“อ้าว เป็นคนฝั่งธนฯ เหรอ”
เรามักจะได้ยินอะไรทำนองนี้ เมื่อใครถามถึงภูมิลำเนาเดิม ความเป็นคนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเกือบชานเมืองแม้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘คนเมี๊อง คนเมือง’ ได้เต็มปาก และถึงแม้จะไม่ได้มี ‘Urban ไลฟ์สตาววล์ (Lifestyle)’ เก๋ไก๋อะไรกับเขานักหนา แต่เราก็ยืดอกภูมิใจ คิด (เอาเอง) ว่าความเป็นชาว ‘ธนบุเรี่ยน’ ที่มีวิวรอบบ้านเป็นทุ่งกว้าง (แต่ไม่มียูนิคอร์นนะ!) มันก็เท่ดีไม่เหมือนใคร
ทุกครั้งที่ผ่านถนนบางขุนนนท์ แต่ไหนแต่ไร เราจำได้ว่าหลงรักบรรยากาศของถนนสายเก่าเส้นนี้ เหมือนเป็นภาพตัดของความวุ่นวายบนถนนสายหลักมาสู่ความเรื่อยๆ เอื่อยๆ อย่างที่เราจะเจอบรรยากาศอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อขับรถออกไปตามเมืองเล็กๆ ต่างจังหวัด
กิจการแบบ Stand Alone เก่าแก่ที่อยู่มานานยังมีให้เห็นอยู่ประปราย เช่น ร้านขายเครื่องเขียนแบบที่ในกรุงเทพฯ แทบไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว หรือโชว์ห่วยที่ขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องแบบนักเรียนยันหม้อไห ร้านขายนาฬิกา ร้านตัดแว่น ห้างขายยา (คือเป็นห้างจริงๆ ขนาด 2 ชั้นที่ขายยาอย่างเดียว) ความคัลต์คือเมื่อก่อนมีร้านเช่าดีวีดีที่ตอนนี้ปิดไปเรียบร้อยแล้ว ถึงร้านสะดวกซื้อและห้างเชนใหญ่จะขยันมาเปิดติดๆ กันในช่วงหลัง แต่ตลาดสดและโชว์ห่วยเหล่านี้ก็ยังยืนหยัดอยู่กันมาได้
2-3 ปีมานี้ ถนนบางขุนนนท์มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นพอให้คึกคัก คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ จนถึงโรงแรมบูทีกขนาดเล็ก เรา–ในฐานะคนบ้านใกล้เรือนเคียง เลยมีที่ให้เราแวะทำตัวสโลว์ไลฟ์มากขึ้น ไม่ต้องเหนื่อยเข้าเมืองไปไหนไกล
คาเฟ่เล็กๆ ชื่อ Hummingbird คือเพื่อนบ้านหน้าใหม่บนถนนสายเก่าเช่นกัน
เจ้าของร้านเองเคยใช้ชีวิตอยู่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมหลายปี จนกระทั่งย้ายมาเป็นชาวบางขุนนนท์เต็มตัวเกือบ 10 ปีแล้ว เขารู้สึกว่าแถวนี้ยังไม่ดูเป็นกรุงเทพฯ มากนัก การใช้ชีวิตของผู้คนคนยังสโลว์ ของกินเยอะ เดินทางไม่ยาก เข้าเมืองหรือออกเมืองก็ง่าย และหากเดินเล่นลัดเลาะไปเรื่อยๆ ตามซอกซอย คุณจะได้เจอกับวิถีชุมชนริมคลองบางกอกน้อย เรื่อยมาจนถึงชุมชนริมทางรถไฟ มีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่อาจไม่ได้ถูกปักหมุดอยู่บนแผนที่อย่างวัด หรือบ้านโบราณที่ยังไม่ถูกทิ้งร้าง หลงเหลือให้ดูอยู่บ้าง
เราเองก็รู้สึกเหมือนกำลังท่องเที่ยวเชิงนิเวศอยู่หน่อยๆ ขณะนั่งอยู่ในร้านที่ดูไม่เหมือนเป็นคาเฟ่เท่าไร แต่เหมือนพิพิธภัณฑ์มากกว่า เพราะมันเต็มไปด้วยข้าวของแอนทีกจากทุกมุมโลก สิริอายุรวมกันทั้งร้านน่าจะหมื่นปี หมื่นหมื่นปี (ทำเสียงแบบหนังจีน) เลยละมั้ง ตั้งแต่โต๊ะกลมที่เราหย่อนก้นลงนั่ง ยันเจ้านกสตาฟที่ยืนกางปีกมองเราตาเขม็งอยู่
เขาบอกว่าตัวเองเริ่มสะสมของชิ้นแรกตั้งแต่อายุ 20 ตามเก็บไอเท็มไปเรื่อยๆ จนตอนนี้บ้านแทบไม่มีทางเดิน และดูท่าว่าบรรดาข้าวของน่าจะลามไปอีกเรื่อยๆ จนถึงตึกแถว 2 ชั้นแห่งนี้ที่มีเพดานสูง 3 เมตรกว่า แสงแดดจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาจนแทบไม่ต้องพึ่งแสงไฟ แต่ถึงอย่างนั้นภายในร้านก็ยังเต็มไปด้วยโคมไฟวินเทจห้อยระย้าระโยงอยู่ทั่วผนังและเพดาน
ซึ่งพี่เจ้าของร้านก็สารภาพว่าตัวเองเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง เห็นโคมไฟเป็นไม่ได้ ต้องซื้อ แต่จะเอาที่มีอยู่มาแขวนไว้ในร้านหมดทุกอันก็เกรงใจ กลัวว่าจะรกเกินไป (อืม…)
