ช่วงปลายปีตั้งแต่ราวสิงหาคมเป็นต้นไป ไม่ใช่แค่เป็นช่วงฤดูฝนเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นฤดูกาลแห่งการทัวร์คอนเสิร์ตของเหล่าศิลปินจากฝั่งอเมริกาและฝั่งยุโรปที่ต่างแวะเวียนมา asia tour กัน อย่างของบ้านเรา ก็มีศิลปินจำนวนมากมาทัวร์คอนเสิร์ตกัน เรียกได้ว่าทุกอาทิตย์ก็ย่อมได้ จนเล่นเอากระเป๋าเงินเราแบนแฟนก็จะทิ้ง คนไทยจำนวนมากเลยเริ่มมองหาเทศกาลดนตรีในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงแทน เหตุผลก็เพราะไลน์อัพที่เหมือนรวมหลายๆ วงที่อยากดูเอาไว้ด้วยกัน รวมถึงราคาค่าตั๋วที่แม้ว่าจะรวมกับค่าที่เดินทางและค่าที่พักแล้ว ก็ยังถือว่าถูกกว่าการดูไลฟ์ในเมืองไทยอยู่ดี
Good Vibes Festival ก็เป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่คนไทยเลือกที่จะเดินทางมากัน ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซียนั้นแสนถูก บวกค่าที่พักไม่แพงมากของ Genting Highlands ค่ากินค่าดื่มก็นับว่าพอรับไหว จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะได้พบกับคนไทยเจื้อยแจ้วกันเต็มงาน
_________
Good Vibes Festival จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 ซึ่งในปีแรกนั้น เทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดของมาเลเซียนี้จัดขึ้นเพียงแค่วันเดียว เช่นกันกับปี 2014 ที่จัดวันเดียวเช่นกัน โดยมีไฮไลท์คือ Ellie Goulding และ Empire of the Sun และก็หายไปหนึ่งปีก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2016
Good Vibes Festival ย้ายสถานที่จัดออกมานอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาจัดที่ The Ranch @ Genting Highlands โดยมีไลน์อัพพีคๆ อย่าง The 1975, Two Door Cinema Club, The Temper Trap, Mark Ronson และ Disclosure ซึ่งก็ถือว่าเป็นปีแจ้งเกิดให้ Good Vibes Festival เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเอเชีย ในฐานะเทศกาลดนตรีที่อากาศและโลเคชั่นดีที่สุดเทศกาลหนึ่งของเอเชีย ไม่แพ้ Laneway Festival ของสิงคโปร์เลยทีเดียว
สำหรับปีนี้ Good Vibes Festival 2017 กลับมาอีกครั้ง และ Dooddot ก็ได้มีโอกาสไปสำรวจงานมาให้ทุกคนได้ชมภาพบรรยากาศ พร้อมรีวิวการแสดงสดของไลน์อัพแสนพีคประจำปีนี้อย่างคร่าวๆ ไม่แน่ว่า ปีหน้า Good Vibes Festival ประกาศไลน์อัพเมื่อไหร่ จะได้รีบซื้อบัตรกันเร็วไว้ไม่ต้องชะล่าใจ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่บัตร Sold Out ซึ่งแปลว่าแนวโน้มที่ปีต่อไปคนจะมาเทศกาลนี้กันมากขึ้นย่อมเป็นไปได้มากแน่นอน
_________
From KLIA to Genting Highlands — ★★★★☆
การเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ไปยัง Genting Highlands นั้นแสนสะดวกสบาย ใครใคร่เหมาแท็กซี่ก็เหมาได้ ตกราคาคนละราว 500 บาทไทยบวกลบไม่เกิน 150 บาท หรือสามารถมองหาบูธจองตั๋วรถบัสของ Genting Highlands เลยก็ย่อมได้ ซึ่งราคาถูกกว่ามาก อยู่ที่ประมาณคนละ 120-150 บาทไทย นั่งๆ นอนๆ ไม่ทันไร ผ่านทางด่วนรถวิ่งฉลุยการจราจรของรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ไม่ค่อยติดขัด สักพักรถก็พามาถึง Genting ซึ่งที่พักของเราในทริปนี้คือ First World Hotel นั่นเอง
First World Hotel — ★★★☆☆
โรงแรมขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่บนยอดของ Genting Highlands ซึ่งว่ากันว่าที่นี่มีห้องพักมากที่สุดในโลก ระบบการเช็คอินของที่นี่นับว่าสนุกและสะดวก (ถ้ารู้ขั้นตอนดีพอ) เพียงแค่ไปที่ตู้เช็คอิน กรอกข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อย รับคีย์การ์ด แต่วันที่ไปสำหรับคนที่จองที่พักควบกับตั๋วเทศกาลอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย จากนั้นก็ขึ้นห้องเตรียมตัวนั่งกระเช้าลงมาที่งานได้เลย
Genting Skyway — ★★★☆☆
เดินวนอย่างงงๆ ในอาณาบริเวณของ Genting Highlands เนื่องจากปีนี้มีห้างเปิดใหม่ชื่อ SkyAvenue และที่กำลังจะเปิดอย่างสวนสนุก 20th Century Fox World จนมาถึงกระเช้าลอยฟ้า Genting Skyway ซึ่งปีนี้พิเศษตรงที่การเป็นกระเช้า Official ของงานที่เฉพาะคนที่มีบัตร Good Vibes Festival 2017 เท่านั้นถึงจะขึ้นได้ นักท่องเที่ยวทั่วไปและทัวร์จีนก็ไปขึ้น Awana Skyway ซึ่งเป็นกระเช้าสร้างใหม่แทน การนั่งกระเช้าลงมาจากยอดเขาที่เต็มไปด้วยหมอกฝนนั้นนับว่าน่าตื่นเต้นที่สุดแล้ว บรรยากาศสองข้างทางคือธรรมชาติล้วนๆ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงดังจากในงาน อดใจรอไม่ไหวที่จะได้เข้างานแล้ว!
__________
Good Vibes Festival 2017 / Day 1 — ★★★★☆
ปีที่แล้วเราได้มีโอกาสมาสัมผัสงานในสถานที่เดิม สิ่งแรกที่พบว่าเปลี่ยนไปมากเลยก็คือการจัดโซนที่มีการขยายพื้นที่มากขึ้น เวทีหลักสีแดงและสีน้ำเงินยังคงแบ่งซ้ายขวาเหมือนเดิม เพื่อให้ความสนุกต่อเนื่องและไม่ต้องรอวงดนตรีเซ็ทอัพนาน / โซน Star Club ของเบียร์ Heineken ยังคงยกพื้นสูงตั้งอยู่กลางงานเหมือนเดิม แต่ปีนี้ดีงามขึ้นด้วยการเพิ่มพื้นที่ด้านหน้าเป็นโซนที่นั่งเล่น เต้น และจิบเบียร์ไปด้วยได้ พร้อมกับจอ LED จอใหญ่ให้เห็นเวทีระยะใกล้ ส่วนสายเต้นก็สามารถไปด้านหลังคลับซึ่งมีดีเจมือฉมังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ได้แดนซ์ยับกันอย่างเสรี / โซน Electric Field ที่ปีก่อนเป็นซุ้มเล็กๆ แต่คนมุงเยอะมาก ปีนี้ขยายใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยไลน์อัพดีเจตัวพีคๆ ของมาเลเซียหลายคน / ส่วนการจัดการเรื่องอาหารทำได้ยอดเยี่ยมกว่าปีที่แล้ว บูธอาหารมีมากขึ้น ราคาถูกลง โซนห้องน้ำก็เป็นสัดส่วนมากขึ้น เช่นกันกับบูธสปอนเซอร์ที่อยู่รอบข้าง ก็เต็มไปด้วยกิจกรรมสนุกๆ มากมายให้ทำระหว่างรอดูวงที่โปรดปราน
