“ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป…”
โอย เหตุการณ์แอบรักเพื่อนตัวเองนี่เชื่อว่าต้องเคยเจอมากับตัวเองแล้วแทบทุกคน มันช่างเป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก รู้สึกอึดอัด คับข้องใจ ซึ่งในหลายๆครั้งเราก็ไม่รู้ว่าควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี สำหรับใครที่หลุดพ้นมาจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ คุณคงนั่งถามตัวเองแทบทุกวันเลยใช่ไหมว่า ฉันควรจะทำยังไงดี เพื่อจะออกจาก “friendzone” ที่น่าอึดอัดนี้ไปได้? การที่คนสองคนจะพูดคุยกันถูกคอ ไปไหนมาไหนด้วยกันได้อย่างสบายใจ ย่อมต้องมีความรู้สึกดีๆต่อกันเป็นขั้นพื้นฐาน ซึ่งไอ้ “ความรู้สึกดีๆ” ที่ว่านี้แหละ หลายครั้งมักเปลี่ยนแปลงไป จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากจะเปลี่ยนสถานะจากคำว่า “เพื่อน” ให้กลายเป็น “แฟน” แต่นั่นแหละคือปัญหา จะต้องทำยังไงล่ะทีนี้? ถ้าตัดสินใจบอกออกไปตรงๆ ก็มีสิทธิต้องแลกกับการสูญเสียเพื่อนคนนั้นไป แต่ถ้าโชคดี เธอแอบมีใจให้เราอยู่เหมือนกัน คุณก็อาจจะได้เธอคนนั้นมาเป็นแฟนได้อย่างที่ใจต้องการ แหม่ เรื่องความรัก ความรู้สึก นี่มันยุ่งยาก น่าปวดหัวเสียจริง สำหรับหนุ่มๆคนไหนที่กำลังมองหาตัวช่วยเรื่องนี้พอดี เพื่อให้ความต้องการของคุณเป็นผลสำเร็จ วันนี้เรามี 6 ทิปส์ดีๆที่อาจจะช่วยเปลี่ยนคุณจากสถานะ “เพื่อน” ให้เป็น “แฟน” ของเธอคนนั้นได้สำเร็จมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า
1. ชวนเธอไปเดท…อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เข้าใจนะว่า คุณอาจจะกลัวการถูก “ปฏิเสธ” แต่ถ้าคุณไม่ make a move หรือทำอะไรเสียที คุณก็อาจจะต้องมานั่งนึกเสียดายทีหลัง ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยตอนที่คุณยังมีโอกาส เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะลองเสี่ยงขอเธอออกเดท แต่คุณก็ต้องมีวิธีการขอเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยเหมือนกัน “เราไปลองร้านกาแฟร้านนี้กันดีป่ะ?” ไม่ใช่การขอใครสักคนไปออกเดท คำชวนแบบนั้นเพื่อนที่ไหนก็ชวนกันได้ คำชวนของคุณควรฟังมีความหมาย และสื่อให้รู้ว่านี่คือคำถามที่สำคัญนะ ไม่ได้ถามแบบเล่นๆ คุณอาจจะลองถามดูว่า “เธออยากไปทานอาหารเย็นด้วยกันวันศุกร์หน้าไหม? เรารู้จักร้านเจ๋งๆอยู่ร้านนึง ที่อยากจะชวนเธอไปทานด้วยกัน” ทำไมคำชวนนี้ถึงเวิร์ค? หนึ่ง เว้นแต่ว่าเป็นการประชุมเรื่องงาน ปกติคนที่เพิ่งรู้จักกัน หรือเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา เขาจะไม่ชวนไปดินเนอร์คืนวันศุกร์กันหรอก สอง คุณแสดงให้เธอเห็นว่าคุณผ่านการไตร่ตรองมาแล้วระดับนึง ถึงสถานที่ที่อยากจะพาเธอไป และสาม คำถามนี้ฟังดูหนักแน่น ด้วยการบอกให้เธอรู้ถึงวันที่จะไปจริงๆ ไม่ได้ชวนแบบลอยๆ ทางที่ดีที่สุดคือถามคำถามที่จะทำให้ง่ายต่อการ say yes จากฝ่ายผู้หญิง
2. ชวนเธอไปดริ้งค์ ไม่ใช่แค่ชวนไปดื่มกาแฟ
