วันเดอร์ฟรุ๊ตหนึ่งเดียวกับเฟสติวัลที่เฉลิมฉลองไลฟ์สไตล์ ดนตรี และศิลปะในประเทศไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เตรียมเปิดเดอะ ฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา รอต้อนรับเหล่าวันเดอเรอร์ ด้วยโปรแกรมและไลน์อัพศิลปินมากมายในวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์นี้
วันเดอร์ฟรุ๊ต คือศูนย์รวมของโปรแกรมที่หลากหลาย ซึ่งผ่านการรังสรรค์มาอย่างลงตัวทั้ง 6 แขนง ได้แก่ ศิลปะ ดนตรี สุขภาพและการผจญภัย ฟาร์มทูฟีสต์ ทอล์คและเวิร์คช็อป และประสบการณ์สำหรับครอบครัว เพื่อให้วันเดอเรอร์ได้สัมผัสประสบการณ์อันสุดพิเศษที่แตกต่างและไม่เหมือนใครตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามายัง เดอะ ฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ บนพื้นที่อันกว้างใหญ่แห่งนี้ จะถูกแปลงโฉมให้กลายพื้นที่แห่งความหลากหลายทางไลฟ์สไตล์เพื่อส่งมอบประสบการณ์วันเดอร์ฟรุ๊ตที่ดีที่สุดให้แก่วันเดอเรอร์ทุกคน โดยเหล่าวันเดอเรอร์จะได้พบกับ เวทีสุดอลังการที่จะต้อนรับการแสดงดนตรีจากกว่า 60 ศิลปินชั้นนำทั่วโลก ดื่มด่ำงานศิลปะอินสตอลเลชั่นและเพลิดเพลินไปกับการแสดงต่างๆจากกว่า 20 ศิลปิน ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศจากเชฟมือรางวัลและร้านอาหารชั้นนำหลากหลายรสชาติกว่า 55 ร้าน ร่วมสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโอกาสในการเรียนรู้ไปกับกว่า 30 กิจกรรมในทอล์คและเวิร์คช็อป เพิ่มความสมดุลในชีวิตและการค้นพบตัวเองผ่านกว่า 35 กิจกรรมเพื่อสุขภาพและการผจญภัย และสนุกสนานไปกับกิจกรรมมากมายสำหรับเด็กครอบครัว
ในปีนี้ วันเดอร์ฟรุ๊ตยังคงรวบรวมไลน์อัพดนตรีครบเครื่องทุกแนว จากหลากหลายศิลปิน รวมทั้งการแสดงสดเต็มรูปแบบจากวงดนตรี วงออเคสตร้า และศิลปินชั้นนำระดับโลกจำนวนมาก ระเบิดความมันส์ให้สุดบนเวที Living Stage ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พร้อมพบกับการแสดงสดเต็มรูปแบบของ Rudimental หรือ เต้นเรียกเหงื่อกับวงฮิปฮอปจากสก็อตแลนด์ Young Fathers สัมผัสการแสดงสดจาก Kate Simko & London Electronic Orchestra ที่จะมาสะกดอารมณ์ในการฟังเพลงของคุณด้วยเพลงเพราะๆที่ผสานดนตรีแนวออเครสตร้าและอิเล็คทรอนิกส์ไว้อย่างลงตัว หรือเปลี่ยนบรรยากาศมารื่นรมย์กับเสียงเพลงจาก Shura นักร้องสาวเจ้าของเสียงดึงอารมณ์ที่มาคู่กับเครื่องดนตรีซิงค์ รวมทั้งนักร้องสาวผู้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ Lianne La Havas
ความสนุกไม่ได้จบเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เพราะทุกค่ำคืนของวันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นค่ำคืนที่น่าหลงใหล เรายังมีปาร์ตี้สุดเหวี่ยงรออยู่ที่ The Quarry พื้นที่ที่เหล่าวันเดอเรอร์จะได้ปลดปล่อยความมันส์กลางป่ารายล้อมด้วยแสง สี เสียง โดยในปีนี้วันเดอเรอร์จะระเบิดความมันส์ตลอดทั้งคืนไปกับบรรดาดีเจหลากหลายแนวอย่าง Simian Mobile Disco ความมันส์ส่งตรงจากอิตาลีโดย Yaya กับแนวเพลง afro-beats ตื่นตะลึงไปกับลีลาของดีเจผู้หญิงคนเดียวใน The Quarry ปีนี้กับ Nicole Moudaber หรือเตรียมพบกับแนวเพลงเทคโนที่มีความดาร์กและดิบ พร้อมลุคอันน่าพิศวงและลึกลับกับ Headless Horseman
อีกหนึ่งประสบการณ์อันน่าจดจำที่วันเดอร์ฟรุ๊ตไม่อยากให้พลาดคือ บรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินในเดอะ ฟิลด์ ซิกเนเจอร์ของเวที Solar Stage ผลงานการสร้างสรรค์ของ Gregg Fleishman ศิลปินนักออกแบบรุ่นเก๋ากับการสร้างสรรค์ผลงานอันโด่งดังใน Burning Man เราอยากให้เหล่าวันเดอเรอร์ได้มาสัมผัสถึงมนต์เสน่ห์ของ Solar Stage ด้วยโปรแกรมและการแสดงของ Eric Volta, Sabo, YokoO หรือจะฝึกโยคะต้อนรับแสงเช้าไปกับสาว Liv Lo และ Rosemary และปิดท้ายช่วงพระอาทิตย์ตกไปกับการแสดงของ Wolf + Lamb, Norman Jay MBE, KMLN, Marc Antona, Akimbo และอีกมากมาย ที่พร้อมแชร์ประสบการณ์อันน่าจดจำนี้ไปด้วยกัน
อีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นในวันเดอร์ฟรุ๊ตปีนี้คือ Farm Stage ซึ่งสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบกับโชว์จากดูโอ้หนุ่มจากนิวยอร์คกับแนวเพลงผสมผสาน Buke and Gase 10 นักดนตรีแนวเพลงสกาแบไทยๆ คณะมโหรีดนตรีสกา (The Superglasses Ska Ensemble) กลุ่มนักดนตรีแนวเพื่อชีวิต เยนา มันส์ไปกับวงดนตรีสหายแห่งสายลม และ ศรีราชา ร็อคเกอร์ส นอกจากนี้ ยังมีการแสดงพื้นบ้านอย่างหนังตะลุงอาจารย์สกุล และ At Adau การแสดงดนตรีจากเกาะบอร์เนียว และอื่นๆ อีกมากมาย
ครั้งแรกกับวันเดอร์ฟรุ๊ตที่เหล่าวันเดอเรอร์จะได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ใน Forbidden Fruit กับ Friday Night Gay Party ปาร์ตี้สำหรับชาวสีรุ้ง รับประกันความแซ่บด้วยความเว่อร์วังของ Drag Queen ในโชว์ “Adam and Steve” กับเซอร์ไพร์สของนางโชว์ตัวแม่ Pangina Heals ที่จะมาปลุกต่อมฟีโรโมนในตัวคุณให้ฮือฮาอีกครั้ง นอกจากนี้ ภายใน Forbidden Fruit แห่งนี้ เหล่าวันเดอเรอร์จะได้ดื่มด่ำกับดนตรีมันส์ๆ จากดีเจมากมาย อาทิ Luna City Express, Noxro และ Uone
เหล่าวันเดอเรอร์จะได้เปิดโลกทัศน์จากกิจกรรมพูดคุยกับเหล่านักสร้างสรรค์และผู้นำทางความคิดที่จะสลับสับเปลี่ยนตลอดวันใน Scratch Talks ณ Rainforest Pavilion รับฟังเรื่องราวน่าสนใจ ทำความเข้าใจในการดำเนินการเกี่ยวกับขยะ และการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันกับกลุ่ม Trash Hero Thailand และทำความรู้จักกับ GO-JEK บริษัทผู้สร้างแอพพลิเคชั่นด้านการขนส่งที่ประสบความสำเร็จในประเทศอินโดนีเซีย ฯลฯ ส่วนในยามค่ำคืนแลนด์มาร์คแห่งนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นอีกโซนที่มอบความมันส์ให้เหล่าวันเดอเรอร์ได้สนุกไปกับดีเจแนวเทคโนเช่น Agent H, Alex Joy, Cabbit, Zig Zach, Fadi, Gary Hutchings, Halim Ardie, small&Tall Soundsystem featuring Swamy and David Brabbins และอีกมากมาย
และเฉกเช่นที่เวอร์จิเนีย วูล์ฟกล่าวไว้ว่า “คนเราไม่อาจจะคิดได้ดี รักได้สุดใจและนอนหลับสบาย ถ้าไม่ได้รับประทานอาหารที่ดีเสียก่อน” เหล่าวันเดอเรอร์ลืมความกังวลข้อนี้ไปได้เลย เพราะที่วันเดอร์ฟรุ๊ต อาหารเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญและยังมาพร้อมตัวเลือกหลากหลาย เลือกอร่อยไปกับอาหารสไตล์ยุโรปชั้นเลิศจาก Marcel, Thyme และ Peppina รวมไปถึงซูชิแสนพิถีพิถันจาก Morimoto หรือจะเลือกอาหารแนวสตรีทฟู้ด และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าเต็มอิ่มจาก Rocketfruit
กลับมาอีกครั้งกับ Wonder Feasts ที่จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารเลิศรสทั้งมื้อบรั๊นช์และดินเนอร์แบบเอ้าท์ดอร์โดยมีเมนูอาหารจากเชฟชื่อดัง และไวน์ชั้นเลิศพร้อมเสิร์ฟอย่างไม่ขาดสายจาก Italasia โดยในปีนี้ เชฟอาหารอินเดียเจ้าของร้านที่ดีอันดับหนึ่งของเอเชียสองปีซ้อนอย่าง Gaggan Anand ได้กลับมาที่งานอีกครั้ง พร้อมควงแขนเชฟคู่หู Daniel Chavez จากร้าน Ola ในสิงคโปร์มาเสริฟความอร่อยอย่างเต็มที่ เตรียมอิ่มอร่อยกับเมนูบาร์บีคิวรสเลิศ อาหารเปรูจานเด่นเซบิเซ่ (Ceviche) และอื่นๆ อีกหลากหลายเมนู เหล่าวันเดอเรอร์ที่ติดใจรสชาติอาหารจาก Appia และ Soul Food Mahanakorn ควรลิ้มลองเมนูบรั๊นช์สไตล์เรกเก้จากฝีมือเชฟคู่ซี้ Paolo Vitaletti และ Jarrett Wrisley