ถ้าให้นึกถึงสถานที่แฮงค์เอ้าท์ยามราตรี และค็อกเทลบาร์ของเมืองกรุงฯ ในปัจจุบัน ก็คงไม่วายที่หลายคนจะนึกถึงย่านฮิปๆ อย่างทองหล่อ เอกมัย หรือสีลมเป็นหลัก ที่มีแต่ร้านเหล้าสไตล์ตะวันตก มาพร้อมกับการตกแต่งร้านแสนโมเดิร์น และบรรดาค็อกเทลชื่อคุ้นเคยอย่าง แมนฮัตตัน คอสโมโพลิแทน หรือมาร์ตินี่ ซึ่งหลายต่อหลายร้านก็มีหน้าตา และกลิ่นอายคล้ายกันไปหมด
ผิดกับบาร์เล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยเอกลักษณ์ และมนต์เสน่ห์ของความเป็นไทยที่เราภูมิใจนำเสนออย่าง ‘เทพบาร์’ (TEP BAR) ในย่านเมืองเก่าอย่างซอยนานา เจริญกุรง ที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทั้งไทยและเทศมานักต่อนัก
สำหรับคนที่มาที่ร้านนี้ครั้งแรก อาจจะต้องอาศัยการถามทางจากคนท้องที่ หรือมีแผนที่ของร้านติดมือมาด้วยหน่อย เพราะตัวร้านอยู่ในโลเคชั่นที่ค่อนข้างลึกลับ แอบอยู่ในซอยนานา แถววงเวียน 22 กรกฎาคม บ้านเรือนที่อยู่บริเวณโดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม ที่ปัจจุบันก็ถูกปรับเปลี่ยนเป็นย่านบาร์ ร้านอาหาร และแกลลอรี่ภาคกลางคืนของคนกรุงเป็นที่เรียบร้อย
ถึงแม้จะมีสภาพที่เก่าทรุดโทรมแต่ก็ยังคงเสน่ห์ของวันวาน สิ่งแรกที่เราต้องขอชมเชยทีมของเทพบาร์ก็คือการเลือกอาคารพาณิชย์เก่าที่มีอายุร่วมร้อยปีนี้มารีโนเวทใหม่ได้อย่างสวยงาม แน่นอนว่ามีกลิ่นอายของความเป็นไทยจัดกว่าบาร์ไหนๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นโมเดิร์นอันคุ้นเคยให้ลูกค้ามาแล้วยังรู้สึกเข้าถึงได้
เมื่อมาถึง จะเห็นความเป็นไทยตั้งแต่หน้าประตูสีดำบานใหญ่ที่คล้องพวงมาลัยไว้อย่างเก๋ไก๋ เปิดประตูเข้าไปก็จะเห็นโต๊ะไม้กลมตั้งอยู่ประมาณ 5–6 โต๊ะ บางโต๊ะที่ถูกจอง ก็จะมีใบตองวางไว้ใช้แทนกระดาษสำหรับเขียนชื่อและเวลาของคนที่จอง ตรงกลางร้านที่มีกลองยาวตั้งอยู่จะเป็นบริเวณให้วงต่างๆ มาเล่นดนตรีสด ส่วนบาร์ มุมพระเอกของร้าน ก็มีการใช้กระจกสีทองมาตกแต่งขอบแทนกระเบื้องโมเสก ฉากหลังเป็นผนังปูนสีเทาที่ถูกกะเทาะออกเห็นเป็นผนังปูนสีทองด้านใน นับว่าเป็นการแปลงโฉมอาคารพาณิชย์หลังนี้ได้อย่างมีฝีมือและมีรสนิยม ที่ยังคงเก็บบรรยากาศเก่าๆ ของอาคารหลังนี้ไว้ได้ แต่ก็เติมจุดเด่นอย่างละนิดอย่างละหน่อยให้อาคารหลังเก่าโบราณนี้ กลายเป็นสถานที่แฮงค์เอาท์สุดเท่ไม่เหมือนใคร ให้ทุกคนได้มาเฮฮาสังสรรค์กันถึงดึกดื่น
