ช่วงนี้คงเห็นแต่ละแบรนด์แข่งกันทำกล้องรุ่นใหม่ๆออกมากันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นกล้องสาย Professional ที่มีคุณสมบัติเต็มสูบ หรือจะเป็นกล้องรุ่นสำหรับนักศึกษาราคาย่อมเยาว์ลงมาหน่อย รวมไปถึงพวกกล้องเล็กๆอย่างพวก Mirrorless และ Compact ทั้งหลาย วันนี้ถึงคิวของสุดยอดแบรนด์กล้องถ่ายรูปที่ไม่เคยมีใครล้มแชมป์ความเป็นที่หนึ่ง ความเป็นตำนานทุกยุคทุกสมัยกับแบรนด์สัญชาติเยอรมันที่มีชื่อว่า “Leica”
Leica เป็นแบรนด์กล้องถ่ายรูปที่เรียกได้ว่าอยู่มาหลายชั่วอายุคนมากๆ กับการที่เป็นกล้องยี่ห้อแรกที่ทำออกมาเป็น Rangefinder กล้องที่มีเลนส์คุณภาพดีและมีขนาดกะทัดรัด ย้อนไปกลางศตวรรษที่ 20 สมัยนั้นถ้าไม่ใช่ Leica คำว่ากล้องถ่ายรูปคุณภาพสำหรับใช้งานจริงที่คนยุคนั้นรู้จักกันก็คือกล้อง “Large Format” กล้องที่ใช้ขาตั้งตลอดเวลาและต้องคลุมผ้าก่อนถ่าย แบบที่เราเคยเห็นในพวกสตูดิโอถ่ายรูปสมัยก่อน เวลาแบกไปไหนมาไหนเท่ากับเหมือนเดินแบกคนเลยทีเดียว การมาถึงของ Leica ถือว่าเป็นการปฎิวัติวงการถ่ายรูปไปอย่างสิ้นเชิง เกิดการใช้กล้องแบบนี้กันอย่างแพร่หลาย ในแง่การถ่ายภาพข่าว Photojournalist เพราะไม่จำเป็นต้องตั้งขาตั้งให้เสียเวลา สามารถจับภาพสำคัญๆของประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องมือประจำตัวที่เหล่าช่างภาพทุกคนต่างก็หลงรักและใฝ่ฝันอยากมีไว้ครอบครอง เอาล่ะ… ก่อนที่จะนอกเรื่องกันไปไกลกว่านี้้ เรากลับมาที่โลกยุคปัจจุบันกันต่อดีกว่า…
ล่าสุด Leica ออกกล้องรุ่นใหม่มาเพื่อหวังตีตลาดเขาบ้างเหมือนกัน กับกล้องดิจิตอล Compact ของ Leica ที่มีชื่อรุ่นว่า “Leica “C” type 112” กล้องรุ่นแรกสำหรับไลน์การผลิตตัวอักษรย่อ “C” ของแบรนด์ มาพร้อมกับเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.7 นิ้ว ความละเอียด 12.1 megapixels และมีน้ำหนักที่นับแบบรวมแบตเตอรี่แล้วประมาณ 195 กรัม ตามสไตล์ของไลก้าที่ทุกรุ่นต้องออกมาสองสีสีเงินและสีดำสุดคลาสสิค กับรุ่นนี้ก็เช่นกันเพียงแต่เป็นสี Champagne (สีครีมอ่อนๆ) และสี Bordeaux (แดงเลือดหมูเข้ม) พร้อมกับเคสหนังที่ดูหรูหราและน่าใช้สมกับเป็นกล้องของ Leica จริงๆ พวกดีไซน์ภายนอกที่เราพูดๆกันมานี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ AUDI (แบรนด์รถชื่อดังจากเยอรมันเหมือนกัน) ที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยออกแบบรูปลักษณ์สินค้าใหม่ๆให้กับ Leica สิ่งที่ทำให้ “Leica C” พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆก็คือ มันเป็นรุ่นแรกที่ใส่เทคโนโลยี WI-FI และระบบคลื่น NFC ระบบสัญญาณที่เอาไว้ใช้เชื่อมต่อกับ Smartphone ทั้งหลาย มีช่องมอง Viewfinder เป็นจอ LCD ที่สามารถอัดวิดีโอในระดับ Full-HD และถ้าพูดถึง Leica เราจะลืมพูดถึงพระเอกของเขาไปไม่ได้นั่นคือ “เลนส์” เลนส์ที่ให้มาครั้งนี้เป็นLeica DC Vario-Summicron 6-42.8mm f/2-5.9 เลนส์ติดกล้องสามารถซูมได้ x7 optical zoom ให้ภาพที่คมชัดไว้ใจได้ในทุกๆสภาพแสง จากคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ ผลงานชิ้นนี้ของ Leica ถือเป็นกล้อง Point and Shoot ที่อยู่ในระดับ High-end จริงๆ
พูดถึงเรื่องราคา…สำหรับ “Leica C type 112” จะวางขายช่วงกลางเดือนตุลาคม ราคาอยู่ที่ $699 เป็นเงินไทยก็ประมาณ 22,000 บาท ถ้าเทียบกับ Compact High-End ด้วยกันก็ถือว่าไม่ได้แพงมาก (ไม่เหมือน Leica รุ่นอื่นๆ) ใครที่อยากได้กล้องเล็กๆ เอาไว้พกพาไปไหนมาไหนง่ายๆ ที่การันตีคุณภาพคับเครื่องระดับ Leica ก็เตรียมเก็บเงินรอไว้ได้เลย
RECOMMENDED CONTENT
กุชชี่นี่มันกุชชี่จริงๆ! ล่าสุด Gucci ได้กลับมาพร้อมกับแคมเปญ Gucci Gift Giving Collection ต้อนรับบรรยากาศ Festive ช่วงปลายปีแบบนี้ โดยปีนี้ มาในธีม 'Gucci Holiday Office Party' ที่จำลองออฟฟิศยุค 80s ในช่วงก่อนเวันหยุดยาวที่เหล่าพนักงานพร้อมสำหรับปาร์ตี้แสนคึกคัก ซึ่งไอเดียเก๋ๆ ของ Gucci ยุค 4.0 อย่างนี้ ไม่บอกก็คงพอเดากันได้ว่ามาจากใคร ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ อเล็ซซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) คนดีคนเดิมนั่นเอง