มีข่าวออกมาถึงการเปิดตัวรถรุ่น 2015 Ford Mustang ที่เหมือนเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของตำนานมัสแตง รถสายพันธุ์ดุจากค่าย Ford เป็นเหมือนตัวพ่อของวงการ Muscle Car สไตล์อเมริกัน ดีไซน์ทะมัดทะแมง เครื่องดังกระหึ่ม เป็นแนวที่เราสามารถพบเห็นได้ตาม Pop Culture หนังภาพยนตร์ Music Video มากมาย เพื่อให้เป็นการมากกว่าชื่นชอบ เรามาใช้เวลาทำความรู้จักเกี่ยวกับฟอร์ดมัสแตงกันแบบจริงจังมากขึ้นบ้างดีกว่า เพราาะส่วนตัวเองก่อนหน้านี้ เวลามอง Muscle Car มันก็ดูเท่เหมือนๆกันหมด คือให้แยกแบรนด์ยังแยกไม่ออกเลย วันนี้เรามาเริ่มดูตั้งแต่ที่มาของมัสแตงยุคเริ่มต้นกัน
ไอเดียเกิดจากการที่ Ford ต้องการจะผลิตรถที่ “ดีไซน์สวย สมรรถภาพดี วิ่งทำความเร็วได้ ราคาประหยัด”
ในสมัยนั้นการมองหารถยนต์วิ่งเจ๋งๆยังเป็นสิ่งที่ราคาแพงพอสมควร คือถ้าคุณไม่ใช้รถบ้านขับง่ายๆประหยัดๆ ก็ต้องกระโดดไปเป็นพวกรถเปิดประทุนราคาแพงๆรุ่นใหญ่ๆเลย ภายในทีมของ Ford ก็เกิดแนวคิดกันว่า อยากทำรถดีๆขึ้นมาสักคันในระดับที่คนทั่วไปสามารถรับได้ หนึ่งหลักๆเลยคือราคาไม่แพงมาก แล้วก็ต้องมีคุณภาพดี เป็นรถที่มีสมรรถภาพสูง สามารถทำความเร็วได้ ที่สำคัญคือต้องมีดีไซน์ที่เร้าใจด้วย หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาว ลองผิดลองถูก จึงเกิดเป็นไลน์การผลิตใหม่ขึ้นมาชื่อรุ่นว่า Ford Mustang วางขายครั้งแรกวันที่ 17 Apr 1964 (17 เมษายน พ.ศ.2507) ด้วยราคาไม่ถึง $2,400 เทียบในยุคสมัยนั้นของอเมริกาก็ยังถือว่าถูกมากๆ
Donald N.Frey แลพ Lee Iacocca บิดาของ Ford Mustang ผู้ริเริ่มคิดค้นขึ้น
มันคือโปรเจคต์ที่ Donald N. Frey และ Lee Iacocca ต้องแอบทำไม่ให้เจ้านายรู้
การนำเสนอโปรเจคต์เรื่องรถ Muscle Car ราคาย่อมเยาอย่าง Mustang ต้องผ่านหลายอุปสรรคและเรื่องเล่า หลังจากที่ทีมผู้คิดค้นโดน Henry Ford รุ่น 2 ตีไอเดียตกไปสามสี่ครั้ง ทาง Donald N. Frey และ General Manager ในเวลานั้น Lee Iacocca ผู้เป็นเหมือนต้นคิดของ Mustang คนแรก ต้องมาแอบนัดเจอกันกับเพื่อนๆทีมงานรวมถึงบรรดาวิศวกรใน Motel ตอนกลางคืน เสร็จแล้วก็ประชุมลับๆ แอบสร้างรถตัวอย่างกันแบบลับๆ สุดท้ายต้องรอให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างก่อน แล้วเอาไปโชว์ให้นาย นายถึงจะแฮปปี้ แต่เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าถ้าเกิดงานนี้ทำแล้วดันออกมาแป๊ก ก็เตรียมเก็บของ เปลี่ยนที่ทำงานแน่นอน
Ford Mustang รุ่น Prototype ขณะลงสนามแข่งใน 1962 Watkins Glen Grand Prix