Shura — ★★★★☆
ขอรีวิวเฉพาะวงที่เราได้ดูละกัน เริ่มต้นที่ 18.00 ก็ได้เวลาของศิลปินหญิงแนว Pop/R&B จากลอนดอนที่เราหลงรักเสียงของเธอมากอย่าง Shura ได้ข่าวว่าตอนที่มาไทยเธอขึ้นเวทีเลทไปราวชั่วโมง แต่กับที่ GVF นี้เธอมาตรงเวลามาก พอเราเข้างานมาปุ๊บ เธอก็ขึ้นเลย ถึงขั้นต้องวิ่งไปดู Shura ที่มาแบบ full-band พร้อมด้วยหน้าตาที่แก่ขึ้นเยอะจากช่วงแรกๆ ที่เธอยังเป็นสาวสมบูรณ์อยู่ ส่วนการเล่นสดของเธอก็ถือว่าทำได้ดี คุณภาพเสียงไม่แย่เลย ส่วนผู้คนก็โยกย้ายไปกับเพลงของเธอได้ไม่ยาก อาจด้วยเพราะยังไม่ค่ำมากด้วย
Dua Lipa — ★★★★☆
นักร้องสาย Pop/Electro จากฝั่งอังกฤษ ที่ไม่ใช่รูปปากของเธอที่โดดเด่น แต่สไตล์การแต่งตัวบวกด้วยเสียงร้องแบนๆ เท่ๆ ก็ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินที่น่าจับตามองมากๆ ประจำปีนี้ เธอปรากฏตัวบนเวที GVF ด้วยจ็อกเกอร์สีน้ำเงิน sneaker สีขาว และเสื้อกล้ามสีขาว เกล้ามวยผมให้ลุคดูสปอร์ต เวลาเธอเดินไปเดินมาบนเวทีก็เรียกได้ว่าเสน่ห์มาเต็มๆ และความเป็น entertainer ของเธอก็ทำให้ทุกคนสนุก โดยเฉพาะเพลง Blow Your Mind (Mwah) กับ Scare To Be Lonely รวมถึงการทำให้คนทั้งงานส่ายสะโพกกันมันสุดๆ กับซิงเกิ้ลใหม่ของเธออย่าง New Rules ซึ่งทั้งหมดนี้ นับว่าไม่เสียแรงเลยที่รอดูเธอ
The Kooks — ★★★★☆
วง Brit-Rock ยุคมิลเลี่ยนแนร์ที่หลายๆ คนอยากดูวงนี้เล่นสดอย่างยิ่ง แถมโอกาสที่จะได้ดูวงนี้เล่นสดถือว่ายากมาก The Kooks เลยกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ GVF ที่ทำให้คนอยากมากัน ซึ่งเหตุผลที่ทุกคนอยากดูสดกัน ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเพราะไลน์เบสและกีตาร์ รวมถึงเนื้อร้องของเพลงที่สามารถร้องตามได้ไม่ยาก รวมถึงการเล่นสนุกกับคนดูผ่านการใส่เทคนิคต่างๆ นับไม่ถ้วน การดู The Kooks ที่ GVF จึงสนุกมากๆ โดยเพราะเพลงประเภทคึกคักๆ ร่าเริงๆ เช่น Naive กับเพลง She Moved In Her Own Way ส่วนที่พีคมากต้องยกให้การที่ทุกคนงานพร้อมใจกันร้อง ‘โฮ่โอวโววโอ๊ะ’ และปรบมือพร้อมกันในเพลง Bad Habit รวมถึงการบิ้วความสนุกให้แผ่ไปทั้งงานในเพลง Junk Of The Heart (Happy) เห็นหลายคู่ถึงขั้นจับมือเต้นรำอย่างสนุกสนาน นี่แหละความ happy ที่แท้จริง
__________
Good Vibes Festival 2017 / Day 2 — ★★★★★
