“เพราะทุกวันเราตื่นมาพร้อมที่จะขายเครื่องเขียน แม้มีขี้เกียจบ้าง แต่ไม่เคยมีวันไหนเลยที่รู้สึกว่าไม่อยากมาทำงาน นี่คืองานของเรา อย่างธุรกิจก็ไม่ได้มีเพียงครอบครัวเท่านั้น ยังมีตัวเรา ทีมและพนักงานทุกคน ทั้งหมดนี้คือธุรกิจครอบครัวที่แท้จริง”
ธุรกิจครอบครัวในแบบที่คุณฮั้ว กอบกิจเจริญ ผู้ช่วยผู้บริหารแบรนด์เครื่องเขียน Standard กำลังอธิบายคงทำให้ใครหลายคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าประโยคที่ถ่ายทอดผ่านสายตามุ่งมั่นและรอยยิ้มสดใสนั้น จะทำให้แบรนด์ที่ถูกสร้างมาจากรุ่นพ่อแม่กว่า 30 ปี สามารถก้าวต่อไปอย่างภาคภูมิในทิศทางไหน วันนี้ dooddot เลยอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจและได้เรียนรู้แง่คิดดี ๆ จากผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Standard
คุณฮั้วเล่าย้อนความให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นกว่าจะเป็นแบรนด์ Standard ที่หลายคนคุ้นเคย เพราะรู้จักมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ กับยางลบก้อนสีขาวห่อกระดาษแก้วสีเหลือง จากเดิมที่เป็นธุรกิจของพ่อแม่ เริ่มมาจากร้านเครื่องเขียนไม่ใหญ่มาก และตอนนั้นตลาดเครื่องเขียนส่วนใหญ่ก็มีแต่แบรนด์ต่างประเทศ จึงอยากมีเครื่องเขียนที่ทำเองแบรนด์คนไทย ขายในราคาที่คนไทยจับต้องได้ เข้าถึงง่าย หลังจากนั้นแบรนด์ Standard ก็เกิดขึ้น
กว่าจะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งต้องต่อสู้กับปัญหาอย่างไร
เนื่องจากเครื่องเขียนเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูง เพราะเป็น low involvement product หรือ สินค้าที่ไม่ต้องใช้การตัดสินใจสูง ใช้เวลาคิดไม่นาน ซึ่งประเภทสินค้าจัดในกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และด้วยความที่แต่ละแบรนด์มีเครื่องเขียนหลากหลายมากเป็นของตัวเอง หากลูกค้าจะไปซื้อยางลบแล้วยี่ห้อที่ตั้งใจไปซื้อหมด ลูกค้าก็สามารถซื้อยี่ห้ออื่นแทนได้ทันที นี่จึงถือเป็นความยากที่จะทำอย่างไรให้ยังคงเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือกและอยู่ในท้องตลาดได้ตลอด โดยคุณฮั้วยังบอกอีกว่า รุ่นพ่อแม่ที่เริ่มมาจากศูนย์ว่ายากแล้ว พอมารุ่นลูกอย่างคุณฮั้ว การรักษามาตรฐานก็ยากไม่แพ้กัน
ชูจุดเด่นด้านมาตรฐานและราคาจนเป็นที่ยอมรับ
Standard คือ มาตรฐาน นั่นก็แปลว่า สิ่งที่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “อยากเห็นคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงานที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้ใช้” ดังนั้นสินค้าแต่ละชิ้นจึงทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั้งอุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน และอุปกรณ์กีฬา
“แนวคิดที่บอกไปเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนาสินค้าทั้งหมด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่าจะขายอะไร ไปจนถึงการดึงจุดเด่นของตัวเองออกมา การที่เราอยู่ในธุรกิจตรงนี้มานาน ก็พอจะมองเห็นว่าสินค้าตัวไหนที่ยังพอมีช่องว่างของตลาดอยู่ สินค้าไหนที่ยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคและเราสามารถนำมาพัฒนาต่อให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ ทำออกมาให้ถูกใจในราคาที่ถูกลง สร้างการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น”
ภาพลักษณ์ของ Standard ตลอด 30ปีจนถึงวันนี้
เรียกว่าจากจุดเด่นก็กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้เป็นที่รู้จัก และกว่าจะรู้ตัวอีกทีแบรนด์ Standard ก็เข้ามาอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนเรียบร้อยแล้ว คุณฮั้วเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีอยู่แล้วชัดเจนขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบ
“เพราะเรามีการพัฒนาตลอด เพื่อให้แบรนด์ดูมีความสดใหม่ทันสมัยอยู่เสมอ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ก็ทำการ rebranding โดยปรับโลโก้รูปดอกบ๊วย อันเป็นสัญลักษณ์ หมายถึงความอ่อนเยาว์และสดใส จากรูปแบบเดิมให้ตัวโลโก้ดูโมเดิร์นมากขึ้น พร้อมคงความเป็นไทยมากขึ้น สร้างเอกลักษณ์ให้ตราสินค้า (Brand Identity) ด้วยการเพิ่มธีมสีของแบรนด์อย่างสีน้ำเงินและเหลือง รวมถึงมีการ repackaging สินค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำได้ง่าย อีกอย่างเราคิดเสมอว่าใครๆ ก็อยากใช้ของที่ดูใหม่”
ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างความเข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด ก็คือการเจาะกลุ่มเด็กๆ และโรงเรียน ร่วมถึงการจัดอีเวนต์ และเพิ่มช่องทางการติดตามและซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย จึงไม่แปลกใจหากเรายังคุ้นเคยกับแบรนด์นี้อยู่เสมอ
การปรับตัวเมื่อต้องเข้ามาบริการกิจการต่อจากรุ่นพ่อแม่
“เริ่มเข้ามาบริหารตั้งแต่เรียนจบก็ประมาณ 12 ปีแล้ว ช่วงแรก ๆ ก็มีการปรับตัวเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ส่วนตัวฮั้วเองรู้สึกว่าเราโชคดีที่ได้มาทำงานตั้งแต่เด็ก ทั้งคิดเงินและช่วยหยิบจับของ แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่กลับเป็นสิ่งที่ได้ซึมซับบรรยากาศการทำงาน แนวคิด และทัศนคติ จึงเกิดความรักในการขายเครื่องเขียน พอได้มาทำงานเต็มตัวก็รู้สึกว่านี่คือที่ของเรา ก็เหมือนได้มาเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ไปด้วยกัน ได้นำแนวคิดดีๆ ของคนรุ่นเก่ามาปรับใช้ เนื่องจากไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเปลี่ยนทั้งหมด เพียงเสริมและเข้ามาสานต่อพัฒนาให้ดีขึ้น”
เคล็ด(ไม่)ลับ ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจให้อยู่ยาวนาน
หากต้องให้มาไล่เรียงถึงรายละเอียดทั้งหมดคงใช้เวลานาน คุณฮั้วจึงอธิบายสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ว่าต้องประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน หลักๆ คือต้องตั้งใจจริง ซึ่งเคล็ดลับความสำเร็จอีกส่วนหนึ่ง คือความซื่อสัตย์และจริงใจ เพราะเห็นตัวอย่างที่ดีจากสิ่งที่พ่อแม่ทำ รวมถึงเธอเองเติบโตมาแบบลูกพ่อค้าคนจีนจึงเห็นพ่อแม่ทำงานด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน ซึ่งถือเป็นหลักการในการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง จนถึงวันนี้ลูกค้าก็ยังประทับใจ จนเรียกได้ว่าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับลูกค้าไปแล้ว
รูปแบบการขายที่ต้องปรับเปลี่ยนไป
การขายแบบ Traditional หรือเน้นขายหน้าร้านเป็นหลัก คือขั้นตอนแรกที่แบรนด์ Standard ทำบวกกับการขายผ่านตัวแทน(เซล) จนพัฒนาให้สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ ซึ่งก็เพิ่งมานิยมใน 3-4 ปีให้หลังมานี้ เพราะมียอดสั่งซื้อออนไลน์มากขึ้น และตอนนี้แม้จะมีผู้สั่งซื้อแบบออนไลน์เสมอ แต่ก็ต้องพัฒนาให้เข้าถึงสะดวกมากขึ้น
ก้าวต่อไปของ Standard
ดังนั้น สิ่งที่คุณฮั้วตั้งเป้าหมายไว้จึงอยากทำให้แบรนด์ Standard เป็นเครื่องเขียนที่คนไทยทุกคนรู้จัก รวมถึงอาจเป็นที่รู้จักไปยังต่างประเทศนั่นเอง คราวนี้เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าในอนาคตจะได้เห็นแบรนด์นี้โลดแล่นในต่างประเทศได้อย่างไร แต่สิ่งที่รับประกับชัวร์ๆ คือในอนาคตอันใกล้ทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าของแหล่งช้อปเครื่องเขียนแห่งใหม่ ในชื่อ “Union Plus Stationery” ของบริษัท ยูเนี่ยนพลัสมอลล์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ Standard ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม พร้อมเปิดให้บริการในเดือนหน้านี้ ด้วยรูปแบบการซื้อที่ง่ายและสะดวกขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ความน่าสนใจก็ไม่ได้มีเฉพาะแบรนด์เครื่องเขียนจาก Standard เท่านั้น แต่กลับมีแบรนด์อื่นๆมาร่วมมากมาย จึงเปลี่ยนประสบการณ์การซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนแบบเดิมไปเลย จากเคยซื้อแต่แพ็คใหญ่ สั่งเยอะ ก็สามารถซื้อแพ็คเล็กเลือกเองได้
ทั้งหมดนี้หากไม่ได้มาจากความตั้งใจที่จะสานต่อธุรกิจครอบครัวอย่างจริงจัง คงไม่ทำให้เป็นที่ยอมรับจนถึงตอนนี้ และเราเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนหากเข้าใจและมีใจรักในสิ่งที่ทำก็สามารถประสบความสำเร็จยาวนานแบบ standard ได้ไม่ยาก
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ยังคงเดินหน้าทำผลงานเพลงใหม่ ๆ ให้แฟน ๆ ฟังไม่ขาดสาย สำหรับศิลปินมากความสามารถอย่าง “เป้ อารักษ์” (Pae Arak) หรือ “เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) หลังจากปล่อย 2 เพลงโดนใจจาก EP Album ชุดใหม่ล่าสุด