“เสพสุขสมัย ไทยอย่างเทพฯ” คือ quote ที่ติดอยู่หน้าร้านอย่างภาคภูมิ ซึ่งก็สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของบาร์แห่งนี้ ที่ตั้งชื่อว่า ‘เทพ’ ที่มาจากคำว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองแห่งความรุ่งโรจน์ เจริญงดงาม พร้อมกับความหมายที่สื่อถึงความมีฝีมือของคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ความตั้งใจของทีมเทพบาร์จึงต้องการถ่ายทอดความเป็นไทย และโชว์ของดีของเมืองไทย ที่สามารถนำเสนอและพัฒนาออกมาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหาร หรือเครื่องดื่ม เหมือนทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ที่หาได้ทั่วไปตามย่านร้านตลาด รวมถึงโชว์ความสามารถ และมันสมองของคนไทยในอดีต ที่ควรค่าแก่การศึกษา และสืบทอดให้คนรุ่นใหม่รวมถึงชาวต่างชาติได้ทำความเข้าใจและเห็นค่ามากขึ้น
↑ – พระอภัยมณี, ราชสีห์คำราม และ กากี
“ลูกค้าไทยที่ยังมีภาพว่าค็อกเทลต้องเป็นแมนฮัตตัน มานี่เขาอาจจะงงเหมือนกัน แต่เราก็อยากทำให้เมนูอย่าง ‘สงกรานต์’ ของเราดังเหมือนสิงคโปร์ สลิง”
ที่เทพบาร์แห่งนี้จะไม่มีพวกคลาสสิคค็อกเทลเสิร์ฟเลย แต่เสิร์ฟแค่เฉพาะค็อกเทลสูตรไทยๆ ที่คิดค้นขึ้นโดยเทพบาร์ ซึ่งกว่าจะได้ค็อกเทลที่ลงตัวออกมาแต่ละเมนูนั้น ทางทีมต้องช่วยกันคิด ลองผิดลองถูกกันอยู่พักใหญ่ ที่เราได้ลองชิมคือ ‘นิลพัท’ (390 บาท) ที่มีส่วนผสมของรัม ขิง และเฉาก๊วยที่ปิดด้วยแผ่นทองคำ แก้วนี้จะมีรสชาติออกหวานปนเปรี้ยวหน่อยๆ จากมะนาว มีฟองนุ่มอยู่ด้านบน ดื่มแล้วรู้สึกเย็นชื่นใจ ที่สำคัญมีก้อนเฉาก๊วยเสียบไม้มาให้กัดกินแบบเพลินๆ ด้วย
หรือจะเป็น ‘ยาเสน่ห์’ (250 บาท) ที่มีความแรงขึ้นมาหน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อยเท่าไหร่ ดื่มไปสักพักก็เริ่มกรึ่ม) แก้วนี้มีรสหวานนำ ใช้รัม และตัดด้วยรสของกระเจี๊ยบ โป๊ยกั๊กรมควัน ยกแก้วขึ้นมาวินาทีแรกเลยคือหอมกลิ่นของกระเจี๊ยบ แก้วนี้แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นใครที่ไม่อยากเสร็จยาเสน่ห์ของร้านนี้เร็วกว่าที่คิด แนะนำว่าค่อยๆ จิบไปเรื่อยๆ
↑ – ยาเสน่ห์
↑ – นิลพัท
นอกจากพวกค็อกเทลสูตรไทยที่ว่าแล้ว ที่บาร์แห่งนี้ยังนำเสนอยาดองเป็นหลัก ซึ่งทำมาจากสมุนไพรหลายชนิดนำมาดองกับเหล้า โดยได้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรมาคิดสูตรให้ มีแบบทั้งที่นำมาเป็นส่วนผสม และแบบเสิร์ฟเพียวๆ เป็นเป๊ก อันที่เราได้มีโอกาสชิมคือ ‘สงกรานต์’ (280 บาท) อันนี้มีส่วนผสมของยาดอง รสชาติออกหวานอมเปรี้ยว ในความรู้สึกเรารสออกคล้ายๆ น้ำเสาวรส ดื่มง่าย ชวนให้สดชื่น ด้านบนตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เวลาดื่มก็เก๋ๆ ดูดด้วยหลอดจากขันทอง