หลังจากที่วันแรก สภาพพื้นผิวของงานนั้นเปียกแฉะ และมีโคลนเดินไม่สะดวกตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งงาน แต่หลายคนก็ไม่เกรงกลัว ยอมรองเท้าเลอะและพังกันเป็นแถว (หลายคนยอมสละรองเท้าคู่เก่า เพราะ shop ของ adidas ที่ SkyAvenue ราคาถูกกว่าไทยมาก!) วันที่สองผู้คนเลยเริ่มรู้ว่าควรจะแต่งตัวกันยังไง เสื้อกันฝนและรองเท้าบูธเตรียมพร้อม บรรยากาศช่วงบ่ายดูแห้งและไม่น่ามีฝน แต่จนได้ ช่วงดึกฝนตกลงมาห่าใหญ่ เสริมสร้างให้บรรยากาศ music festival นี้เป็นที่น่าจดจำไปอีกนาน
Snakehips — ★★★★★
ไม่น่าเชื่อว่าคู่หูดูโอ้โปรดิวเซอร์จากฝั่งอังกฤษจะทำเพลงออกมาได้ฮิตติดลมบนเยอะมาก แต่ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้น คือตลอดช่วงที่เราดูสดที่ GVF เราพวกว่าพวกสามารถ continue ดนตรีออกมาได้ดีมาก! ความสนุกเลยต่อเนื่อง ผู้คนโยกย้ายกันทั้งงาน แถมต่างจัดเต็มกับท่าทาง โดยเฉพาะสาวๆ ที่พร้อมใจกันโยกย้ายส่ายสะโพก แม้แต่น้องๆ ในชุดฮิญาปก็ยังต้องเต้นตาม เอาเป็นว่าถ้าคุณเพิ่งได้ยินชื่อพวกเขาเป็นครั้งแรก ลองฟังเพลง Don’t Leave (feat. MØ) ดู แล้วจะพบว่า ดนตรีจากคู่หูคู่นี้ไม่ธรรมดาเลย
LANY — ★★★★★
ถ้า GVF ปีที่แล้ว มีไฮไลต์คือวงหน้าใหม่อย่าง The 1975 สำหรับปีนี้ วงหน้าใหม่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ก็คือ LANY วงดรีมป็อบจาก LA ผู้นี้นี่เอง ความโด่งดังจากเพลง ILYSB ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไลน์อัพของ GVF ปีนี้น่ามาโดนเอามากๆ บรรยากาศของงานที่เริ่มเข้าสู่ไลน์อัพสามวงสุดท้าย หนาแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก วงนี้มาแบบเรียบง่าย ขึ้นจอชื่อวง แล้วไปให้แสงสีและเสียงดนตรีที่แน่นหนึบบรรเลง คลอไปกับฝนที่ตกปรอยๆ เสริมส่งให้บรรยากาศของเทศกาลเป็นที่ฟินไปตามๆ กัน สำหรับเรา พีคสุดของการแสดงวงนี้คือเพลง The Breakup ด้วยความที่ไลน์เพลงทำออกมาได้ดีงามอยู่แล้ว บวกกับคุณภาพเครื่องเสียงของงาน ทำให้เพลงนี้ฟินได้ไม่ยากเลย
Kodaline — ★★★★★★
ดีงามจนเราต้องให้ 6 ดาวกันไปเลย พวกเขาคือที่สุดของไอร์แลนด์ แจ้งเกิดจากเพลงช้าอย่าง All I Want และแฟนเพลงชาวไทยต่างรีเควสให้พวกเขามาเปิดการแสดงสดที่บ้านเราสักที สิ่งที่ดีที่สุดในไลฟ์ของ Kodaline คือการที่ฝนที่ตกลงมาอย่างเต็มที่เต็มบริเวณงาน แฟนเพลงที่ไม่ยอมล่าถอย ส่วนเรื่องคุณภาพการเล่นสดแทบไม่ต้องหาข้อติเตียนใดๆ เพราะ Kodaline ทำออกมาได้สมราคาคุย เอาคนดูอยู่ได้ทุกเพลง เรารักโมเม้นต์ที่ทุกคนโห่ร้องตามทำนองท้ายเพลง All I Want รักตอนที่ทุกคนเสียน้ำตาให้กับเพลง High Hope และที่สุดของงานกันไปเลย กับการที่คู่รักชาวมาเลเซียขอแทรกกลางระหว่าง The One เพื่อขอแต่งงาน! ขอแต่งงานกันเสร็จ Kodaline ก็ร้องจบให้ว่า “You make my whole world feel so right when it’s wrong. That’s how I know you are the one” ร้องไห้กันไปเลย
