ในหมู่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องฟอกอากาศอาจเป็นตัวเลือกท้ายๆในการจับจ่ายใช้สอย เพราะเรามักไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมีมันติดห้องไว้ แต่ในความเป็นจริงคือ เราสูดเอาฝุ่นมากมายเข้าไปในร่างกายทุกวัน ยิ่งในห้องนอนที่เป็นระบบปิด ฝุ่นก็จะยิ่งคลุ้งอยู่ในนั้นไม่ได้ระบายไปไหน เครื่องฟอกอากาศจึงทำหน้าที่เหมือนเป็นปอดสำรองของเรา กรองสิ่งสกปรกในอากาศออก เพื่อให้ปอดในร่างกายได้อยู่กับเราอย่างเต็มประสิทธิภาพไปนานๆ

วิธีเลือก เครื่องฟอกอากาศ สำหรับคนที่ซื้อครั้งแรก ข้อมูลตัวเครื่องที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้

1. Air Volume หรือ Air Flow คือค่าแรกที่ควรพิจารณายิ่งค่านี้สูงเท่าไหร่ ปริมาณอากาศที่ถูกกรองก็จะยิ่งเร็วขึ้นด้วย พูดง่ายๆว่า ถ้าแผ่นกรองมีคุณภาพเท่ากับ เครื่องที่มี Air Flow สูงกว่าจะฟอกและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้เร็วกว่านั่นเอง เวลาจะซื้อก็เทียบดูหลายๆรุ่น หากห้องใหญ่อยากให้ฟอกอากาศได้ไวๆให้พิจารณาค่านี้เป็นพิเศษ

2. ค่า Clean Air Delivery Rate หรือ CADR มันคือค่าที่บอกเราว่า เครื่องฟอกอากาศตัวนี้ ฟอกสิ่งสกปรกออกจากอากาศได้ปริมาณมากแค่ไหนในหนึ่งนาที โดยสิ่งสกปรกมาตรฐานที่วัดกันคือ ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง และเกสรดอกไม้ ค่านี้ยิ่งมากก็ยิ่งดีเช่นกัน

3. Room Size, Area Coverage หรือขนาดห้องที่เหมาะสม ควรรู้ขนาดห้องที่ต้องนำเครื่องฟอกอากาศไปใช้งานก่อนเลือกซื้อเสมอ เพราะถ้าห้องใหญ่เกินกว่าพื้นที่ที่เครื่องกรองอากาศสามารถรองรับได้ อากาศก็จะไม่สะอาดทั่วถึง หรือถ้าห้องเล็กแต่เอาเครื่องใหญ่มากไปวาง ก็จะกินไฟและเสียงดังโดยใช่เหตุ

4. Noise Level หรือระดับเสียง เสียงของเครื่องกรองอากาศ เสียงของเครื่องฟอกอากาศที่ดังอาจไม่ใช่สาระสำคัญหากวางไว้ในห้องนั่งเล่น แต่มันจะเป็นประเด็นมากถ้าวางเอาไว้ในห้องนอน เพราะเครื่องฟอกอากาศที่เสียงดังเกินไปจะทำให้นอนหลับไม่สนิทและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

5. Power Usage หรืออัตราการกินไฟ ถ้าซีเรียสเรื่องค่าไฟ อาจดูเครื่องฟอกอากาศที่สเปคใกล้เคียงกันสัก 2-3 ตัวแล้วเทียบดูว่าตัวไหนกินไฟน้อยที่สุดก็ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น

สุดท้ายคำถามที่ได้ยินกันบ่อยมากคือ จำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาหลายหมื่นหรือไม่? เพราะคนขายบอกว่ากรองได้ดีกว่า มากกว่า คุ้มค่ากว่า คำตอบคือถ้าห้องของเราไม่ได้เจอสิ่งสกปรกในอากาศมากมาย เช่น ติดไซส์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เราอาศัยอยู่ในคอนโดทั่วไป เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อตลาดอย่าง Sharp,Toshiba หรือ BlueAir ราคาไม่เกินหมื่นก็สามารถปกป้องดูแลปอดเราได้อย่างคุ้มค่าแล้ว

Writer: Shiraz