สร้างชื่อตั้งแต่ยังเป็นรุ่นทดลอง ไปกระตุกหนวดพี่ๆ F1 มาแล้ว
ก่อนจะถึงวางขายกันปี 1964 รู้หรือไม่ว่าสองปีก่อนหน้านั้น รุ่น Prototype ของ Ford Mustang ที่ยังโครงสร้างไม่เหมือน Mustang แบบที่เราคุ้นตากัน (อันนี้ดูแล้วเหมือนการ์ตูน Speed Racer ยังไงไม่รู้) ก็ริอาจไปเริ่มสร้างชื่อตั้งแต่ยังอยู่ในขั้นทดลอง เมื่อมีการนำเอาไปวิ่งในสนามแข่งรถ F1 1962 Watkins Glen Grand Prix นักแข่งชื่อดัง Dan Gurney ก็กระโดดขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ แล้วผลที่ออกมาคือมันทำความเร็วได้เกือบจะเท่าๆกันกับรถสูตร 1 ในเวลานั้น ซึ่งเทียบกันแล้วตัวถังก็เทอะทะกว่า ล้อก็ไม่ได้เปิดกว้างแบบรถ F1 แต่ทำความเร็วได้ฉิวเฉียดนิดเดียว สร้างความฮือฮาให้คนดูในสนามวันนั้นอย่างมาก แม้โมเดลจะเปลี่ยนจนแทบจำไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดเป็น Talk of the Town ของผู้คนหลังจากสนามนี้ก็คือ รู้รึเปล่า? ไอ้รถโลโก้ม้าวิ่งนั่นน่ะ มันเร็วซะจนเกือบเทียบเท่า F1 เลย!
บรรยากาศการเปิดตัว Ford Mustang ครั้งแรกในงาน World Fair ที่ New York ปี 1964
ผลตอบรับที่เกิดกระแสคนคลั่งกันยกใหญ่เป็นประวัติการณ์
ยอดขายของ 1965 Ford Mustang (ซึ่งถ้าไปถามบางคน เขาเรียกรุ่นแรกนี้กันว่า 1964½ Ford Mustang เพราะเริ่มวางขายกันในช่วงกลางปี 1964) นั้นจัดได้ว่าพุ่งทะลุแซงทุกโค้ง จากที่ทาง Ford เองประมาณการณ์ว่ารถจะขายได้ประมาณ 100,000 คันก็ดีใจแล้ว ผลคือวันแรกที่เปิดจองคนสั่งกันทั้งหมด 22,000 คัน! ทำเอายอดแค่ปีเดียวขายไปได้ทั้งหมด 417,000 คัน มีเรื่องเล่าว่าในเมือง Garland รัฐ Taxas ถึงขนาดแย่งกันประมูลรถที่เหลืออยู่คันเดียวในโชว์รูม จำนวนผู้ประมูล 15 คนแย่ง Ford Mustang คันเดียว แล้วคนที่ชนะประมูลแกก็คลั่ง วิตกกังวลกลัวรถเป็นอะไรไป ถึงขนาดขอนอนในรถรอดำเนินการซื้อขายให้เสร็จสรรพวันรุ่งขึ้น พร้อมขับกลับบ้านกันเลยทีเดียว (หนักมากนะน่ะ) เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เจ็บใจไม่มีมัสแตงขับก็ไปลงกับของเล่นลูก ทำเอายอดขายรถมัสแตงแบบถีบของเด็กในคริสต์มาสต์ พุ่งสูงเช่นกัน ไปถึง 94,000 คันแน่ะ
โฆษณา Print Ad ของ Ford Mustang โดยเอเจนซี่ Madison Avenue
แคมเปญนำรถ Ford Mustang ขึ้นขับบนยอดตึก Empire State ในปี 1966 ขั้นตอนการถอดประกอบเอารถขึ้นลิฟท์คนโดยสาร
และล่าสุดในปี 2015 นี้พวกเขาก็เพิ่งนำ 2015 Ford Mustang ขึ้นไปขับบนนั้นอีกเช่นกัน
ใน Print Ad ของ Ford Mustang ช่วงแรกๆมีใบนึงที่เขียนคำโปรยว่า “Sweetheart of the Supermarket Set” อย่าบอกนะว่านี่คือ Muscle Car สำหรับคุณแม่บ้าน!