Phoenix — ★★★★★★
ถือว่า GVF เลือกวงไม่ผิดที่ให้เป็นวงปิดของเทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดของมาเลเซียนี้ และเชื่อว่าวงดนตรีจากฝรั่งเศสวงนี้คือเหตุผลที่ทำให้บัตรทั้ง 16,000 ใบขายหมด Pheonix สำหรับเราแล้ว นอกจากเพลงที่เราร้องได้ติดปากอย่าง Lisztomania, Rome และ 1901 เพลงอื่นๆ ของพวกเขา ถึงแม้ว่าเราอาจจะมีร้องตามไม่ได้ แต่พวกเขาก็เต็มที่ และให้เราเกินร้อยในทุกๆ เพลง Phoenix เก๋ามาตั้งแต่ปี 2000 จนตอนนี้ก็ใกล้ 20 ปีบนเส้นทางดนตรีของพวกเค้า ถือว่ายังเก๋าเกม และทำให้เหล่าเราสนุกจนลืมไปว่าฝนเพิ่งตกหนักไปหมาดๆ โชคดีที่ช่วงที่ Phoenix ขึ้นนั้นฝนซาลงมากแล้ว ทิ้งไว้แต่ปลักโคลนให้ทุกคนได้แดนซ์ยับย่ำยวบยาบและเต้นประหนึ่งไปงานกลาสตั้นเบอร์รี่ ก่อนจะจบด้วยการที่ Thomas Mars นักร้องนำเอาใจแฟนคลับด้วยการกระโดดเล่นบอดี้เวฟ ที่ได้ข่าวเมืองไทยก็ทำเหมือนกัน เป็นการจบเทศกาลอย่างสมบูรณ์
__________
อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่า Good Vibes Music Festival ถือว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดในมาเลเซียจริงๆ แถมบัตรค่าเข้าสองวันราคา early-bird อยู่ที่ราวๆ 2,600 บาทรวมภาษีเท่านั้นเอง (300 MYR ส่วนบัตรเฟสสุดท้ายก่อนหมดอยู่ที่ 400 MYR ราว 3,300 บาทรวมภาษี)
สำหรับงาน Good Vibes Music Festival ในปีนี้ เราถือว่าจัดการดีขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ เหมือนเอาข้อเสียต่างๆ มาปรับปรุง และเพิ่มเติมประสบการณ์เทศกาลดนตรีแสนสนุกให้กับทุกคน เชื่อว่านี่คือเทศกาลดนตรีที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศ เพราะเราเห็นชาวต่างชาติเดินงานกันให้ว่อน โดยเฉพาะคนไทย ที่เราได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วภาษาไทยกันเกือบตลอดเวลาที่อยู่ในงาน ไม่เว้นแม้แต่ตอนจบงานที่เราถูกชวนให้รวมกลุ่มปาร์ตี้กันต่อใน ‘ไทยทาวน์’ ที่กลุ่มคนไทยตั้งกันขึ้นมาขำๆ แต่ก็ทำให้เรารู้ว่า ไทยนี้รักสนุกกันจริงๆ
ถ้าถามว่าปีหน้ามามั้ย เราตอบได้ทันทีว่ามาแน่ แม้ว่าปีนี้จะมีฝน รองเท้าพังไปเพราะย่ำโคลน เสื้อผ้าต้องทิ้งไปหนึ่งชุด แต่ถ้าต้องแลกมาด้วยประสบการณ์เทศกาลดนตรีสุดประทับใจและสุดพีคแบบนี้ เราถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาบัตรมากเลยจริงๆ
เจอกันปีหน้า! Good Vibes Festival 2018!!!
__________
Photos: Thananan W. / Prague P. / Pawarisa T. / Thiencharas W.
—
RECOMMENDED CONTENT
เมื่อสองศิลปินคุณภาพชื่อดังของสิงคโปร์ Gentle Bones และ Charlie Lim ได้มีโอกาสมาร่วมงานเพลงด้วยกันครั้งแรก