ถ้าพูดถึงช่างภาพแฟชั่นสุดสตรองที่มีผลงานปังที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ชื่อของ ‘ณัฐ ประกอบสันติสุข’ ก็คงติดหนึ่งในลิสต์แน่นอน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่านอกจากงานเบื้องหลังปกแม็กกาซีนที่เขาช่ำชอง อีกมุมหนึ่ง เขายังเป็นนักเดินทางตัวยงผู้หลงใหลการแบกเป้เที่ยวในดินแดนชื่อไม่คุ้นหู ไปพร้อมกับกล้องตัวโปรดที่เอาไว้เก็บเรื่องราวภาพประทับใจระหว่างทางผ่านมุมมองไม่ธรรมดาในแบบฉบับของเขา
การเดินทางของคุณเริ่มต้นจากตรงไหน?
ผมเริ่มแบ็กแพ็กลุยเอง ทั้ง เนปาล เอธิโอเปีย อินเดีย อียิปต์ โมรอคโค ซีเรีย เม็กซิโก เปรู ล้วนเป็นประเทศที่ Photogenic มาก แล้วก็ไม่ใช่ประเทศ Mainstream มากนัก หลังจากนั้นก็ติดใจการเที่ยวแบบนี้มาตลอด จากไปอาทิตย์สองอาทิตย์จนไปทริปยาวๆ นานเป็นเดือนเลยก็มี
สถานที่ไหนที่คุณต้องไปเยือนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส?
ผมไปได้หมดเลย ชอบพาตัวเองออกไปในที่ที่มีคนพูดภาษาอื่น ไปที่ไหนก็ได้ที่มีคัลเจอร์น่าสนใจ เดินตลาด ดูชาวบ้าน ชิมอาหารพื้นเมือง ผมรู้สึกสนุกกับอะไรแบบนี้มาก
ช่างภาพมืออาชีพอย่างคุณพกกล้องแบบไหนไปด้วยเวลาเดินทาง?
เมื่อก่อนผมจะเอากล้องฟิลม์ไป จึงต้องเตรียมตัวหนักหน่อย เพราะเราไม่รู้เลยว่าต้องไปเผชิญกับอะไรบ้าง ตัวเมโมรีการ์ดไม่มี Storage ไปไหนทีต้องไปหาร้านเพื่อทรานส์เฟอร์รูปลงแผ่นซีดีเป็นร้อยๆ รูป พอมีกล้องดิจิตอลเข้ามามันก็ง่ายขึ้น สามารถปรับทุกอย่างได้หมด ตอนแรกผมแบกกล้องตัวใหญ่ พร้อมเลนส์ไป 2-3 ตัว แต่ไม่ค่อยได้หยิบออกมาใช้หรอก เพราะขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์ แล้วบางทีก็ไม่ทันใจ ต่อมาเหลือแค่กล้อง 1 ตัวกับเลนส์ 1 ตัว สักพักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าแก่ขึ้น เริ่มปวดแขน ปวดไหล่ การหิ้วกล้องกับเลนส์ไปเที่ยวทั้งวันเป็นอะไรที่ล้ามาก จึงเริ่มมาใช้กล้องคอมแพ็กแทน คือ Canon G10 ซึ่งหลังจากนั้นมาผมก็ใช้ยาวเลย
สิ่งที่ต้องการจากกล้องถ่ายรูปเวลาเดินทางในแต่ละครั้งคืออะไร?
มันต้องเป็นกล้องที่น้ำหนักเบา จับถนัดมือ พกง่าย ใส่ในกระเป๋ากางเกงได้ยิ่งดี หยิบออกมาแล้วถ่ายได้ทันที ผมเคยเห็นช่างภาพบางคนถ่ายแนว Street Photography พกเลนส์ไปหลายตัว สงสัยว่าเขาเปลี่ยนกันทันได้อย่างไร เพราะในหลายๆ ครั้ง การถ่ายรูปเวลาเดินทางมันคือ Stolen Moment ซึ่งต้องการความไว และบางสถานที่ก็ต้องแอบถ่ายบ้างเหมือนกัน กล้องตัวใหญ่หรือเลนส์ที่ดูโปรเฟสชันนัลมากนักก็อาจเป็นที่จับตาเกินไป
แล้วกล้องแบบไหนที่ตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุด?
บอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นคนที่เรียนแต่งรูปมา อาศัยครูพักลักจำ ความรู้เรื่องโปรแกรมโฟโต้ช้อปผมมีจำกัด จะรู้เฉพาะที่ชอบหรือเท่าที่ผมชิน เพราะฉะนั้นกล้องของผมจะต้องให้ Raw File ไม่ใช่ดีที่สุด แต่ที่เหมาะกับผมที่สุด ผมจะพกมันไปถ่ายอะไรสักทริป เพื่อลองดูว่าอยากได้อารมณ์ภาพแบบไหน น้ำหนักแบบไหน การให้น้ำหนักสี แสงและเงาเป็นอย่างไร พอไปปรับในโฟโต้ช้อปแล้วออกมาเป็นภาพแบบที่ผมต้องการได้ไหม Raw File ที่ดีสำหรับผมคือต้องเอาไปทำงานต่อได้ง่าย
คุณไม่ใช่คนที่ชอบใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป?