และหากคุณรู้สึกหิวระหว่างวัน เชฟ Jeriko จาก Cocotte จะมาเสิร์ฟอาหารประจำฤดูกาลสดจากฟาร์มให้คุณได้น้ำลายสอ ใครที่มองหาความแปลกใหม่ห้ามพลาดอาหารจากทีม F.A.C.T Collective ที่จับคู่เชฟอุ้มและเชฟแบล็ค มาเชิญชวนให้คุณลิ้มลองเมนูอาหารไทยผสมผสานจากภาคเหนือและภาคใต้ ควบคู่กับเครื่องดื่มและไวน์ที่หมักโดยฝีมือชาวบ้าน (หมายเหตุ: ที่นั่งภายใน Wonder Feasts มีจำนวนจำกัด ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการสำรองที่นั่งซึ่งจะประกาศทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊คของวันเดอร์ฟรุ๊ตในเร็วๆ นี้)
เหล่าวันเดอเรอร์ยังจะได้พบกับประสบการณ์อันหลากหลายที่จะกระตุ้นต่อมผจญภัย ความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงโปรแกรม The Sharing Neighbourhood จาก SC Asset ที่หวนคืนสู่เดอะฟิลด์อีกครั้งในปีนี้ พร้อมเพิ่มโปรแกรมอาหารเช้าสไตล์ไทยๆ ในคอนเซ็ปต์ Breakfast for Good Mornings อีกหนึ่งไฮไลท์คือ Molum Bus จากการรังสรรค์ของหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ที่กลับมามอบกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบอีสานดั้งเดิม กับดนตรีจากวง All Thidsa และ พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ผู้เชี่ยวชาญดนตรีพื้นบ้านอีสานทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย แล้วอย่าลืมแวะไปแปลงโฉมตัวเองที่ Wonder Salon จากการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือนั่งพักผ่อนสบายๆ ที่ Ziggurat จิบเบียร์เคล้าบรรยากาศที่เบียร์การ์เด้นจากสิงห์ คอร์เปอเรชั่น หรือจะไปนอนเหยียดแข้งเหยียดขาใน Moon Shack จากแสงโสม
นอกจากกิจกรรมทอล์คและเวิร์คช็อปแล้ว วันเดอร์ฟรุ๊ตยังเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เสริมพลังกายและพลังใจผ่านกิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพและการผจญภัย อันหลากหลาย รีดเหงื่อไปกับกิจกรรมเต้นระบำหน้าท้อง บอดี้ คอมแบตและการเต้นซุมบ้าในโปรแกรม GuavaFruit ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างวันเดอร์ฟรุ๊ตและ GuavaPass ฝึกโยคะสไตล์ต่างๆ กับครูสอนจากนานาประเทศ ฝึกสมาธิ เต้นรำ ผ่อนคลายกายและใจ และหากคุณมากับครอบครัว ลองแวะเวียนไปที่ Camp Wonder แล้วคุณจะได้พบกับกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมายไม่รู้เบื่อ
วันเดอร์ฟรุ๊ตยังให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัย โดยเน้นให้อยู่บนหลักของความยั่งยืน ที่นี่ เหล่าวันเดอเรอร์ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดแต่จะได้รับสายรัดข้อมือระบบ RFID จากการสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ ที่ช่วยให้การชำระค่าอาหาร เครื่องดื่ม บริการและกิจกรรมต่างๆ ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระเป๋าสตางค์ ผู้ร่วมงานสามารถเติมเงินในสายรัดข้อมือได้ที่จุดเติมเงินภายในงาน
วันเดอร์ฟรุ๊ตจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ นี้ ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา บัตรเข้างานสำหรับ 4 วันจำหน่ายในราคา 5,500 บาท ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อบัตร การเดินทางและที่พักภายในงานได้ที่เว็บไซต์วันเดอร์ฟรุ๊ต
RECOMMENDED CONTENT
RANSOMED เล่าถึงผู้ชายสองคนมีสถานะและปูมหลังที่แตกต่างกัน นักการทูต มินจุน (นำแสดง ฮา จอง-อู (Ashfall, Along with the Gods) เป็นนักการทูตที่สูงส่งและประสบความสำเร็จ ขณะที่พันซู (นำแสดง จู จี-ฮุน (Along with the Gods) เป็นคนท่าทางลึกลับ ดูไม่น่าไว้วางใจ การพบกันของ นักการทูตชั้นสูงและโชเฟอร์ที่แฝงลับลมคมใน