แล้วอะไรที่ทำให้ Ford Mustang ได้รับความนิยมขนาดนี้?
สิ่งหนึ่งที่ไม่เถียงเลยคือสมรรถภาพของ Ford Mustang ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในราคาที่คนซื้อได้ แต่อีกสิ่งที่สำคัญมากๆเช่นกันมันคือ กลยุทธ์การโฆษณาและการตลาดอันชาญฉลาดของฟอร์ด ที่เริ่มตั้งแต่แรกก่อนจะวางขาย พวกเขาลงทุนปล่อยแคมเปญโฆษณาแหลกลาญ ตามสื่อพิมพ์เกือบ 3,000 หัว มี Print Ad เท่ๆคูลๆอย่างใบนี้ (ดูรูปประกอบ) ของเอเจนซี่ Madison Avenue ที่ทำออกมาใช้สัญลักษณ์ชัดเจน ผู้ชายเอื้อมไปจุดบุหรี่ให้ผู้หญิงผ่าน Mustang มันคือคำว่ารถคันนี้หมายถึง Sex Appeal ที่ผู้ชายขับ Mustang จะได้รับท่วมท้น (ประมาณว่า Get Laid แน่นอนอะ) ไปจนถึงบรรดาโฆษณา TVC ยิงฉายในช่วง Prime Time 3 ทุ่มพวกเขาซื้อสล็อตเวลาตามช่องใหญ่ๆของทีวีอเมริกา ฉาย Ad กันแบบจัดเต็ม แต่อะไรมันจะวางแผนได้ดีไปกว่า การเลือกเวลาวางขายของพวกเขา ในช่วงปีเดียวกัน 1964 เป็นจังหวะที่ The Beatles สี่เต่าทอง บินจากเกาะอังกฤษมาแสดงสดครั้งแรกที่อเมริกา เป็นประวัติศาสตร์ที่ทำให้คนหนุ่มสาวตื่นตัวอย่างมาก สองเดือนให้หลังฟอร์ดเห็นว่าตื่นตัวกันใช่ไหม เราปล่อย Mustang ออกไปลุยในตลาดมันซะเลย ผลก็เป็นอย่างที่ข้อข้างบนว่า มองไปทางไหนในยุคนั้นก็เจอแต่ Ford Mustang เต็มไปหมด แม้จะขายดีเทน้ำเทท่าแล้ว พวกเขาก็ยังไม่หยุดนิ่ง ทำแคมเปญน่าสนใจออกมาสม่ำเสมอ เช่น หลังจากในปีต่อมามี Ford Mustang Shelby GT350 เกิดขึ้น แล้วก็ส่งเข้าแข่งคว้ารางวัลชนะเลิศหลายสนามหลายรายการ ไปจนถึงปี 1966 เมื่อถึงยอด 1 ล้านคัน ก็มีการนำเอารถขึ้นไปวิ่งบนตึก Empire State ที่สูงที่สุดในโลกเวลานั้น โอย ประโคมกันหนักหน่วงขนาดนี้ นึกอารมณ์ว่าถ้าเราอยู่ในยุค 60’s ถ้าไม่มี Mustang ขับก็คงดูเชยแน่ๆ
*เกร็ดน่ารู้ ในช่วงแรกๆการเปิดตัว Mustang มีโฆษณาอยู่หนึ่งชิ้นที่มีคำโปรยว่า “Sweetheart of the Supermarket Set” ตามแนวคิดที่หลังสงคราม ผู้หญิงก็มีความเป็นช้างเท้าหน้าเช่นกัน บวกกับยุคนั้นการขับเคลื่อนสิทธิผู้หญิงกำลังคึกคัก ก็เลยมีคำโปรยแปลกๆอย่าง Mustang มิตรแท้การจ่ายกับข้าว เหมือนกัน คิดสภาพคุณแม่บ้านเหยียบมัสแตงไปซื้อของ โหดแท้
1967 Ford Mustang Shelby GT350 ในสนามแข่ง Le Mans ที่ได้แชมป์
Ford Mustang คือรถที่แสดงถึงจิตวิญญาณของอเมริกันชนอย่างแท้จริง