ผมว่ามันได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ตอบโจทย์ภาพแบบที่ผมต้องการสักเท่าไร ภาพที่มีคอนทราสของแสงเยอะ การเก็บราบละเอียดของภาพจึงสำคัญมาก ซึ่งตัวนี้มีเซ็นเซอร์ที่ค่อนข้างดี ถึงจะตัวเล็ก แต่บางทีคุณภาพเกินตัวด้วยซ้ำ
แล้วกล้องตัวเล็กจะมีคุณภาพประมาณไหน?
อยู่ที่ว่าคุณเห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณมีหรือเปล่า ผมจะบอกเรื่องนี้อยู่ตลอดว่า คนเราต้องรู้จักเลือกของที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด แล้วอยู่กับมันไปสักพัก อย่าเพิ่งตัดสินมันเร็วเกินไป ถ่ายอะไรไม่ได้ก็อย่าเพิ่งไปหงุดหงิด ค่อยๆ หาคาแร็กเตอร์ของมันไปเรื่อยๆ จริงอยู่ กล้องตัวเล็กอาจมีเลนส์ที่ซูมได้ไม่มากเท่าเลนส์เทเล (Telephoto) แต่เลนส์เทเลก็ทำอย่างเลนส์ 50 mm ไม่ได้เหมือนกัน ผมว่ากล้องทุกตัวมีเสน่ห์ต่างกัน
คุณมองหาอะไรจากการถ่ายรูปเวลาเดินทาง?
มันคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าถามจริงๆ ก็คงอยากได้อย่างที่ตาเห็น เพราะตาเราคือเลนส์ที่ดีที่สุด แต่บางทีชีวิตเรามีเรื่องต้องจำเยอะ ภาพถ่ายจึงทำหน้าที่เหมือนเป็นเครื่องเตือนความทรงจำ อย่างผมเป็นคนบ้าภาพนิ่ง ชอบ Freeze สิ่งที่เห็นไว้ในภาพถ่าย พออยู่กับการถ่ายรูปมา 20-30 ปี มันทำให้ผมมองอะไรเป็นภาพนิ่งไปหมด เหมือนกับว่าเฟรมและแสงอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
มีเทคนิคส่วนตัวไหม?
ผมจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเทคนิคนัก จะใช้สัญาตญาณตัวเองมากกว่า อย่างภาพนี้ (เขาหยิบภาพถ่ายท้องฟ้าขึ้นมาให้เราดู) ถ่ายตอนไปทริปอิตาลี เป็นอีกทริปที่ผมสนุกกับการถ่ายรูปมาก ผมจะรู้ว่าควรกดชัตเตอร์ตอนไหน เมฆแบบไหนที่ผมอยากให้เป็น ถ้ามีคนถามว่าทำไมต้องหยุดรอเมฆ ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่ารออีกแป้บนึง แล้วเดี๋ยวมันจะสวย (หัวเราะ)
อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจกับทริปอิตาลีในครั้งนั้น?
จริงๆ ทุกที่มีสิ่งความประทับใจแตกต่างกันออกไป แต่ที่อิตาลี ผมมีโอกาสได้ไปมิวเซียมหลายแห่ง ซึ่งบางแห่งเขาอนุญาตก็ให้ถ่ายรูปได้ แต่ปกติแล้วในมิวเซียมแสงจะน้อยมาก การจะถ่ายให้สวยเป็นเรื่องไม่ง่าย โชคดีว่ากล้องของผมตัวนี้ให้แสงเงาแบบที่ผมต้องการ คมชัดแบบพอดีๆ แสงไม่โอโวอร์จนเกินไป สามารถเก็บรายละเอียดของงาน Sculpture สวยๆ ได้หมดเลย
นอกจากกล้องตัวโปรดแล้ว ใครที่คุณมักเลือกให้เป็นเพื่อนเดินทาง?
ส่วนใหญ่จะเป็นพี่สาวกับแฟน เพราะเขามีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน เพราะบางครั้งผมเดินทางไปนานเป็นเดือนๆ กับครอบครัวถึงจะตีกันยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ถ้าไปกับเพื่อน ทะเลาะกันก็คงมีเลิกคบกันไปบ้างเหมือนกัน (หัวเราะ)
ปรัชญาที่กล้อง 1 ตัวสอนช่างภาพอย่างคุณคืออะไร?