เวลาและสถานที่ของการไปเดทเป็นเรื่องสำคัญ คุณอาจคิดว่าการชวนไปดินเนอร์ดูเป็นการ commit มากเกินไป เลยอยากแค่ลองชวนเธอไปนั่งดื่มกาแฟชิลล์ๆกันก่อน แต่คุณก็ควรเลือกสถานที่ที่เหมาะกับความตั้งใจของคุณให้ชัดเจนไปเลย กาแฟในช่วงบ่ายวันอังคาร = เพื่อน / นัดประชุมเรื่องงาน ชวนไปดริ้งค์ในคืนวันศุกร์ = ออกเดท อย่าลืมว่าคุณอยากจะออกจากสถานะจากการเป็น “เพื่อนสนิท” สู่คน “พิเศษ” ของเธอ เพราะฉะนั้นการที่คุณพาเธอไปออกเดทที่ร้านอาหาร หรือบาร์อย่างดี นอกจากจะทำให้คุณดูเป็นผู้ใหญ่ และมีรสนิยมขึ้นมาอีกสเต็ป มันจะช่วยสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ระหว่างคุณสองคนได้ด้วย ไม่แน่มันอาจจะกลายเป็นคืนที่พิเศษมากๆสำหรับคุณทั้งคู่ก็ได้นะ
3. สร้างโมเมนต์สำหรับจูบแรก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
จริงๆมันก็ไม่ได้มี “กฎ” ตายตัวถึงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจูบแรก แต่คุณอาจจะต้องคอยสังเกตนิดนึงถึงเรื่องภาษากาย และสัญญาณที่พอจะบ่งบอกได้ว่า เธอก็ชอบคุณอยู่เหมือนกัน ถ้าคุณกับเธอได้ไปออกเดทถึง 2-3 ครั้ง อันนี้ก็พอจะเป็นสัญญาณบอกได้ว่าเธอก็แอบสนใจคุณอยู่ เพราะว่าเธอยังคงเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับคุณเรื่อยๆ (ถ้าผู้หญิงเขาไม่ชอบ เดทที่สองจะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ) ถ้าคุณกลัว หรือรู้สึกกดดันมากๆว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง หรือพูดตรงๆคือคุณกลัวทำโมเมนต์นี้พัง ก็ให้ลองทดสอบแบบซอฟต์ๆดูก่อน เช่นสัมผัสเธอเบาๆตรงแขน หรือตรงหลังของเธอ ถ้าทำแล้วเธอดูรู้สึกอึดอัด นั่นก็พอจะบอกคุณได้ล่ะว่ามันจะไม่จบสวยแน่ๆ ถ้าเกิดคุณจูบเธอ แต่ถ้าทำแล้วเธอมีการตอบสนองที่ดี จะรอช้าอยู่ทำไมล่ะคะ ลุยต่อเลยค่ะ แต่…ถ้าคุณกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบโน้มตัวเข้าไปจูบแล้ว แต่เธอดันหลบ แล้วคุณกลับไปจูบแก้มของเธอแทน ก็ให้เริ่มจากการหอมแก้ม หรือจูบเธอเบาๆบนริมฝีปากก่อนก็ได้
4. สบตาเธอทุกครั้งเวลาพูดคุย
ผลการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้พิสูจน์ว่า การสบตา และยิ้มไปพร้อมๆกันเวลาพูดคุย มีส่วนสำคัญมากๆในการเพิ่มความน่าดึงดูดของคนเราต่อฝ่ายตรงข้าม การสบตาสามารถนำไปสู่การสร้างความใกล้ชิด และการตื่นตัวทางร่างกาย นอกจากนี้การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อคุณต้องการที่จะสร้างสายสัมพันธ์กับใครสักคน คุณควรสบตากับคนๆนั้นอย่างน้อย 60-70 เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่นั่งพูดคุยกัน และนี่คือสัญญาณบางส่วน ที่พอจะบอกคุณได้ว่า สายตาของเธอกำลังบอกอะไรกับคุณอยู่:
- ถ้าเธอมองลงแล้วหันกลับมามองคุณภายใน 45 วินาที เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์คือเธอสนใจคุณอยู่ เพราะฉะนั้นคุณรุกหน้าต่อได้เลย
- ถ้าสายตาของเธอหันมองออกไปในแนวนอน แสดงว่าเธอยังไม่แน่ใจว่าเธอสนใจในตัวคุณจริงๆหรือเปล่า ถ้าเห็นแบบนี้ก็ส่งยิ้ม และลองสบตาเธออีกครั้งเพื่อดูว่าเธอจะตอบสนองต่อยังไง
- ถ้าเธอหลบตาคุณด้วยการมองไปทางด้านบน อันนี้ชัดเลยว่าเธอไม่สนใจ ไม่ต่างอะไรจากการกลอกตาใส่คุณนั่นแหละ
เอาเป็นว่าเวลาคุณไปเดทกับเธอ เวลานั่งพูดคุยกัน การที่คุณสบตาเธอเป็นสิ่งสำคัญมากๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะนั่งจ้องเธอเอาๆ จนดู creepy เป็นไอ้โรคจิตนะ แบบนั้นเธอก็รู้สึกอึดอัดแย่ ก็ให้มีมองไปทางอื่นบ้างแบบธรรมชาตินั่นแหละ แต่ตลอดการเดท ก็ควรแสดงให้เธอเห็นว่าเธอคือจุดสนใจของคุณจริงๆ สบตาเธอไป หัวเราะ และยิ้มกับเธอไปอย่างเป็นธรรมชาติคือวิธีที่ดีที่สุด
