สไตล์การแต่งบ้านที่ดูเหมือนว่าจะไม่วันล้าสมัยเลยทั้งในต่างประเทศรวมถึงในบ้านเราเองคงต้องยกให้สไตล์ที่เรียกว่า Industrial Loft ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Loft มานานแล้ว แต่พอมาจับคู่กับคำ Industrial อาจทำให้สงสัยว่ามันเป็นอย่างไรนะ วันนี้เราจึงขอพาไปทำความรู้จักการแต่งบ้านแบบ Industrial Loft สไตล์ดิบเท่จนคุณต้องร้องว้าว
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง อุตสาหกรรมก็เติบโตขึ้น ผู้คนยุคหลังสงครามเริ่มออกมาทำงานกับเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งเกิดขึ้น มากมายตามหัวเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเฟื่องฟูถึงขีดสุดจนเกินสภาพเศรษฐกิจที่กำลังสวนทาง บรรดาโรงงานต่างพากันปิดตัวและปล่อยทิ้งร้างไว้อย่างน่าเสียดาย จึงมีคนหัวใสดัดแปลงโรงงานร้างเหล่านั้นให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยมันเสียเลย
ช่วงปี 1940s โรงงานแถบย่าน SoHo เริ่มถูกรีโนเวทเปลี่ยนโรงงานเก่าให้เป็นบ้านเป็นที่แรกๆ โกดังและโรงงานและโรงงานในยุคนั้นจะมีลักษณะเพดานสูง เปิดโล่ง ไม่มีการกั้นห้อง (Open Plan) จึงพื้นที่ใช้สอยไม่จำกัด และมักมีชั้นลอยอยู่ใต้หลังคาซึ่งแต่เดิมเอาไว้เก็บสินค้า และนั่นเป็นที่มาของคำว่า ‘Loft’ ที่เราคุ้นหูกันดี
แต่สไตล์ Industrial Loft กลับมาบูมสุดขีดในช่วงยุค 60s เพราะเหล่าศิลปิน ดีไซเนอร์ นักเขียน และสถาปนิกในยุคนั้นต่างก็หลงใหลในห้องโล่งกว้างและอิสระในการใช้สอยพื้นที่ รวมทั้งบรรยากาศเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงาน ขณะเดียวกันก็สามารถเป็นบ้านสำหรับอยู่อาศัยได้จริงด้วย
Material
ความโดดเด่นของ Industrial Loft น่าจะอยู่ที่ความดิบ เรียบ แต่แฝงด้วยความเท่ขั้นสุด ด้วยลักษณะเฉพาะของตัวอาคารที่มีเพดานสูง (High Ceiling) พื้นที่เปิดโล่งกว้าง บานหน้าต่างขนาดใหญ่ให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้ ส่วนสำคัญไม่แพ้กันที่ทำให้สไตล์ลอฟต์ชัดเจนคือการตกแต่งที่ยังรักษาเค้าโครงของโกดังดั้งเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดด้วยวัสดุดิบหลักอย่าง ไม้ อิฐ ปูน แกรนิต และเหล็ก
Colors & Tone
โทนสีของ Industrial Loft หลักๆ คือ ขาว ดำ เทา และน้ำตาล ไม่ว่าจะน้ำตาลอ่อน เข้ม หรือสีน้ำตาลแดงสนิม เพราะสี Earth Tone เหล่านี้จะค่อนข้างไปทางเดียวกันกับวัสดุธรรมชาติ อย่าง ไม้ อิฐ ปูนเปลือย เสาคอนกรีต และโครงเหล็ก ซึ่งจะช่วยคุมโทนให้บรรยากาศของห้องดูเรียบขรึมไม่หลุดสไตล์
Interior & Key Pieces
อิทธิพลจากไลฟ์สไตล์ของชาวมหานครนิวยอร์กเมื่อยุค 40s-60s ที่บรรดาชนชั้นกลางส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตในอพาร์ตเมนต์ ซึ่งหมายถึงพื้นใช้สอยไม่กว้างมากนัก จุดประสงค์แรกของการแต่งบ้านแบบ Industrial Loft จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความประหยัดงบให้มากที่สุด มีข้าวของ เครื่องใช้เฉพาะที่จำเป็นและเน้นการใช้งานจริง ขณะเดียวกันก็ยังต้องคงเค้าโครงเดิมแบบโกดังซึ่งเป็น Key ของลอฟต์ไว้ด้วย เช่น การใช้ผนังปูนเปลือยไม่ทาสีหรือผนังอิฐที่ไม่ฉาบปูน ไม่มีฝ้าเพดาน พื้นปูนขัดมันหรือไม้ไม่ปูกระเบื้อง ทำให้มองเห็นท่อน้ำเหล็ก การเดินสายไฟไปทั่วบ้าน เผยให้เห็นโครงสร้างดิบๆ ของบ้านอย่าง คานไม้ คานเหล็กอย่างชัดเจน ซึ่งทั้งหมดคือเสน่ห์อันโดดเด่นของสไตล์ลอฟต์