ผมได้เรียนรู้การอยู่กับมัน บางทีกล้องตัวหนึ่งไม่ได้เพอร์เฟ็กทั้งหมดหรอก อย่างกล้องบางตัวที่ผมใช้ก็มีปัญหาเรื่องโฟกัส แต่ผมว่ามันก็สวยไปอีกแบบ พอปรับค่า ISO สูงๆ จะมี Grain เข้ามา สีจะซึมๆ สวยมาก ทำให้ผมนึกถึงคำว่า Imperfect Beauty บางทีถ่ายรูปอย่าไปคิดว่าต้องชัด ต้องคมเท่านั้นถึงจะสวย ทุกอย่างมีสไตล์ของมันเอง
เราต้องปรับตัวเองให้เข้ากับกล้อง เป็นการฝึกตัวเองให้รู้จักมองมุมอื่น เหมือนเวลาที่ผมถ่ายแฟชั่น ผมจะลองท้าทายตัวเองด้วยวิธีถ่ายแบบอื่นเสมอ ลองไปเจออุปสรรคใหม่ๆ ดูบ้าง ผมเป็นคนไม่เปลี่ยนกล้องบ่อย ใช้ไปบางที 10 ถึง 15 ปีก็มี อยู่กับมันจนกระทั่งมันตอบโจทย์เราได้ ผมว่ามันเข้ากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนซื้ออะไรคุณต้องศึกษา แล้วเมื่อเลือกแล้ว คุณต้องใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่าที่สุด
แล้วอะไรคือปรัชญาการเดินทางของ ณัฐ ประกอบสันติสุข?
บอกตรงๆ ว่าไม่ได้มีคำพูดสวยหรูอะไรมากมายหรอก ที่เดินทางเพราะเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเห็นอะไรแปลกใหม่ มีสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน นิยามของผมเกิดมาจากความอยากรู้อยากเห็น มันเลยไม่ได้มีนิยามเป็นปรัชญาอะไรชนาดนั้น พ้อยต์ของการเดินทางไม่ใช่ว่าต้องไปให้ครบทุกเมือง แต่สิ่งที่ได้มาระหว่างทางต่างหากที่น่าสนใจ มีเรื่องราว ความรู้สึก ความทรงจำ เพราะฉะนั้นกล้องถ่ายรูปสำหรับผมเลยเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางคนหนึ่งที่เอาไว้ช่วยเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้
ได้ยินว่ากำลังจะมีโปรเจ็กต์ของคุณกับ Canon G7X Mark II เร็วๆ นี้?
ล่าสุดผมไปถ่ายแฟชั่นปกนิตยสาร Vogue ด้วย Canon 1DX Mark II เพราะค่อนข้างคล่องตัวกว่า เนื่องจากต้องขึ้นไปถ่ายกันบนเรือ แต่สำหรับโปรเจ็กต์ต่อไป กำลังคิดว่าจะเอาเจ้า G7X Mark II ไปถ่ายแฟชั่นให้กับ Vogue เดือนมกราคมนี้ด้วย คิดว่าน่าจะเป็นอีกโปรเจ็กต์ที่สนุกแน่นอนครับ
Canon G7X Mark II กล้องสุดซี้ของช่างภาพมือเก๋า
-ชิพประมวลผลภาพที่เร็วขึ้นแบบ Digic 7 ทำให้ภาพคมชัด โฟกัสเร็วขึ้นด้วยการแตะหน้าจอ Touchscreen และช่วยลด Noise ในภาพแม้ถ่ายในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน
-หน้าจอ LCD ความละเอียดถึง 1.04 ล้านพิกเซล และยังสามารถพับได้ ถ่ายเซลฟี่ได้สบายๆ
-ใช้งานง่ายสุดๆ ด้วยหน้าจอ Touch screen
-เลนส์ 24-100 mm ซูมสูงสุดได้ถึง 100 mm
-มีระบบ Dual Sensing ลดการสั่นไหวของภาพ สามารถถ่ายวีดีโอได้ง่ายแม้ขณะเดิน
-มี Timelapse Mode สามารถถ่ายได้ถึง 900 ภาพเลยทีเดียว
-ถึงตัวจะเล็ก แต่ก็เผ็ดมากด้วยเทคโนโลยีของกล้อง DSLR ที่มาแปลง Raw file เป็น JPG ได้ในตัว เหมือนกล้อง 2 Digic ของ Canon
-สามารถแต่งรูปในแบบของคุณเองได้ทันที เพราะเป็นกล้องคอมแพ็กตัวแรกที่ใส่ Picture Style หรือโทนสีของภาพสุดชิกถึง 8 style (DSLR Technology)
-ถึงจะแบกเป้เที่ยวคนเดียวก็แชะภาพสวยๆ ได้ตลอด แค่บังคับชัตเตอร์การถ่ายภาพง่ายๆ บนมือถือ และแชร์ให้เพื่อนอิจฉาได้ก่อนใครผ่าน Wifi ภายในกล้อง เพียงเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่น Canon Camera Connect
Canon
Website : http://www.canon.co.th/condolences/
RECOMMENDED CONTENT
เป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้สร้างตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Monotype ได้ทำการออกแบบตกแต่งตัวชุดอักษรที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกอย่าง Helvetica หลังจากที่พยายามปลุกปล้ำกันอยู่นานกว่าสองปีเพื่อที่จะปรับปรุงชุดตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบ swizz font