ผลงานภาพถ่ายชุด “FAMILY” คือการจัดแสดงผลงานจากศิลปินกลุ่ม “MoST Artists” กลุ่มศิลปินภาพถ่ายที่รวมเอาช่างภาพแนว Documentary และ Fine Art มาไว้ด้วยกัน แถมหนึ่งในนั้นก็มีคนไทยของเรารวมอยู่ด้วย ซึ่งช่างภาพทั้ง 5คนที่มาจัดแสดงร่วมกันในงานนี้ ต่างก็มีแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานภายใต้หัวข้อ ครอบครัว เหมือนกัน โดยจากคำโปรยใน Press Kit ของนิทรรศการครั้งนี้ที่กล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนมีเหมือนกัน ก็คือการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เราไม่ได้เกิดเพียงลำพัง ครอบครัวเป็นอัตลักษณ์ทางสังคมขั้นพื้นฐาน ซึ่งการดำรงชีวิตในสังคม จำเป็นจะต้องมีพี่น้องให้การสนับสนุน, มีผู้นำ การเกิดใหม่และการลาจากที่หนีไม่พ้น, การต่อสู้ระหว่างคนต่างยุค, เสียงตะโกนและความเงียบงัน, ความโศกเศร้า ความยินดี และ ความรัก” คำพูดดังกล่าวทั้งหมดน่าจะช่วยล้อมกรอบเนื้อหาของงานชุดนี้ และน่าจะทำให้หลายคนคลายข้อสงสัยไปได้บ้างว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร ทีนี้เราไปดูกันต่อเลยดีกว่าว่าในงานเราจะพบกับผลงานของใครบ้าง
คนแรกเลยคือ คุณเล็ก เกียรติศิริขจร (Lek Kiatsirikajorn) ช่างภาพชาวไทย ที่ครั้งนี้เป็นการเปิดตัวผลงานชุดใหม่ของเขา “A Family Odyssey” (การผจญภัยของครอบครัว) เป็นครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้นำเสนอผลงานที่เน้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของ กรุงเทพมหานครอย่างเช่นงานชุด “Lost in Paradise” และ “Flowing Through the Wreckage of Despair” (งานชุดน้ำท่วม) นอกจากนั้นคุณเล็กยังเคยบันทึกภาพ พ่อแม่ของเขาเอง ในชุดผลงานชื่อ “As Time Goes By” มันเปรียบได้เป็น “กระบวนการบำบัดทางจิตใจผ่านการถ่ายภาพ” ส่วนตัว ซึ่งผลงานชิ้นใหม่ที่จะมาจัดแสดงของเขาครั้งนี้ เชื่อมโยงกับเราหลายต่อหลายคน ในแง่ของความรู้สึก ถึงการใช้ชีวิตที่สันโดษ เงียบสงบกับญาติมิตร ที่บางครั้งแม้อยู่ใกล้แต่ก็เหมือนกับห่างไกล
ต่อมาคือ คุณจูเลีย ฟุลเลอร์ตัน แบทเทน (Julia Fullerton-Batten) นำผลงานภาพชุดที่ได้รับ รางวัลอย่าง “Mothers and Daughters” (ชุดที่เอามาทำเป็นโปสเตอร์ของงานครั้งนี้) ที่เคยจัดแสดงมาแล้วทั่วโลก มาจัดแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภาพชุดนี้ “แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกสาว ที่ซับซ้อนและบางครั้งก็เป็นความสัมพันธ์ที่ท้าทาย” เริ่มต้นจากความต้องการให้งานชิ้นนี้เป็นเหมือนภาพแสดงอัตชีวประวัติ จูเลียตัดสินใจใช้วิธีการจัดฉาก คล้ายการถ่ายภาพแฟชั่นและงานละครเวที แต่ผู้แสดงแบบที่จูเลียร่วมงานด้วยนั้น เป็นแม่ลูกกันจริงๆ