ในวงการยนตรกรรมของชาวอเมริกันได้ผงาดกันอย่างเต็มภาคภูมิ ก็ตอนหลังจากที่มี Ford Mustang เกิดขึ้นนี่ล่ะ หลังจากเป็นรถจากอเมริกาเจ้าแรกที่ชนะการแข่งรถสนามตำนานแห่งเมือง Le Mans ประเทศฝรั่งเศส ทำเอาแบรนด์รถฝั่งยุโรปเริ่มมีร้อนๆหนาวๆกันครั้งใหญ่ แล้วก็การันตีด้วยรางวัลรถยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วนทั้งเรื่องสมรรถนะ และเรื่องดีไซน์ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมตัวเลขสีที่คนเลือกซื้อกันเป็นที่นิยมที่สุด นับเป็นสถิติจากอดีตจนถึงปัจจุบันจากบรรดา Ford Mustang ทั้งหมด อันดับหนึ่งคือ Ford Mustang สีแดง 21% รองลงมาคือสีน้ำเงิน 17% เหตุก็เพราะว่ามันคือสีธงชาติอเมริกันของพวกเขาไง ส่วนที่ตามลงมาไม่ไกลคือสีเงิน 14% และสีขาว 13% ตอนช่วงปีแรกออกมาใหม่ๆสีน้ำเงินนำโด่งมาแต่ไกล แต่ในภายหลังสีแดงกลับครองใจคนมากกว่า ค่อยมาในรุ่นหลังๆนี้ล่ะ ที่ Mustang สีดำเริ่มเป็นที่นิยมบ้าง
(จากซ้ายไปขวา) Ford Mustang / Dodge Challenger / Plymouth Barracuda / Chevrolete Camaro / Pontiac Firebird
การเกิดขึ้นของ Mustang ได้สร้างมาตรฐานใหม่ครั้งใหญ่ให้กับวงการยานยนตร์
หลังจากที่มัสแตง สร้างกระแสฮือฮาครั้งใหญ่แก่ตลาดแล้ว ให้ทายว่าใครล่ะที่คิดมาก? ก็บรรดารถอเมริกันด้วยกันนี่ไง! อารมณ์ประมาณว่า “เห้ย นี่ไม่เห็นหัวพวกฉันเลยเหรอ” ส่งผลให้แบรนด์อเมริกันดังๆทั้ง Dodge, Chevrolete, Pontiac, Plymouth, AMC อยู่นิ่งไม่ได้แล้วจ้า! ปล่อยรถ Muscle Car อารมณ์ประมาณเดียวกันคือ ถูก เร็ว แรง สวย เท่ หล่อ ราคาประหยัด สองที่นั่ง บลา บลา บลา ออกมาเป็นมาตรฐานไลน์การผลิตใหม่ อย่างเช่น Dodge ก็มี Dodge Challenger ฝั่ง Chevrolete ก็มีรุ่น Camaro แล้วก็แบรนด์อื่นๆที่แฟนๆ Muscle Car รู้กันดีก็เช่น Plymouth Barracuda / Pontiac Firebird / AMC Javelin ที่ยังคงเป็นที่พูดถึงกันถึงทุกวันนี้เช่นกัน เดี๋ยวจะหาว่าเราเอาไรมาพูด เขาไม่ได้ตามฟอร์ดกันสักหน่อย เอ้า หลักฐานเรายังมีอีก ก็ตอนปี 2005 ที่มัสแตงปล่อยรุ่นพิเศษ โฉมใหม่มาอีกครั้ง สามปีให้หลัง 2008 Dodge ก็เข็นเอา Challenger รุ่นใหม่มาสู้ พอปี 2010 พี่เชฟก็ปล่อย Camaro ตัวใหม่ออกมาอีก เห็นไหมล่ะคู่รักคู่แค้นกันจริงๆ
ตราโลโก้แบบเสือ Cougar ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นตราม้าวิ่ง Mustang แบบที่เราคุ้นเคยกัน
โปสเตอร์เรียกชื่อ Ford Mustang ว่า “Ford T5” สำหรับชาวยุโรป
เกือบจะไม่ได้เรียกว่า Mustang ซะแล้ว
