หนุ่มๆคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหาร หรือบาร์ที่มีบรรยากาศไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน สำหรับพาสาวคนพิเศษไปออกเดท เพื่อไปเปลี่ยนบรรยากาศและสร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน แต่ยังนึกไม่ออกว่าควรพาเธอไปที่ไหนดี ขอบอกว่า Dude, today’s your lucky day เพราะเราได้รวบรวมร้านอาหาร และบาร์ในกรุงเทพฯที่มีทั้งบรรยากาศและการตกแต่งสุดยูนีคให้คุณได้เลือกถึง 5 ร้าน 5 สไตล์ด้วยกัน ซึ่งไม่แน่เผลอๆร้านอาหารเหล่านี้อาจเป็นร้านโปรดของคุณอยู่แล้วก็ได้ ไปดูกันซิว่าจะมีร้านอะไรติดอยู่ในลิสต์ของเราบ้าง
Lady Brett Tavern
“Lady Brett” คืออีกหนึ่งร้านที่เกิดจากฝีมือของทีม Rocket Coffeebar ที่เนรมิตตึกแถวในซอยสาทร 12 ให้กลายเป็นร้านอาหารสุดฮิปได้ถึง 3 ร้าน 3 สไตล์ อย่าง Rocket Coffeebar สาขาแรก คาเฟ่เก๋ๆสไตล์สแกนดิเนเวียนที่เน้นเสิร์ฟ all day breakfast เป็นหลัก U.N.C.L.E ค็อกเทลบาร์สุดหรูที่ตั้งอยู่ชั้นบนของอาคาร และ “Lady Brett Tavern” ร้านอาหารน้องใหม่สุดในเครือแห่งนี้ ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศย้อนยุคของ New York Tavern จากยุคสวิง 1920s กับการตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม เก้าอี้หนัง บาร์ขนาดใหญ่ยาวตรงด้านหน้า และแสงไฟสลัวๆที่หรี่ลง โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และ cozy อบอุ่นนิดๆ พร้อมสำหรับการเอ็นจอยมื้อค่ำที่กำลังมาถึง ส่วนในเรื่องของเครื่องดื่มและเมนูอาหารของที่นี่ ต้องบอกว่าโดดเด่นด้วยเมนูค็อกเทลฝีมือของ Phillip Stefanescu บาร์เทนเดอร์ที่ส่งตรงมาจากสตอกโฮล์ม มาช่วยครีเอทเมนูเครื่องดื่มใหม่ๆที่ไม่ซ้ำใคร ส่วนเมนูอาหารก็จะออกแนวแบบแมนๆ เน้นไปที่เมนูแบบ steakhouse BBQ ไม่ว่าจะเป็น ขาหมูที่ย่างกับเตาจอสเปอร์กรอบนอกนุ่มใน เนื้อโทมาฮ็อค เนื้อกระต่ายย่าง และขาปูอลาสก้าครึ่งกิโลโปะเนยไข่หอยเม่นที่นำไปย่างในเตา ซึ่งโดยรวมแล้วเมนูอาหารของที่นี่จะเน้นรสชาติที่เรียบง่าย ไม่หวือหวามากนัก แต่ทานแล้วรู้สึกเต็มอิ่มกำลังพอดี เหมาะสำหรับพาสาวคนพิเศษของคุณมานั่งทานอาหารแบบรีแลกซ์ๆเป็นส่วนตัว ยิ่งถ้าสาวของคุณเป็นคนชอบดื่มค็อกเทลอยู่แล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะพาเธอมาร้านนี้ เพราะเธอจะต้องติดใจกับค็อกเทลหลากเมนูของที่นี่แน่ๆ รับรองว่าเธอจะต้องเอ่ยปากชมคุณ ว่าคุณนี่ช่างรู้ใจเธอจริงๆ
ตั้งอยู่ที่: 149 ซอยสาทร 12 สีลม บางรัก บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เปิดบริการวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 17:00 น. – 24:00 น.