คนที่สามคือ ญิง อัง (Ying Ang) มาจากครอบครัวที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยในสิงคโปร์ เธอพูดถึงธุรกิจของครอบครัวว่า “เป็นเหมือนเครือธุรกิจ” ปู่และพ่อของเธอเป็นผู้ให้ความเป็นอยู่ที่ดีแก่สมาชิกหลายรุ่นของครอบครัวเธอ ในผลงาน “And The Third Loses It All” นำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจสองหัวข้อ นั่นคือ พ่อ ผู้ตัดสินใจที่จะทำงาน ในที่ทำงานเล็กๆ และยุ่งเหยิง สิ่งเหล่านี้มันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นและที่มาของความร่ำรวย บวกกับความที่ลูกสาวผู้เป็นช่างภาพ ต้องการจดบันทึกความรุ่งโรจน์และความเสื่อมถอยของความมั่งคั่งและผู้คน เป็นที่มาของชื่อผลงาน ที่น่าจะสื่อให้เห็นถึงความหมายทั้งหมดแล้ว
ฌอน ลี (Sean Lee) ช่างภาพพอร์เทรตและภาพศิลป์ในสิงคโปร์ กับผลงาน “Homework” ของเขา เป็นการผสมผสานที่เยี่ยมยอดระหว่างธรรมชาติของความเป็นศิลปินทั้งสองรูปแบบ ฌอน บอกว่า การถ่ายภาพสมาชิกครอบครัว “เป็นความยินดีแบบเงียบๆ” สาเหตุก็เป็นเพราะว่า ครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นนักแสดงมืออาชีพ (พ่อของเขาเป็นคนขับแท็กซี่ และแม่เป็นพนักงานเสิร์ฟพาร์ทไทม์) ผลลัพธ์ที่ได้ เลยกลับเป็นความสนุก, เร้าอารมณ์ และ “เป็นความใกล้ชิดทางกาย” นอกจากนั้นตอนนี้ ชื่อของ ฌอน ลี กำลังได้รับการ จับตามองในฐานะช่างภาพหนุ่มที่เชี่ยวชาญการถ่ายภาพพอร์เทรตขาวดำในสิงคโปร์อีกด้วย
คนสุดท้าย…กับผลงาน “The Pink Choice” ของ ไมก้า อีลาน (Maika Elan) ช่างภาพชาวเวียดนาม ที่อาจจะเป็นผลงานเดียวในงานที่ไม่สามารถใช้คำว่า “ครอบครัว” ได้อย่างเต็มตัว ด้วยความที่ครอบครัวในงานชุดนี้ถือว่าอยู่นอกกฎหมาย แต่การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศในงาน World Press Photo ปี 2556 ซึ่งถือเป็นรางวัลสำคัญของภาพถ่ายสื่อมวลชน หัวข้อ “ประเด็นร่วมสมัย” โดยเนื้อหาของภาพถ่ายชุดนี้เป็นผลงานที่เขาอุทิศและทุ่มเทให้แก่คู่รักเพศเดียวกันในประเทศเวียดนาม เสียงสะท้อนของนิตยสาร The New York Times ที่มีต่อผลงานชิ้นนี้ คือ “โฉมหน้าที่แท้จริง, คนที่มีตัวตนจริง, ความรักที่แท้จริง”
เห็นแบบนี้แล้วถ้าใครที่รักการถ่ายรูปนี่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นผลงานที่รวมช่างภาพหลากหลายสไตล์มาไว้ในงานเดียวจริงๆ
พิธีเปิดวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม เวลา 18.00น.
จัดที่ RMA Institute ซอยสายน้ำทิพย์ 2 สุขุมวิท 22
งานจะเริ่มวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม
เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ http://rmainstitute.net
Facebook : https://www.facebook.com/events/209749679193085/?fref=ts
CREDIT: MoST Artists
RECOMMENDED CONTENT
เบื้อหลัง The Fast and the Furious: Tokyo Drift ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2006 กำกับโดย Justin Lin เป็นหนึ่งภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้ถึง 5,300 ล้านบาท