ก่อนจะเกิดเป็น Ford Mustang เรื่อง “ชื่อ” เป็นที่ถกเถียงกันในบริษัท Ford พอสมควร มีทั้งจะตั้งเป็น Thunderbird 2 / Allegro / Special Falcon / XT-Bird / Comet เรียกว่าป้วนเปี้ยนแต่กับเรื่องบนท้องฟ้า บางคนก็อยากได้ชื่อที่มันดูยุโรปๆคลาสสิคๆเช่น Avanti / Avventura / Allegro / Stiletto / Monte Carlo / Torino จนมาใกล้เคียงเริ่มเป็นชื่อสี่ขาอย่าง Bronco / Cheetah / Puma / Colt และที่เหมือนว่าจะเคาะเข้าโรงผลิตอยู่แล้วก็คือ Cougar มีการทำตรารถโลโก้เสือออกมา เตรียมสร้างกันจริงจัง สุดท้ายก็ต้องขอบคุณ Henry Ford II ที่ตัดสินใจมาจบที่ Mustang นี่ล่ะ (แต่ถ้าใครเป็นแฟนๆของฟอร์ดคงทราบกันดีว่าบางชื่อที่กล่าวๆมานี้ ภายหลังก็ไปเป็นรุ่นของฟอร์ดอีกเช่นกัน) แต่กลับกัน ในฝั่งยุโรป เป็นเวลานานที่คนยุโรปรู้จัก Ford Mustang ในนามว่า Ford T5 เพราะตอนแรกชื่อ Mustang ดันไปซ้ำกับแบรนด์อื่นก่อนแล้ว
*เกร็ดน่ารู้ ถึงแม้โลโก้จะเป็นรูปม้า ที่แฟนๆชาวไทยหลายคนตั้งสมญานามให้ว่าเป็น “ม้าป่า” (ฝั่งเฟอร์รารี่บ้านเราเรียกกันว่า “ม้าลำพอง”) แต่ไอเดียแนวคิดของชื่อมัสแตง ไม่ได้เกี่ยวกับม้าเลยแต่อย่างใด ได้มาจากชื่อรุ่นของเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของชาวอเมริกัน P-51 Mustang ที่มีการกล่าวขานดับเครื่องบินรบฝ่ายตรงข้ามไปเยอะ ซึ่งอันนี้เป็นส่วนมากที่เล่าถึงที่มา บางส่วนเล่าว่าเกิดจากทีมอเมริกันฟุตบอลบ้างก็มี ไม่รู้ล่ะ สุดท้ายเป็นหน้าที่ของนาย Phillip Clark ดีไซน์เนอร์ผู้สเก็ตช์คิดค้นโลโก้ม้าสุด Iconic นี้ขึ้นมา ซึ่งหลายคนก็สงสัยมากว่าทำไมม้าถึงวิ่งทวนสวนทางกับการแข่งม้าในสนามแข่ง วิ่งขวาไปซ้าย จากฝั่งคนขับไปคนนั่ง บ้างก็ว่ามันแสดงถึงการปลดปล่อยอิสระภาพของอเมริกันจากฝั่งตะวันตก
นอกจากนั้น Ford Mustang ยังมีรุ่นในตระกูลเป็นสับเซตครอบครัวอีกเพียบ
ตั้งแต่มี Ford Mustang ออกมา Ford ก็ยังคงผลิตโมเดลใหม่ๆออกมาตามติดเป็นลูกหลานกันเต็มไปหมด ที่แน่นอนว่าต้องพูดถึงก็คือ Ford Mustang Shelby GT ที่ให้กำเนิดตามให้หลังมาไม่ถึงสองปี ร่วมผลิตโดย Shelby เป็นการยกเครื่อง V8 ที่แรงกว่าเก่าใส่เข้าไปอีก รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ฟอร์ดใช้ส่งลงสนามแข่งแล้วคว้ารางวัลมานักต่อนักแล้ว / ต่อมาก็มี Ford Mustang ใส่เครื่อง Boss ที่มาพร้อมเครื่องโคตรอภิมหาแรงนั่นก็ได้รับความนิยม เสียงเครื่องดังกระหึ่มเช่นกัน / Ford Mustang Mach I เป็นเหมือนรุ่นทดลองที่ Ford ลองทำ Mustang ของพวกเขาให้มีความเร็วและสมรรถนะมากขึ้น ใส่เครื่องใหญ่เข้าไป แต่แล้วก็หยุดผลิตไปจนมาเริ่มใหม่อีกครั้งในช่วงต้น 2000s ถือเป็นรุ่นหายากและเป็นที่เล่นกันในวงคนสะสม / Ford Mustang Bullitt รุ่นที่มีดีไซน์เอกลักษณ์สวยงามสร้างตามโมเดลรถในหนังที่ Steve McQueen เล่นจากนั้นก็ยังมีรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ / Ford Mustang Saleen ร่วมมือกับแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ของอเมริกัน (ที่ใน 2 Fast 2 Furious มีฉากโดนบี้ยับ) / สุดท้ายคือตระกูล Ford SVT Mustang Cobra เป็นรุ่นที่สร้างโดย Ford เอง เริ่มในปี 1993 เป้าหมายคือเป็นมัสแตงที่เพิ่มสมรรถนะความแรงเข้าไปอีก (SVT ย่อมาจาก Special Vehicle Team ของ Ford)
