มาอีกแล้ว กับอีกหนึ่งร้านน้องใหม่ในซอยอารีย์ แหล่งชุมนุมของร้านอาหารฮิปๆและคาเฟ่สไตล์เก๋ของกรุงเทพ ซึ่งคราวนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศดีที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน กับ “Hanazen” (ฮานาเซ็น) ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ izakaya ที่เน้นขายทั้งอาหารและเหล้า ให้ลูกค้าได้มานั่งทานอาหาร และดริ๊งค์ผ่อนคลายหลังเลิกงาน
ถึงแม้จะเป็นร้านเหล้า izakaya แบบญี่ปุ่น แต่หน้าตาและตัวตึกของร้านนี้ มองผ่านๆนึกว่าเป็นคาเฟ่ฮิบสเตอร์เปิดใหม่ทั่วๆไป เพราะลักษณะของร้านภายนอกเป็นเหมือนตึกอพาร์ทเม้นท์/บ้านส่วนตัวสีขาว คลีนๆ ดูเรียบง่าย ไม่มีภาพของร้านเหล้าญี่ปุ่นห้อยโคมแดงหน้าร้านที่พวกเราคุ้นเคยแม้แต่น้อย มีแต่ป้ายชื่อร้าน และป้ายเมนูอาหารที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ที่บ่งบอกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นว่านี่คือร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Hanazen
พอเข้ามาภายในร้าน เราก็ถูกต้อนรับด้วยบรรยากาศเย็นๆสบายๆ และเสียงเพลงดนตรีป๊อป อาร์แอนด์บีญี่ปุ่น การตกแต่งภายในของร้านนี้จะออกแนวอินดัสเตรียล วินเทจ กึ่งๆลอฟท์ ผนังสีขาวสะอาดตา ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ดูเรียบคลาสสิค มีกระถางต้นไม้ประดับที่วางตรงมุมโน้น มุมนี้ได้อย่างน่ารัก ให้ความรู้สึกที่เฟรนด์ลี่ เป็นกันเอง เมื่อเดินเข้ามาบริเวณด้านหน้าร้าน ก็จะมีโต๊ะไม้ยาวสำหรับนั่งทานอาหารได้ประมาณ 6 คนอยู่ 1 โต๊ะ ใกล้ๆกันก็จะมีส่วนที่นั่งแบบเป็นเคาน์เตอร์ติดผนังกระจกใส ให้ลูกค้าได้นั่งดื่มชิลล์ๆหันหน้าออกจากร้าน มองเห็นบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มตา หรือถ้าใครอยากมาดื่มสังสรรค์กับแก๊งเพื่อนๆ ถัดเข้ามาภายในร้านนิดหนึ่งก็จะเป็นส่วนของโต๊ะไม้ คล้ายๆบาร์ มีม้านั่งทรงสูงให้นั่งหันหน้าเข้าหาอีกส่วนด้านในของร้าน ที่เดินเข้าไปจะมีโต๊ะไม้อยู่ประมาณเกือบๆสิบโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย ตรงโซนด้านในนี้ตัวเพดานเป็นแบบปูนเปลือย ตกแต่งด้วยโคมไฟ ที่พอตกเย็นจะหรี่ไฟค่อนข้างมืด ทำให้ร้านดูทึบๆนิดหน่อย แต่ก็สร้างบรรยากาศของการเป็นร้านกลางคืนได้เป็นอย่างดี ซึ่งบรรยากาศแบบนี้แหละ ยิ่งทำให้คอดริ๊งค์ทั้งหลายนั่งดื่มเพลินจนติดลม
“ซาชิมิแซลมอนรวม 5 ชนิด” (390 บาท) แซลมอลซาซิมิที่เสิร์ฟออกมา 5 รสชาติที่แตกต่าง
สำหรับเมนูอาหารของร้านนี้ เชฟ Kyoji Nozaki ที่เป็นเจ้าของร้านได้อธิบายให้ฟังว่าเมนูอาหารของที่นี่อาจจะมีแปลกๆบ้างนิดหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นในทุกๆจาน เขาก็ยังรักษาขั้นตอนและวิธีทำอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยเน้นขายลูกค้าที่เป็นคนไทย ให้พวกเราได้ดื่มด่ำ สัมผัสรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบของแท้จริงๆ โดยที่ไม่ต้องเข้าเมืองไปไกลถึงย่านสุขุมวิท ว่าแล้วเชฟ Kyoji ก็ได้แนะนำสามเมนูจานเด็ดของทางร้านให้เราได้ชิม เริ่มกันที่จานแรก “ซาชิมิแซลมอนรวม 5 ชนิด” (390 บาท) เป็นแซลมอลซาซิมิที่เสิร์ฟออกมา 5 รสชาติที่แตกต่าง ทั้งหมดใช้แซลมอนส่วนท้องติดมัน มีทั้งซาซิมิปลาแซลมอนโรยสาหร่ายคอมบุ ซาซิมิปลาแซลมอนหน้าหอยเม่น ซาซิมิปลาแซลมอนหน้าไข่ปลาแซลมอน ซาซิมิปลาแซลมอนกับชีส กินกับมะกอกดำ โรยหน้าด้วยผักดองนิดหน่อย ราดด้วยน้ำมันมะกอก และสุดท้ายกับซาซิมิปลาแซลมอนลนไฟนิดหน่อย ใส่มาในถ้วยพร้อมกับน้ำซอสพอนซึ ข้างในปลาแซลมอนจานนี้จะเป็นแบบ rare ไม่สุกด้านใน ในขณะที่ด้านนอกสุกเรียบร้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมนูนี้ถึงเป็นเมนูขายดีของร้าน แซลมอนซาชิมิทั้ง 5 รสชาตินั้นอร่อยสุดๆไปเลย ตัวแซลมอนสดมาก เนื้อแน่น เคี้ยวแล้วหนึบหนับ เพลินในปาก ตัวซอสก็รสชาติจัดดี ออกเปรี้ยวนิดๆ เป็นจานที่ทานแล้วรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก เหมาะแก่การทานแกล้มกับสาเก หรือจะกับเบียร์เย็นๆสักแก้วก็ยังได้
“ปีกไก่ไส้เกี๊ยวซ่า” (80 บาท)
ต่อกันที่ “ปีกไก่ไส้เกี๊ยวซ่า” หรือ Tebasaki Gyoza (80 บาท) เมนูนี้มาแปลกหน่อยก็ตรงที่เป็นการรวมร่างของปีกไก่ย่าง และเกี๊ยวซ่า โดยเลาะกระดูกด้านในออกจนหมด และยัดไส้เกี๊ยวซ่าเข้าไปแทน เป็นจานที่ทานได้เรื่อยๆสนุกดีในความรู้สึกเรา รสชาติทุกอย่างถือว่าอร่อยเข้ากันได้ดี คงรสชาติของไก่ย่างและเกี๊ยวซ่าได้อย่างลงตัว ถูกปาก จะทานเป็นของทานเล่น หรือจะเป็นจานหนักเลยก็ได้ แต่ถ้าจะให้ทานอร่อย แนะนำว่าทานด้วยมือไปเลย ตอนแรกลองคีบๆด้วยตะเกียบแบบสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว แต่แหม่…มันได้อรรถรสไม่เท่ากับการหยิบมาแทะด้วยมือจริงๆ
“Salt Grilled Yellow Tail topped with Chopped Pickled Vegetable ‘Shibazuke’” (310 บาท)
สาเกเซ็ท B ที่มาพร้อมกับสาเก Houraisen สาเก Daishichi และสาเก Umakara Mansaku (255 บาท)
ส่วนจานสุดท้าย เป็นเมนูใหม่แนะนำ ที่มีชื่อว่า “Salt Grilled Yellow Tail topped with Chopped Pickled Vegetable ‘Shibazuke’” (310 บาท) จานนี้ใช้ปลาบุริสดๆติดมันนิดหน่อย ย่างด้วยเกลือ พอสุกแล้วก็นำผักดองที่สับแล้วมาวางด้านบน แล้วก็นำปลาไปย่างอีกที ตอนกินก็บีบมะนาว กินคู่กับหัวไชเท้า ถ้าชอบรสชาติที่เข้มข้นหน่อยก็กินกับซีอิ๊วได้ เชฟ Kyoji บอกว่าจานนี้จะกินกับข้าวก็ได้ หรือจะกินเปล่าๆแกล้มสาเกก็ได้แล้วแต่ความชอบ จานนี้สำหรับเราเป็นจานที่กินแล้วรู้สึกอิ่มกำลังพอดี เนื้อปลาก็แน่นมากๆ จิ้มกับซีอิ๊วแล้วรสชาติถูกปากดีแท้ ถูกใจคนชอบกินรสเค็มๆแบบเรา
นอกจากนี้พวกเมนูเครื่องดื่ม ที่ร้าน Hanazen ก็มีให้คุณเลือกสั่งอย่างหลากหลาย ทั้งเบียร์สดจากญี่ปุ่นและสาเกหลากหลายชนิด เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เราเลือกสั่งสาเกเซ็ท B แต่ละเซ็ทจะมีให้ดื่มสามแก้ว ของเรามีสาเก Houraisen สาเก Daishichi และสาเก Umakara Mansaku แต่ละแก้วทางร้านจะรินมาให้ประมาณ 30 มล. เชฟ Kyoji บอกว่าสาเกเซ็ทนี้เหมาะสำหรับหนุ่มๆที่ต้องการมาดื่มผ่อนคลายหลังเลิกงาน ไม่น่า สาเกแต่ละแก้ว ดื่มเข้าไปแล้วแรงไม่ใช่เล่นเลย
สำหรับใครที่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ หาร้านใหม่ๆนั่งดื่มชิลล์ๆหลังทำงานเหนื่อยๆมาทั้งวัน หรือชื่นชอบร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์กึ่งๆ izakaya และ dining ร้าน Hanazen แห่งนี้ถือว่าเหมาะมาก เพราะนอกจากจะมีเครื่องดื่มให้คุณสั่งได้แบบไม่อั้นแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารหลากหลายเมนูให้คุณเลือก ทั้งเมนูของทานเล่นกินแกล้มกับสาเก และเมนูจานหลัก วันนี้ถ้าใครยังไม่มีแผนไปไหนก็ลองชวนผองเพื่อนไป หรือถ้าใครอยากไปดื่มคลายเครียดคนเดียว ก็ลองแวะมาที่นี่กันได้ กับ “Hanazen” ร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยอารีย์ ที่เราคาดว่าอีกไม่นานจะต้องมาแรงแน่ๆ
ตั้งอยู่ที่: 42 ซอย อารีย์ 5
เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 17:30 น. – 23:30 น.
Tel: 02 619 7044, 086 368 5319
Facebook: https://www.facebook.com/hanazenbangkok/
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Kongkarn Sujirasinghakul
RECOMMENDED CONTENT
สมการรอคอยจริง ๆ สำหรับเพลงใหม่ล่าสุด “สอนใคร” (Teach) จากอีพีอัลบั้ม “Arakgochina” (อาราโกชิน่า) ของศิลปินหนุ่มหล่อมาดเซอร์ “เป้ อารักษ์” หรือ “เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่ก่อนหน้านี้ปล่อยเพลงสร้างเซอร์ไพร์สแฟนเพลงมาแล้ว 2 เพลง