที่จะมีการจัดเทศกาลดังกล่าว หลังจากประเทศบราซิล อาร์เจนติน่า และชิลี
Øyafestivalen
จัดที่: ออสโล ประเทศนอร์เวย์
วันที่: 11-15 สิงหาคม
ทำไมคุณควรไป: งานนี้จัดขึ้นที่สวน Middelalderparken หรือ Medieval Park อันเก่าแก่ที่ลายร้อมไปด้วยซากปรักหักพังของโบสถ์ St. Clement’s Church และโบสถ์ St. Mary’s Church ที่มีอายุราวๆเกือบพันปี คูลป่ะล่ะ?
จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1999 เทศกาลดนตรีที่มีชื่อเรียกสั้นๆอีกชื่อว่า Øya นี้ ถือเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย และถึงแม้ว่าสถานที่จัดงานจะมีความขลังอันเก่าแก่อยู่ไม่น้อย แต่ไลน์อัพในแต่ละปีนั้นจัดว่าร่วมสมัย เอาใจวัยรุ่นสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินชื่อดังจากนอร์เวย์เองอย่าง Röyksopp และ Robyn หรือศิลปินแถวหน้าระดับโลกอย่าง Sonic Youth, Arctic Monkeys, Beck และ Morissey ก็เคยขึ้นเวทีในงานนี้มาหมดแล้ว ส่วนไลน์อัพประจำปี 2015 จะมีใครบ้างยังไม่เป็นที่รู้กันแน่ชัด แต่ได้ข่าวว่า Outkast, Florence + the Machine, Janelle Monae และ Belle and Sebastien คือแค่ส่วนหนึ่งในบรรดารายชื่อศิลปินที่จะมาแสดงจัดเต็มให้แฟนๆได้ชมกันในปีนี้
Moogfest
จัดที่: นอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา
วันที่: จะจัดขึ้นอีกทีในปี 2016
ทำไมคุณควรไป: ศิลปิน ไลน์อัพสุดล้ำ รวมถึงแขกรับเชิญที่จะมาให้การบรรยาย และการจัดเวิร์คช็อปที่น่าสนใจตลอดทั้งวัน
Moogfest คือเทศกาลดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกที่ล้ำสมัยที่สุดงานหนึ่งของโลก โดยเริ่มจัดขึ้นในปี 2004 โดย Dr. Robert Moog ผู้สร้างเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และบริษัท synthesizer ชื่อดัง Moog Music ในช่วงปีแรกๆ Moogfest เป็นเพียงเทศกาลดนตรีอย่างเดียว แต่พอมาถึงปัจจุบัน เทศกาลดนตรีงานนี้ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเชิญเหล่าอาจารย์ และสปีกเกอร์ชื่อดังมาพูดบรรยาย พร้อมกับการแสดงดนตรีเป็นที่แรกอย่างที่ไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Synthesis of Technology, Music, and Art” ซึ่งช่วงกลางวันจะเป็นเวลาของเหล่านักบรรยาย ส่วนพอตกกลางคืนก็จะเป็นเวลาที่เหล่าศิลปิน นักดนตรีได้ขึ้นแสดง อาทิ Kraftwerk, The Pet Shop Boys, Flying Lotus และ M.I.A.
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
เป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้สร้างตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Monotype ได้ทำการออกแบบตกแต่งตัวชุดอักษรที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกอย่าง Helvetica หลังจากที่พยายามปลุกปล้ำกันอยู่นานกว่าสองปีเพื่อที่จะปรับปรุงชุดตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบ swizz font