Eat Me
มาถึงร้านที่สองใกล้ๆกับร้าน Lady Brett ขับรถไปไม่ถึง 5 นาทีดีก็ถึง กับ “Eat Me” ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัยที่ตั้งอยู่ในพิพัฒน์ซอย 2 จากซอยคอนแวนต์ ย่านสีลม ร้านนี้ถือเป็นร้านอาหารชื่อดังระดับนานาชาติแห่งหนึ่งของเมืองไทย การันตีคุณภาพความอร่อยของอาหาร และบรรยากาศร้านอันยอดเยี่ยมด้วยการครองอันดับที่ 25 บนลิสต์ “Asia’s Top 50 Best Restaurants 2015” สำหรับเมนูอาหารของร้านนี้ จะมีการเปลี่ยนเมนูทุกๆ 3 เดือน เป็นสไตล์ออกเมดิเตอร์เรเนียน ฟิวชั่น ฝีมือการทำอาหารโดยเชฟนิวยอร์กเกอร์ Tim Butler ซึ่งเมนูแนะนำที่ทุกคนห้ามพลาดสำหรับตอนนี้เลยก็คือหอยเชลล์ตัวยักษ์ส่งตรงจาก Alaska อย่าง Pan-Seared Alaskan Sea Scallops W/ Roasted Corn + Lardo หรือถ้าหนุ่มๆคนไหนที่ชื่นชอบทานอะไรที่เป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมาหน่อย ก็ต้องอย่าลืมลองทานเนื้อแกะที่ส่งตรงมาจากออสเตรเลีย Australian Salt Bush Lamb Rack W/ Roasted Sunchokes, Chevre + Hazelnuts ร้านนี้ถือว่าเหมาะทั้งสำหรับมานั่งทานกับกลุ่มเพื่อน และคนรักในวันพิเศษ ในบรรยากาศที่ทันสมัยผสมกลิ่นอายความเป็น Art Gallery ได้อย่างลงตัว แต่ถ้าใครที่มาที่นี่แล้วแค่ต้องการมานั่งดื่ม ไม่ได้มาเน้นกิน ก็สามารถนั่งจิบค็อกเทลเย็นๆได้ที่บาร์ชั้นล่าง ไม่ว่าจะเป็น Old Fashioned Champaigne, White Sangria, Tequila Mockingbird และแก้วอื่นๆอีกมากมายให้คุณเลือกสั่งได้ตามใจชอบ
ตั้งอยู่ที่: ซอยพิพัฒน์ 2 ถนนคอนแวนต์ สีลม บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เปิดบริการวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 15:00 น. – 01:00 น.
Opposite Mess Hall
มาที่ย่านทองหล่อกันบ้าง กับร้าน “Opposite Mess Hall” ร้านอาหารเล็กๆ แต่รสชาติไม่เล็กตาม หากมาครั้งแรกอาจจะเกิดอาการงงหาร้านไม่เจอ เพราะร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึกแถวตรงข้ามกับ WTF Bar & Gallery เข้ามาในร้านปุ๊ป คุณจะสัมผัสได้ทันทีว่าร้านนี้ตกแต่งได้โคตรฮิปจริงๆ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์หรือพร็อพส์อะไรเยอะแยะมากมาย มีเพียงโต๊ะไม้ไม่กี่โต๊ะ กับบาร์ยาวที่อยู่ติดกับครัวแบบเปิด open-kitchen สามารถมองเห็นเชฟ Jess Barnes และลูกทีมกำลังง่วนทำอาหารกันอย่างขมักเขม้น แต่บรรยากาศกลับรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ มีความเป็นเอกลักษณ์ที่เท่เฉพาะตัว อย่างกับหลุดเข้าไปในบาร์ในย่านบรูคลิน นิวยอร์ก ส่วนในเรื่องของอาหาร ใครที่เคยถูกใจกับเมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจนอย่างร้าน Quince ที่เชฟ Jess Barnes เคยประจำอยู่ มาที่นี่ก็คงจะชื่นชอบไม่แพ้กัน ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารที่เป็นแบบ Nose to Tail Eating เหมือนเดิม คือกินกันทุกส่วนตั้งแต่เนื้อ หนัง กระดูก ยันเครื่องใน มีความเป็นโมเดิร์นฟิวชั่น ที่ผสมผสานระหว่างอาหารยุโรปและเอเชียนได้อย่างลงตัว ถึงแม้จะมีอาหารไม่กี่อย่าง แต่ก็มีการเปลี่ยนเมนูตามฤดูกาล และขอบอกว่าแต่ละจานนั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยเลย ที่อยากแนะนำคือ Steamed Chinese bun หรือหมั่นโถวที่สามารถเลือกใส้ได้ทั้ง pork belly, soybean curd และ buttermilk chicken ส่วนพวกเครื่องดื่มก็มีให้สั่งทั้งเบียร์ ไวน์ และค็อกเทล โดยรวมแล้วร้านนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจของคนคอดื่มทั้งหลายมากกว่าที่จะมาเน้นทานอาหารแบบจริงๆจังๆ เพราะฉะนั้นร้านนี้จึงเหมาะที่จะเป็น stop แรกของคุณและคนพิเศษ ให้มานั่งดื่มพร้อมสั่งอาหารทานแกล้มไปด้วยแบบเพลินๆยามเย็น ก่อนที่จะไปจัดหนักกันต่อที่อื่นตอนดึก
ตั้งอยู่ที่: 29 ซอยสุขุมวิท 51 วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 18:30 น. – 24:00 น.
*ร้านนี้กำลังจะปิดตัวลงในเดือนกันยายน โดยเชฟ Jess Barnes จะทำการเปิดร้านใหม่ในชื่อ “Daisy Matthews” ที่สาทร ซอย 12 ในเดือนตุลาคม เพราะฉะนั้นรู้อย่างนี้แล้วยังไม่สายที่แฟนๆร้าน OMH จะยังคงมาอุดหนุนอาหารสุดอร่อยของที่นี่กัน!