“ยุคหนึ่งคนที่สะสมของเก่าจะไปรวมตัวกันอยู่ที่ตลาดกลางคืนแถวคลองถมทุกคืนวันเสาร์ และทุกคืนวันเสาร์ผมจะตั้งตารอ แต่พอเดี๋ยวนี้เขาจัดระเบียบ ร้านต่างๆ ก็ไม่มากันแล้ว สำหรับนักสะสม มันเหมือนชีวิตหายไปส่วนหนึ่งเลยนะ จริงๆ ช่วงหลังกะว่าจะเบาๆ ลงบ้าง แต่ก็ทำไมได้สักที ชักมีเยอะเกินแล้ว” เขายิ้มแหะๆ
“เคยเจอเรื่องลี้ลับบ้างมั้ย?” เหมือนเป็นคำถามคลาสสิก แต่เราก็อดอยากรู้ไม่ได้
“ไม่เคย อาจเพราะเป็นคนไม่ได้กลัวอยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ไหนๆ ถ้ามาจริงๆ ก็ช่วยกันทำมาหากินด้วยจะดีมาก”
นอกจากของสะสมเก่า ตึกที่สร้างพร้อมถนนบางขุนนนท์แห่งนี้ก็เก่าไม่น้อยไปกว่ากัน อายุอานามน่าจะประมาณ 40-45 ปีได้ โครงสร้างตึกติดกันทั้งแถว เนื่องจากสร้างพร้อมกัน จึงใช้คานรับน้ำหนักร่วมกันด้วย เขาซื้อมันต่อจากเจ้าของเก่าโดยพยายามไม่ทำลายโครงสร้างเดิม ของทุกชิ้นในร้านจึงเหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวในตัวของมันเองให้เราฟัง
และอาจเป็นความบังเอิญหรือไม่ก็ได้ เมื่อคนประเภทนี้ลงมือทำอะไร เขาจะถ่ายทอดความละเมียดละไมนั้นลงในทุกอย่าง ตั้งแต่ขนม น้ำชา หรือดอกไม้บนโต๊ะ
เข้าเดือนที่ 4 กิจการคาเฟ่นกร้องเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากลูกค้าหน้าใหม่กลายมาเป็นลูกค้าขาประจำ แวะมานั่งขลุกตัวอยู่ครั้งละนานๆ (เช่นเรา) ซึ่งตั้งตารอคอยอาหารกินง่ายที่จะหามาเสริมเร็วๆ นี้ อย่าง ไข่กระทะ สลัดโรล หรืออาหารจานเดียวอย่างข้าวคลุกกะปิ ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมูสับ อาจเป็นอะไรที่แถวนี้ยังไม่มีเจ้าไหนทำ
“บางคนบอกว่า อีกหน่อยบางขุนนท์จะเป็นทองหล่อฝั่งธนฯ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านว่า ขณะกำลังชงกาแฟจากไร่เชียงดาว
“แล้วพี่คิดยังไง?” เราถาม
ในฐานะคนที่เคยทำงานด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทุ่มเทเวลาให้กับการลงสำรวจชุมชนอยู่หลายปีอย่างเขา ย่อมอดกังวลไม่ได้
“แต่อาจเป็นการช่วยให้เกิด Marketing Share เหมือนกันนะ กิจการแถวนี้อาจพลอยคึกคักขึ้นตามไปด้วย มันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ ”
เรายักไหล่อย่างไม่มีความเห็น แต่ก็พอเข้าใจความหมายของเขา ใครจะไปรู้ ในอนาคตที่รถไฟฟ้าวิ่งปรู้ดปร้าดไปมา ย่านนี้คึกคักขึ้นคงไม่แปลก แม้คำว่า ‘ทองหล่อ’ ที่เขาว่า จะทำให้รู้สึกหวิวๆ ในใจอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาวันไหนบางขุนนนท์จะหน้าตาเปลี่ยนไปอีก
บ่ายวันนั้นเราจิบชากุหลาบหอมหวาน กินเค้กส้ม Upside Down ละเลียดเพลงแจ๊ซ นั่งดูแดด 5 โมงเย็นค่อยๆ อ่อนลง มองรถราผ่านไปมา
หากบนถนนสายเก่า นกยังฮัมเพลง
มันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้…
Hummingbird Café
ถนนบางขุนนนท์ ระหว่างซอยบางขุนนนท์ 8 และ ซอยบางขุนนนท์ 10 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันพฤหัสฯ) เวลา 9.00-8.00 น.
โทร. 081-302-0651
https://www.facebook.com/hummingbirdcafe.bkk/
Writer : Wednesday
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นศิลปินที่กำลังมาแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งคน สำหรับศิลปินเดี่ยว “Morvasu” หรือ “มอร์ - วสุพล เกรียงประภากิจ” นักร้องนำวงดนตรีอินดี้อย่าง “Ten To Twelve” สังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่กลับมาทำผลงานเพลงในโปรเจ็กต์เดี่ยวเป็นของตัวเองครั้งแรก