Ford Mustang SSP (Special Service Package) ที่สร้างขึ้นพิเศษสำหรับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โดยเฉพาะ
แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังกรี๊ด Mustang กับเขาด้วย
ในปี 1982 ตำรวจทางหลวงของ California เห็นว่าประชาชนดูจะมีรถแรงกันเหลือเกิน เห็นทีสายตรวจต้องขอวานมือให้ Ford ช่วยทำ Mustang รุ่นพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่บ้าง ออกมาเป็น Ford Mustang SSP สีขาวดำ มีตราตำรวจ ที่ดูสวยไปอีกแบบ (ดูจากคำโปรยใน Ad รูปด้านบน คนคิด Copy มันโคตรแสบเลย) เวลาเราเห็นของเล่นที่เป็นโมเดลนี้ทีไรเราชอบทุกที เพราะมันโคตรเท่เลย ถึงทุกวันนี้ก็ยังมีรถตำรวจรุ่นใหม่ๆที่เป็นมัสแตงทำออกมาอยู่ด้วยเหมือนกันนะ
Ford Mustang Mach II ที่เคยมีแผนจะสร้างเป็นรถ Mustang มีเครื่องยนต์อยู่ตรงกลางคัน ก็เป็นได้แค่แผนคิดไว้เท่านั้น
Ford Mustang Aspen รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ Ford เคยคิดจะทำเป็นรถครอบครัวในไลน์ Mustang
Ford Mustang Milano ที่เป็นเหมือนลูกผสมของ Shelby GT กับ Torino มีลูกเล่นมากมาย อย่างเช่นไฟท้ายมีสามสีแดง เขียว เหลือง (แบบไฟจราจร) แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่โปรเจคต์ในฝันของใครหลายๆคนเท่านั้น
Ford Mustang RSX เป็นรุ่นแรกๆหลังจากที่ Ford ตัดสินใจให้แบรนด์ออกแบบจากฝั่งยุโรป GHIA มาร่วมออกแบบ Mustang โดยรุ่นนี้เป็น Concept Car ที่คิดเอาไว้ให้สำหรับใช้แข่ง Rally โดยเฉพาะ (เหลี่ยมซะขนาดนี้)
ยังมี Mustang รุ่นแปลกที่ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงได้แค่ Concept Car เท่านั้น
ในช่วงที่ตลาดกำลังได้ใจช่วงปลายปี 1966 ทาง Ford เองก็กะจะต่อยอด Mustang ให้ขยายฐานมากแฟนๆขึ้น ด้วยการทำรถแบบครอบครัวขึ้นมา ชื่อรุ่นว่า Mustang “Aspen” แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่ปล่อยออกมา เพราะภาพลักษณ์รถดุ Muscle Car อาจจะดูอ่อนลงไปในเวลานั้น หรือในช่วงหนึ่งก็เกือบจะทำรถรุ่นพิเศษขึ้นมาชื่อว่า Mustang Milano อันนี้ยังคงเป็นโปรเจคต์ที่หลายคนอยากให้เกิดมากๆ เกิดจากการรวมร่างกันระหว่าง Shelby GT กับ Torino (รถ Muscle Car รุ่นใหญ่กว่า Mustang อีกนิดนึงของฟอร์ด) เป็นสีม่วง Metalic ที่มีดีไซน์เฉี่ยวสวย ลูกเล่นไฟท้ายสามสีแดงเขียวเหลือง สุดท้ายก็เป็นได้แค่ในฝัน นอกจากนั้นยังมีโปรเจคต์แปลกๆอีกอย่างเช่น Mustang ที่ร่วมมือทำโดย McLaren หรือ Mustang แบบใช้แข่ง Rally เยอะแยะเต็มไปหมด ต้องขอบคุณภาพถ่ายที่ทำให้เราพอเห็นโฉมหน้าของเจ้า Concept Car พวกนี้บ้าง