Maggie Choo’s
คราวนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากร้านอาหารสไตล์ฝรั่ง มานั่งผ่อนคลาย สบายอารมณ์ ฟังเพลงแจ๊ส ในบรรยากาศย้อนยุคแบบเซี่ยงไฮ้กันบ้าง ที่ “Maggie Choo’s” บาร์ย่านสีลมสุดฮิปที่อยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom เมื่อคุณเปิดประตูไม้บานใหญ่ ก้าวเข้ามาที่บาร์แห่งนี้ คุณก็จะพบกับโซนแรกกับโซนร้านอาหาร ที่มีการตกแต่งอันสวยงาม เก๋ไก๋ เหมือนย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ที่ดูแล้วลึกลับ แต่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ไม้โบราณ รูปภาพบนผนัง กรงนก และร่มกระดาษจีนที่ตกแต่งอยู่บนเพดานอย่างสวยงาม ซึ่งไอเดียการตกแต่งร้านอันยอดเยี่ยมนี้ ต้องขอปรบมือให้กับดีไซเนอร์ Ashley Sutton ที่เคยฝากผลงานมาแล้วมากมาย อาทิ Iron Fairies, Cloud’s, Fat Gut’z และ Mr. Jone’s Orphanage ส่วนโซนบาร์ด้านใน ก็จะเป็นอีกบรรยากาศโดยสิ้นเชิง กับการตกแต่งด้วยผนังอิฐโดยรอบ ตรงกลางเป็นบาร์ที่ทำเหมือนเคาน์เตอร์แคชเชียร์คาสิโน รายล้อมไปด้วยโซนที่นั่งโซฟาหนังสำหรับนั่งเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก นอกจากนี้ทุกคืนยังมีดนตรีสดมาเล่น พร้อมนางโชว์สาวสวยมากมายที่จะทยอยออกมาให้ยลโฉมกันบนชิงช้า บอกเลยว่ามาที่นี่แล้วคุณจะรูสึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในเบอร์เลสก์บาร์สมัยก่อน หากสาวคนพิเศษของคุณเป็นคนชอบนั่งร้านบรรยากาศแปลกๆไม่เหมือนใคร หรือเป็นคนชอบฟังดนตรีสดเป็นประจำ ก็อย่าลืมพาเธอมาที่นี่สักวันล่ะ แล้วเธอจะปลื้มในตัวคุณเพิ่มขึ้นไปอีกไม่มากก็น้อย เชื่อเรา
ตั้งอยู่ที่: ชั้นใต้ดินโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom, 320 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เปิดบริการวันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา: 19:30 น. – 02:00 น.
วันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา: 19:30 น. – 03:00 น.
วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 19:30 น. – 02:00 น.
The Speakeasy
สุดท้าย กับ rooftop bar นามว่า “The Speakeasy” ที่ตั้งอยู่บนชั้น 24 และ 25 ของโรงแรม Muse Hotel Bangkok กับบรรยากาศบาร์เท่ๆที่จะพาคุณย้อนกลับไปในยุคแจ๊สของ ปี 1920s ให้ความรู้สึกอบอุ่น ขรึมหน่อยๆด้วยผนังและเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ร่วมด้วยกลิ่นอายของความเป็น Art Deco นิดๆ อีกทั้งยังมีโซนบริการสำหรับหนุ่มคนไหนที่ชื่นชอบการสูบซิการ์ ให้ได้เลือกสูบหลายรสหลายกลิ่น ส่วนใครที่อยากดื่มด่ำกับวิวของกรุงเทพยามค่ำคืนแบบ 180 องศา จากระเบียงชั้น 24 ที่นี่ก็ให้บรรยากาศที่โรแมนติกอยู่ไม่น้อยเลย หรือจะไปสัมผัสกับลานสนามหญ้าบนดาดฟ้าชั้น 25 ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมทรงโดม มีบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของตึกระฟ้าระยิบระยับมากมายก็ได้อีกเหมือนกัน ถือว่าเหมาะมากสำหรับการพาสาวคนพิเศษมาดินเนอร์สองต่อสอง โรแมนติกอย่าบอกใคร!
ตั้งอยู่ที่: ชั้น 24 และ 25 โรงแรม Muse Hotel Bangkok หลังสวน กรุงเทพมหานคร 10330
เปิดบริการวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 18:00 น. – 01:00 น.
Writer: Thip S. Selley
Image by: The Speakeasy, Maggie Choo’s, Opposite Mess Hall, Eat Me
RECOMMENDED CONTENT
วงคู่หู “Whal & Dolph” (วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ) ประกอบด้วย “ปอ - กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ” และ “น้ำวน - วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) กลับมาปล่อยเพลงใหม่อีกครั้งในรอบ 5 เดือน