ด้วยโทนสีหลักที่ดูอบอุ่นและเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกก็ควรต้องไปทางเดียวกัน เช่น Stool ที่ มีโครงทำจากเหล็ก แต่มีพนักและที่รองนั่งทำจากไม้ หรือโซฟาที่ทำจากวัสดุหนังสีน้ำตาลจะช่วยล้อไปกับโครงสร้างดิบๆ ของห้องได้เป็นอย่างดี แอบกระซิบว่าการตกแต่งสไตล์ลอฟต์กับเฟอร์นิเจอร์ Antique กลิ่นอายอเมริกันวินเทจนิดๆ ให้อารมณ์ย้อนยุคยิ่งเข้ากันเป็นที่สุด
แต่ถ้ารู้สึกว่าดิบเกินไป อยากเพิ่มความสดใสแบบโมเดิร์นขึ้นอีกนิด ลองเติมลูกเล่นอย่างเฟอร์นิเจอร์สีสดลงไปสักชิ้น เช่น สีแดง สีเหลือง หรือสีพาสเทลอ่อนๆ อย่างฟ้า เหลือง ชมพู ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูไม่เคร่งขรึมจนเกินไปและที่สำคัญยังดึงดูดจุดสนใจให้ห้องดูสนุกขึ้นด้วย
นอกจากหน้าต่างบานใหญ่ที่จะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงในห้องแล้ว โคมไฟสวยหรูอาจไม่ตอบโจทย์เท่าโคมไฟเหล็กแมนๆ หรอกจริงไหม หรือถ้าจะให้ชิคกว่านั้นจะลองเล่นกับหลอดไฟแบบ Hanging Light ที่ฮอตฮิตไม่เบาในช่วงนี้ก็ไม่ว่ากัน เพราะหลอดไฟที่มีด้วยกันหลายแบบหลายขนาดทั้งทรงกลมทรงหยดน้ำ พอจับมาห้อยรวมกันหลายๆ หลอดโดยยังคงทิ้งสายไฟสีดำเอาไว้ แสงสีส้มอมเหลืองจะยิ่งเพิ่มความน่ารักให้กับห้องเหมือนดาวดวงจิ๋วยามค่ำคืนเข้าไปอีก
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อคือความเขียวของต้นไม้ แถมยังช่วยลดทอนความแข็งกระด้างของอิฐและปูนได้ด้วย ควรเลือกพรรณไม้ในร่มที่ไม่ต้องการแสงแดดมากนัก เช่น ไม้เลื้อยทิ้งก้าน หรือไม้ใบที่มีลักษณะห้อยระย้า เลเยอร์ของมันจะช่วยบดบังมุมที่ไม่สวยงามต่างๆ ภายในห้อง และหากเป็นพรรณไม้ที่ช่วยดูดซับสารพิษภายในอาคารได้ยิ่งเริ่ด แนะนำไม้ประเภทเฟิน ปาล์ม หรือใครชอบกระบองเพชรต้นจิ๋ว (Cactus) นำมาปลูกในกระถางเซรามิกแล้ววางเรียงกันหลายๆ ต้นก็น่ารักไม่เบา หรือจะเป็นสวนจิ๋วในขวดแก้ว (Terrarium) ที่มีให้เลือกทั้งแบบตั้งและแบบแขวนก็น่ารักไม่หยอก แถมยังหาซื้อได้ง่ายตามตลาด Flea Market ใกล้บ้านด้วย รับรองว่าห้องสไตล์ Industrial Loft ของคุณจะสดชื่นขึ้นอีกเป็นกอง
และที่สำคัญ ตอนนี้ “Sansiri Town Avenue Merge Rattanathibet” โครงการใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ตอบโจทย์ความดิบเท่แบบ Industrial Loft ด้วยโครงสร้างที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นสายของแสงไฟบนท้องถนนยามค่ำคืน บวกกับไอเดียสถาปัตยกรรมของทาวน์เฮาส์ร่วมสมัย ฟังก์ชันการใช้งานของห้องที่เปิดโล่งไม่แพ้บ้านเดี่ยว จัดเต็มด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Loft สะท้อนวิถีชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นโครงการใหม่ที่ติ
รายละเอียดโครงการ
ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 170 ตารางเมตร
3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คัน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: http://www.sansiri.com/townhouse/town_avenue_merge/th/home/index.aspx
Tel. 02 – 191-6888-9
Email: Sales_TART@sansiri.com
RECOMMENDED CONTENT
แคมเปญล่าสุดของไนกี้ "Play New" เชิญทุกท่านมาค้นพบกับกีฬาในมิติใหม่ พร้อมเปิดตัวด้วยภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยนักกีฬาชื่อดัง ได้แก่ ซาบริน่า อิโอเนสคู (Sabrina Ionescu), ไดน่า แอชเชอร์-สมิธ (Dina Asher-Smith) และ เบลก ลีเพอร์ (Blake Leeper) รวมถึงศิลปินระดับโลกอย่าง โรซาเลีย (Rosalía) สิ่งที่ทั้ง 4 คนนี้มีเหมือนกันก็คือความชื่นชอบในการเคลื่อนไหว การเล่น และการแข่งขัน