หรือถ้าจะอัพเลเวลแบบติดเครื่องไวๆ จะลองสั่งยาดองเพียวๆ เสิร์ฟเป็น 1 เป๊ก ก็ได้ อย่าง ‘พระอภัยมณี’, ‘ราชสีห์คำราม’ และ ‘กากี’ (200 บาทต่อเป๊ก) ที่เสิร์ฟมาเป็นเซ็ตอย่างละเป๊ก วางเรียงกันบนถาดสีทอง พร้อมกับขันทองขนาดเล็กที่ข้างในเป็นน้ำเปล่าให้ดื่มตาม และของดองกลับแกล้มอีกนิดหน่อย กระดกแต่ละเป๊กแล้วรู้สึกซู่ซ่าหายง่วงดีจริง
ตามความเชื่อในอดีต ยาดองเหล้าเกิดจากการนำเหล้ามาดองกับสมุนไพร เมื่อดื่มเข้าไปแล้วสรรพคุณของสมุนไพรนั้นๆ ก็จะซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ช่วยบำรุงกำลัง หรือแก้อาการปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย ถือเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ดริ๊งค์ของที่นี่ ที่ถ้าใครได้ลองแล้วต้องว้าวแน่ๆ
↑ – สงกรานต์
สำหรับใครที่อยากมาลองค็อกเทลเจ๋งๆ แบบไทยๆ พร้อมกับซึมซับบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ที่เทพบาร์มีวงดนตรีสดให้คุณได้นั่งฟังกันอย่างครื้นเครงด้วยเช่นกัน โดยวันอังคาร–พุธ–พฤหัส จะเป็นโชว์เครื่องสาย ส่วนวันศุกร์–เสาร์–อาทิตย์ จะเป็นโชว์ของวงปี่พาทย์ชื่อว่า ‘สำเนียงเทพ’ จังหวะออกโจ๊ะๆ สนุกๆ เข้ากับบรรยากาศของช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงของสุดสัปดาห์
ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะเกิดการบอกต่อปากต่อปาก ชักชวนเพื่อนๆ และคนรู้จักให้มาสัมผัสประสบการณ์ของที่นี่ ค็อกเทลบาร์สไตล์ไทยของดีระดับเทพ โดยฝีมือและความตั้งใจของคนไทยแบบนี้ ไม่ควรรอช้าที่จะไปสนับสนุนกัน
เทพบาร์ – Tep Bar
69–71 ซอยนานา ถนนไมตรีจิตร
ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
เปิดบริการ:
วันอังคาร–วันพฤหัสบดี
ตั้งแต่เวลา: 17:00 น.–24:00 น.
วันศุกร์–วันอาทิตย์
ตั้งแต่เวลา: 17:00 น.–01:00 น.
Tel: 098 467 2944
Facebook: facebook.com/TEPBAR/
RECOMMENDED CONTENT
หลังจากห่างหายไปร่วม 2 ปี สำหรับสองคู่หูพี่น้อง Plastic Plastic ประกอบด้วย “เพลง ต้องตา-จิตดี (ร้องนำ,คีย์บอร์ด)” และ “ป้อง ปกป้อง-จิตดี(กีต้าร์)” วงดนตรีอินดี้ป็อปดูโอ้ จากสังกัด What the duck (วอท เดอะ ดัก) ที่สร้างสรรค์ผลงานด้านดนตรีมานานกว่า 12 ปี เจ้าของเพลงดังอย่าง “วันศุกร์” , “อยากรู้” , “Summer Hibernation” และ “ฮัม” พวกเขาได้หวนสู่วงการดนตรีอีกครั้ง พร้อมส่งเพลงฟีลกู๊ด ทำนองน่ารัก ที่ชวนทุกคนมาคลายความเหนื่อยล้าไปกับการล้มตัวลงบนหมอนสุดสบาย ในซิงเกิลใหม่ล่าสุดอย่าง “Pillow Pillow”