1964½ Ford Mustang Convertible รุ่นเปิดประทุนโมเดลแรกๆของ Ford Mustang ขับโดยนักฆ่าหญิงใน Goldfinger (1964)
1968 Ford Bullitt Mustang ที่สร้างขึ้นให้สำหรับ Steve McQueen ใช้ขับในหนัง Bullitt (1968) โดยเฉพาะ จนภายหลังยังมีทำเป็นโมเดลประจำให้แฟนๆเห็นกันอยู่เรื่อยๆ
1969 Ford Mustang Boss 429 รุ่นหายากของ Mustang ที่ผลิตมาน้อยมากๆในปีนั้น มาพร้อมเครื่อง Boss 429 ที่แรงมากๆ รถของตัวละครเอกใน John Wick (2014)
Mustang เป็นดาราดังที่ไปปรากฎตัวอยู่ในหนังจอเงินนับไม่ถ้วน
โอย ถ้าพูดถึงรถที่โชว์ความเท่บนจอภาพยนตร์บ่อยและเด่นที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น Mustang นี่ล่ะ (เคยมีคนทำสถิติ น่าจะมีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 เรื่อง!) เอาแค่ James Bond ก็มีโผล่เป็นสาระสำคัญถึง 2 ภาคแล้ว คือ Goldfinger (1964) แบบเปิดประทุนที่ขับโดยนักฆ่าสาว หรือ Diamonds Are Forever (1971) 1971 Mustang Mach I คันสีแดงขับโดย Sean Connery ที่โคตรคูล พูดถึงความคูล King of Cool อย่าง Steve McQueen ก็ขับ Mustang GT390 ปี 1968 ใน Bullitt (1968) นอกนั้นก็มี Gone in Sixty Seconds ทั้งภาคต้นฉบับปี 1974 และ Remake ปี 2000 และที่ฮืฮอาร้องกรี๊ดลั่นโรงที่สุดคงเห็นจะเป็น 1969 Mustang Boss 429 ของ Keanu Reeves ใน John Wick (2014) หนังปีที่แล้วนี้เอง ฉากไหนมี Mustang คันนี้โผล่มานี่แทบจะกด Pause ดู แถมไปสืบมาว่ารุ่นนี้ถือว่าหายากมากๆเพราะทำออกมาน้อย มิน่าล่ะแกถึงรักหวงเหลือเกิน
1967 Shelby GT500 “Super Snake” รุ่นพิเศษที่ Shelby ทำขึ้นเพียงคันเดียว มีการซื้อขายกันเป็นสถิติอยู่ที่ $1.3 M
Mustang ที่มีการประมูลซื้อขายแพงที่สุดในโลกคือรุ่น 1967 Shelby GT500 “Super Snake”
ความยอดฮิตแบบคูณสองของทั้ง Ford Mustang รุ่นปกติและ Ford Mustang Shelby GT ในยุค 60’s 70’s ได้กลายเป็นกระแสที่ทำให้ทุกแบรนด์หนาวไปตามๆกัน และในสนามแข่งรถไลน์ Shelby GT ก็ครองตำแหน่งต้นๆตั้งแต่จาก Shelby GT350 มาจนถึงมี GT500 ที่เป็นรุ่นหลังขึ้นมาอีก ซึ่งสำหรับคันที่เรากำลังพูดถึงมีชื่อว่า 1967 Shelby GT500 “Super Snake” ทำไมต้อง Super Snake? ก็เพราะว่ามัน ไวเป็นปรอทเหมือนโคตรงูเลยจริงๆ มันเป็นโปรเจคต์พิเศษที่ทาง Shelby สร้างขึ้นคันเดียว เพื่อใช้ทดสอบยาง Thunderbolt ของ Goodyear จุดต่างที่สำคัญระหว่าง Super Snake กับ GT500 ทั่วไปก็คือ เครื่องยนต์อภิมหาแรง สุดยอดเครื่องยนต์ที่เอาตามหลักความจริงแล้วใส่กับรถ Muscle Car แบบนี้มันแทบจะเต็มขีดจำกัดเผลอๆเกินเลยด้วยซ้ำ กับเครื่อง 427 FE GT 40 เครื่องยนต์รถแข่ง สามารถทำแรงม้าได้สูง 650 เมื่อมาอยู่ใน Shelby มันสามารถทำความเร็วได้เกินกว่า 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (ผลการทดสอบที่ Carroll Shelby ลงมือขับด้วยตัวเองยังไปได้สูงถึง 170 ไมล์ต่อชั่วโมง) นึกสภาพว่า Ford Mustang เป็นรถขนาดไม่ใหญ่มาก แต่วิ่งได้แบบนี้ มันเร็วมากจริงๆ ทำออกมาคันเดียว และเมื่อปี 2013 ก็เพิ่งมีการประมูลกันที่ Mecum’s 2013 Indianapolis จบลงที่ราคา 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครับ สะ สะ สี่สิบสองล้านกว่าบาท!
*เกร็ดน่ารู้ รถคันเดียวที่ Jim Morrison เคยซื้อขับและเป็นเจ้าของก็คือ 1967 Ford Mustang Shelby GT500 (ใครที่เคยดูสารคดีคงเคยเห็นฟุตเทจที่ Morrison ขับอยู่) ทั้งแรงทั้งเท่ ขนาดระดับนักร้องนำวง The Door ยังไว้ใจ Rider on the Storm กันเลยทีเดียว
2015 Ford Mustang รุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการรถขณะนี้
จวบจนปัจจุบัน Mustang ยังคงเป็นรถที่ใครก็อยากได้ครอบครองทุกยุคทุกสมัย
จนถึงวันนี้ตั้งแต่วันที่เริ่มผลิตคันแรก Mustang จัดเป็นไลน์การผลิตรถยนต์ที่ยังไม่เคยมีการหยุดผลิตเลยสักปี นั่นแปลว่าความนิยมของ Mustang ได้ก้าวข้ามไปอยู่เหนือทุกกาลเวลา ทั้งดีไซน์ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ยังดูคลาสสิค สวยงาม เครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม หากดูแลดีๆ ทุกวันนี้ตัวรุ่นปี 1964 ก็ยังมีคนนำมาขายมือสองกัน วิ่งได้เครื่องเดิมๆอยู่เลย ตลอดเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่ Mustang เกิดขึ้น มันได้กลายเป็นอีกหนึ่งไอคอนของยานยนต์ที่ใครก็ปรารถนาอยากได้มาครอบครอง และในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2000 ขึ้นมา Ford Mustang ก็ยังมีรุ่นใหม่อัพเดตออกมาให้แฟนๆเห็นกันเรื่อยๆไม่ซ้ำหน้า เป็นดีไซน์ที่ร่วมสมัยแตกต่างกันไป และในปีครบรอบ 50 ขวบปี 2015 นี้ Mustang ก็มีตัวใหม่ล่าสุดคือ 2015 Ford Mustang ปล่อยภาพมาให้แฟนๆเห็นและอยากได้กันเรียบร้อยแล้วด้วย หวังว่าคอลัมน์นี้จะทำให้ตำนานของ Ford Mustang ดูมีมิติที่เห็นภาพชัดมากขึ้นครับ
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์