ในบรรยากาศความคึกคักของสีลม ย่านธุรกิจสมัยใหม่ใจกลางเมือง กับกลิ่นอายของชุมชนเมืองเก่าริมแม่น้ำอย่าง บางรัก แจ๊สบาร์หรูหราในมนต์ขลังของความโรแมนซ์อย่าง Maggie Choo’s ตั้งอยู่กึ่งกลางของที่นั่น ในความลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟินิกซ์ สีลม
เรื่องเล่าขานจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจีนเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของร้านนี้ เรื่องราวเริ่มในยุค ‘30 เมื่อ Maggie Choo สาวน้อยจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งของจีน ที่มีความฝันอยากจะมีคาบาเรต์บาร์เป็นของตัวเอง Maggie จึงเดินทางออกจากหมู่บ้านไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้เพื่อสานฝัน เธอได้เป็นหนึ่งในนักเต้นคาบาเรต์ที่มีชื่อเสียง แต่ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น Maggie จึงต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ เจ้าของแจ๊สบาร์ Maggie Choo’s ชาวออสเตรเลียนได้นำมาเป็น แรงบันดาลใจและผสานเรื่องต่อว่า Maggie ได้เดินทางมายังกรุงเทพฯ และเริ่มกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆข้างโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่ต่อมาเธอจะค้นพบว่าหลังกำแพงร้านก๋วยเตี๋ยวของเธอ ที่จริงแล้วมีธนาคารรกร้างเก่าแก่ของอังกฤษตั้งแต่ปี 1847 ซ่อนอยู่ Maggie จึงปรับปรุงให้กลายเป็นคาบาเรต์บาร์ตามที่เธอฝันไว้ และร้านนี้ก็คือ Maggie Choo’s ในปัจจุบัน นั่นเอง
ส่วนที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวของ Maggie Choo’s
มุมหนึ่งของร้านกับภาพวาดเรือสำเภาที่จินตนาการให้ เป็นเรือที่ Maggie Choo ใช้ลี้ภัยมายังเมืองไทย
การเดินเข้าร้าน Maggie Choo’s จึงเหมือนกับการเดินทางผ่านเรื่องราวและความฝันของสาวน้อยชาวจีนคนนี้ไปด้วย เริ่มจากเมื่อผ่านประตูร้านและลงบันไดไปยังชั้นใต้ดิน เราจะพบกับร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศเหมือนโรงเตี๊ยมโบราณของจีน ที่ประดับด้วยโต๊ะไม้เก่าแก่ ภาพถ่ายขุนนางจีน โคมไฟและร่มกระดาษวาดลวดลายอักษรจีนมงคล แต่เนื่องจากตอนนี้ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง ทำให้ในวันนั้นเราอดชิมอาหารจีนฝีมือ Maggie Choo’s ถ้าใครอยากลองก็ต้อง อดใจรออีกนิด เพราะโซนนี้จะพร้อมเปิดให้บริการอีกครั้งประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้
ถัดจากร้านก๋วยเตี๋ยวที่สะท้อนกลิ่นอายของโรงเตี๊ยมและชุมชนจีนโบราณได้อย่างอบอุ่นเป็นมิตร เมื่อเราก้าวข้ามประตูไม้อีกบานหนึ่งเข้าไป คราวนี้คุณจะได้เซอร์ไพรส์กับแจ๊สบาร์ที่ซ่อนอยู่ภายใน เพราะการตกแต่งที่เรียกได้ว่าอย่างละขั้วสไตล์จากโรงเตี๊ยมจีนโบราณสู่บาร์สไตล์อังกฤษที่ตกแต่งแบบศตวรรษที่ 19 ไม่ว่าจะกำแพงอิฐสีทึม โคมไฟลวดลายวิจิตรตา บาร์เครื่องดื่มกลางร้านที่กั้นด้วยลูกกรงหนา ประตูห้องไพรเวทที่ทำจากประตูเรือเก่าแก่ ภาพวาดและไฟสลัวที่สร้าง ความลึกลับ จนในที่สุดเราก็เริ่มรู้สึกว่า คงยากหน่อยล่ะถ้าจะหาสถานที่ที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังความโรแมนซ์จนน่าพาคนรักมาเดทได้มากกว่าที่ Maggie Choo’s แห่งนี้…
Nelson’s Touch Punch (310 บาท)
(ซ้าย) Cape Horn’s Remorse (290 บาท) และ(ขวา) Shanghai Fever (300 บาท)
นอกจากการตกแต่งของร้านที่โดดเด่นแล้ว เครื่องดื่มและดนตรีก็เป็นอีกสิ่งดึงดูดให้คนที่มา Maggie Choo’s ต้องตกหลุมรัก นอกจากตารางการแสดงที่จะมีแจ๊สเป็นหลักและทุกวันอาทิตย์จะมีโชว์คาบาเรต์เป็นประจำแล้ว โชว์ดนตรีอื่นๆ ในแต่ละเดือนนั้นจะไม่มีซ้ำกันเลย เพราะทางร้านต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแนวและวงดนตรีที่หลากหลายฝีมือ จึงไม่แปลกที่เมื่อเราได้ไปเยี่ยมแจ๊สบาร์แห่งนี้จะตรงกับการแสดงของวงชาวต่างชาติอย่าง Inna Sound Trio ที่มาในแนวดนตรีแบบ Electronic Afro Molam อ่านมาถึงตรงนี้อาจสงสัยว่าอิเล็คทรอนิค แอฟโฟร และหมอลำจะเข้ากันได้อย่างไร? ขอบอก เลยว่าการผสมผสานดนตรีนี้ทั้งสนุกและมันส์มาก ทั้งซาวน์กลองทอมที่ทำให้รู้สึกถึงหมอลำ ซาวน์กีตาร์และเบสที่ใส่ความ อิเล็คทรอนิกส์ลงไป ในค่ำคืนนั้น Maggie Choo’s จึงมีชีวิตชีวาด้วยเสียงดนตรีที่สนุกสนานและผู้คนในร้านที่คึกคักตามไปด้วย
มาถึงเครื่องดื่ม หลายๆบาร์เคยพบเห็นมักจะมีจุดเด่นที่เบียร์ไม่ก็ค็อกเทล แต่สำหรับที่นี่ แชมเปญคือตัวเอกของร้าน เพราะการเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ความยินดี และความดื่มด่ำในรักโรแมนติก Maggie Choo’s จึงมีแชมเปญยี่ห้อดัง คุณภาพระดับโลกให้เลือกดื่มได้ทุกวาระพิเศษ ทั้ง MOËT & CHANDON, Krug, Veuve Clicquot, Louis Roederer และ Dom Perignon
Lady Flora (290 บาท)
สำหรับคนรักค็อกเทล เราก็มีเมนูซิกเนเจอร์มาแนะนำ ถึงจะไม่ใช่ตัวเอกของร้านอย่างแชมเปญ แต่รสชาติและคุณภาพก็ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด Lady Flora (290 บาท) ค็อกเทลหน้าตาดีในดวงใจของสาวๆ เพราะรสชาติและกลิ่นหอม หวานจากลิ้นจี่ที่ปั่นกันเป็นลูกๆ ผสมกับว้อดก้า น้ำมะนาว และองุ่นพันธุ์ดี Sauvignon Blanc ตกแต่งด้วยสายไหมที่ถ้า อยากเพิ่มรสหวานก็นำลงไปผสมในค็อกเทลได้เลย อีกเมนูหนึ่ง Shanghai Fever (300 บาท) โดดเด่นด้วยรสนุ่มนวลของไซรัปมะพร้าวกับรสเปรี้ยวหวานของน้ำสับประรด มะนาว ทับทิม และเสริมด้วยเหล้าหวาน Grand Marnier จนรสร้อนแรง ถัดมาคือ Cape Horn’s Remorse (290 บาท) ที่มีส่วนผสมอย่างวิสกี้ Bourbon สับประรด แอปเปิ้ล และเพิ่มความเป็น เอเชียด้วยอบเชยที่ทางร้านแช่ลงค็อกเทลมาให้เลย ทำให้เวลาดื่มจะมีกลิ่นหอมและรสเฝื่อนของอบเชย ผสานเข้ากับรสหวานจากผลไม้เล็กๆ กระจายไปทั่วทั้งปาก และแก้วสุดท้าย Nelson’s Touch Punch (310 บาท) แก้วนี้ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ เพราะเด่นด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของบลูเบอรี่และเสาวรส ผสมเข้ากับไวน์แดง เหล้าหวาน Grand Marnier และยอดจินอย่าง Tanqueray อีกด้วย สำหรับสาวๆที่ไม่ถนัดดื่มนักก็สามารถบอกบาร์เทนเดอร์ให้เบามือลงได้ เพราะค็อกเทลที่นี่หลายๆตัวรสเข้มข้นไม่ธรรมดาเลยล่ะ
เราขอดันร้าน Maggie Choo’s ให้เข้าไปอยู่ในลิสต์การผ่อนคลายสุดสัปดาห์ของทุกคน เพราะนอกจากที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก มีสไตล์ร้านที่น่าสนใจและตื่นตา อีกทั้งความสนุกสนานดังจินตนาการของสาวน้อยชาวจีนแล้ว กลิ่นอายความโรแมนซ์แบบเอเชียโบราณและบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นมิตร ก็ช่างเหมาะกับการควงแขนคู่รักไปเพิ่มระดับความสัมพันธ์หลังเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ หรือจะพากลุ่มเพื่อนไปฉลองวาระพิเศษประจำสัปดาห์แบบ TGIF ก็น่าสนใจไม่น้อย เอาล่ะ ต้องหาโอกาสแวะไปสัมผัส Maggie Choo’s กันสักครั้งแล้ว!
ตั้งอยู่ที่: ชั้นใต้ดินโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟินิกซ์ สีลม
เลขที่ 320 ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เปิดบริการ: วันจันทร์-พฤหัสบดี, วันอาทิตย์ เวลา 20.00-02.00 น.
วันศุกร์-เสาร์ เวลา 20.00-03.00 น.
Tel: 02-635-6055
Facebook: www.facebook.com/maggiechoos
Writer: Saisuree Mesiri
Photographer: Saisuree Mesiri
RECOMMENDED CONTENT
ชุดชั้นใน Calvin Klein นั้นเปิดตัวซีซั่น Fall 2019 กับพรีเซ็นเตอร์ชุดใหม่ กับเหล่าศิลปินและนักกีฬาชั้นนำของโลก