5. คำนึงถึง vibe หรือความรู้สึก ที่คุณอยาก (และไม่อยาก) ให้เธอสัมผัสได้
ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และสัญชาตญาณของตัวผู้หญิงเองด้วย เพราะพวกเธอก็สามารถสัมผัสได้เหมือนกันว่าผู้ชายที่เธอคุยๆอยู่ด้วยนี่จริงๆแล้วเขาสนใจเธอมากน้อยแค่ไหน ผู้ชายบางคนสามารถที่จะ flirt และแสดงความสนใจกับผู้หญิงได้อย่างธรรมชาติมากๆ พวก alpha male หรือผู้ชายที่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำสูง โดยทั่วไปมักจะเก่งในเรื่องนี้มากกว่าพวก beta male หรือพวกผู้ชายที่มีลักษณะเป็น “Mr. Nice Guy” มากกว่า ถ้าคุณรู้ตัวว่าอยู่ในกลุ่มหลัง ก็อย่าเพิ่งกลัวไป เพราะคุณสามารถเป็นผู้ชายนิสัยดี nice guy ได้ และจีบหญิงติดได้ในเวลาเดียวกัน อย่างแรกคือ คุณต้องมีความมั่นใจในตัวเองก่อน เพราะคุณไม่สามารถที่จะแสร้งความมั่นใจได้ และก็ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่จะมาช่วยคุณจริงๆได้ด้วย ของอย่างนี้มันต้องมาจากอินเนอร์ของคุณอย่างเดียว การที่คุณมีความเชื่อมั่นในตัวเอง นั่นก็หมายความว่าคุณรู้ถึงค่าของตัวคุณเอง แต่ถ้าหากคุณเป็นคน insecure ต้องได้รับความชื่นชอบ การยอมรับจากคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีค่า ผู้หญิงที่คุณไปเดทด้วยจะเซ้นส์ได้ทันที จงมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด การที่ผู้ชายมีความมั่นใจ และเป็นตัวของตัวเอง (ในทางที่ดีนะ) ในสายตาผู้หญิงถือว่าเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากๆเลยล่ะ
6. อย่ารีบร้อน หรือดูพยายามมากจนเกินไป
อันนี้ก็ต้องกลับไปที่เรื่องของความมั่นใจในตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่คุณมีความกล้าขอเธอออกเดท แต่ถ้าคุณดูมั่นอกมั่นใจในตัวเองจนเกินไป หรือดูพยาย๊าม พยายามมากจนเกินพอดี แทนที่คุณจะดูดีในสายตาเธอ คุณกลับอาจดูโอเว่อร์ และ desperate จนผู้หญิงเธอยี้คุณไปเลยได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทำทุกอย่างให้อยู่ในความเหมาะสมจะดีกว่า เผื่อใจสำหรับความไม่สมหวังไว้บ้าง การที่เธอไม่ไปเดทกับคุณตอนนี้ หรือบอกคุณว่าเราเป็นเพื่อนกันไปก่อนดีกว่า ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ชอบคุณแน่ๆเสมอไป ลึกๆแล้วเธอก็อาจจะชอบคุณอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เวลาตอนนี้ในชีวิตส่วนตัวของเธออาจจะยังไม่พอดีอะไรสักอย่างก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นอย่า take everything too personally ถ้าคุณพยายามแล้ว แต่มันไม่เวิร์คจริงๆ ก็ปล่อยมันไปก่อน อย่ารีบร้อน ถ้าเวลาตอนนี้ยังไม่ใช่ อีกหน่อยอาจจะใช่ก็ได้ หรือถ้ามันไม่เวิร์คกับเพื่อนคุณคนนี้จริงๆ เดี๋ยวอีกหน่อยคุณก็เจอคนที่ใช่เอง
Credit: Justmytype
RECOMMENDED CONTENT
แรงอย่างต่อเนื่องสำหรับศิลปินมากความสามารถ “Morvasu” หรือ “มอร์ - วสุลพ เกรียงประภากิจ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck หลังจากปล่อยเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง “Melbourne” ไปได้ไม่นานก็ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง