เชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนต้องเคยประสบปัญหากันมานักต่อนัก เวลาจะตีตั๋วไปยังที่ไหนสักแห่ง จะเริ่มทำปากเงอะงะ ไม่แน่ใจในการออกเสียง ว่าควรจะเรียกชื่อเมืองจุดหมายปลายทางนั้นว่าอย่างไรดี สุดท้ายก็เผลอเรียกออกไปด้วยความมั่นใจ ผลกลับมาคือเสียงหัวเราะขำๆ ของเจ้าถิ่น ต้องออกเสียงแบบนี้นะยู ยิ้มเขินกันไป

วันนี้เราเลยขอยกตัวอย่าง 5 เมืองชื่อแปลก แต่น่าไปเยือนมากๆ มาฝากกัน หลายเมืองนักท่องเที่ยวก็คุ้นเคยกัน แต่ก็มีเผลออ่านชื่อเมืองผิดกันไปบ้าง ชื่อเมืองเหล่านี้ เรายึดการออกเสียงอ้างอิงจากการออกเสียงของคนท้องถิ่นเป็นหลัก

[•  Reykjavik | Iceland  •]

(คำอ่านชื่อเมืองตามคนท้องถิ่น : เร–คยา–วีก)

เมืองนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งของประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศที่มีภูมิประเทศแบบสุดขั้ว และสวยงามระดับเอาไปเป็นวอลล์เปเปอร์ของเครื่องแมคอินทอชมาแล้วหลายโลเคชั่น เรคยาวีกเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อดีตเมืองนี้คือเมืองถิ่นฐานของชนชาวไวกิ้งมาก่อน

ที่เที่ยวโดดเด่นคือ โบสถ์ Hallgrimskirkja ทรงคอนกรีตแหลมแทงสู่ท้องฟ้าเหมือนจรวดที่กำลังจะทะยานสู่ท้องฟ้า ที่ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่นักท่องเที่ยวต้องมาชักภาพเป็นการเช็คอิน สำหรับคนชอบแช่น้ำร้อน ก็สามารถไปแช่น้ำร้อนใน Blue Lagoon Spa ที่หมู่บ้าน Grindavik ได้ ซึ่งที่นี่คือบ่อน้ำร้อนที่มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพสุดๆ

[•  Yosemite | California, USA  •]

(คำอ่านชื่อเมืองตามคนท้องถิ่น : โย–เซ–มิ–ตี้)

เราเคยเผลออ่านชื่ออุทยานแห่งชาติสำคัญระดับเป็นมรดกโลกของสหรัฐฯ นี้ว่า “โยส–ไมต์” ซึ่งผิด สำหรับอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ 95% คือเขตอนุรักษ์ ที่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแบบพิเศษ และ 5% ที่เหลือคือตัวอุทยานแห่งชาติ ลานกางเต้นท์ และลานกิจกรรม ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีละมากกว่า 5 ล้านคน

สถานที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี้ ก็มีทั้ง Half Dome ภูเขาหินแกรนิตทรงครึ่งโดมสุดอลังการ ที่เป็นจุดหมายหลักของคนรักการเดินป่าและปีนหน้าผา Glacier Point จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติแบบพานอราม่ายอดฮิต Yosemite Falls น้ำตกซีนสวยที่สุดของอุทยานฯ และกลายเป็นวอลล์เปเปอร์ของระบบปฏิบัตการ OS ของแมคอินทอช ชื่อเดียวกับอุทยานแห่งชาติ

[•  Quebec | Canada  •]

(คำอ่านชื่อเมืองตามคนท้องถิ่น : เคอ–เบ็ค)
**ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้เรียกว่า : ควิเบก

เมืองกลิ่นอายฝรั่งเศสจ๋านี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ ด้วยความที่เป็นเมืองอาณานิคมฝรั่งเศสมาก่อน เลยทำให้อาคารบ้านเรือนในย่านเมืองเก่ายังคงเอกลักษณ์และความสวยงามแบบดั้งเดิมเอาไว้จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก งานเทศกาลฤดูหนาวของเมืองนี้ก็น่ามาเยี่ยมเยียน เพราะไฮไลต์อยู่ที่ประติมากรรมหิมะสุดอลังการอย่างปราสาท Hotel de Glace

สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเคอเบ็คนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Montmorancy Falls น้ำตกใหญ่ใจกลางเมือง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ถ้าอุณหภูมิติดลบ น้ำตกแห่งนี้จะกลายเป็นธารน้ำแข็งสุดแปลกตา Citadelle of Quebec หรือป้อมปราการเคอเบ็คที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ ว่ากันว่าการจัดแสดงโบราณวัตถุภายในป้อมนั้นคุ้มค่าราคาเยี่ยมชม แถมถ้าได้ปีนไปบนจุดสูงสุด จะพบกับวิวสุดสวยของเมือง Morrin Centre อดีตคุกสมัยโคโลเนี่ยล แต่ปัจจุบันคือห้องสมุดสุดคลาสสิกที่เหมาะแก่การหลงเข้าไปถ่ายรูปมากๆ

[•  Hue | Vietnam  •]

(คำอ่านชื่อเมืองตามคนท้องถิ่น : เว้)

การอ่านชื่อเมืองนี้อยู่ในหมวดยาก เพราะขนาดลองฟังเสียงจากปากชาวเวียดนามด้วยกันเองแล้ว เราก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะใส่เสียง ฮ. เข้าไปด้วยดีหรือไม่ เมืองเว้นี้คืออดีตราชธานีเก่าในยุคสมัยราชวงศ์เหวียน ซึ่งเป็นราชวงศ์ลำดับใหญ่สุด และยังเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนที่เวียดนามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสังคมนิยมในเวลาถัดมา ด้วยตัวเมืองที่ถูกแทรกกลางด้วยแม่น้ำหอม ทำให้เว้มีเสน่ห์และตอนรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนหลายล้านคนต่อปี

Hue Imperial Citadel หรือป้อมปราการจักรพรรดิ ที่นอกจากจะประกอบด้วยป้อมปราการขนาดใหญ่ประหนึ่งอีกหนึ่งเมืองแล้ว ภายในคือนครจักรพรรดิ ที่สร้างเลียนแบบพระราชวังต้องห้ามของจีน Imperial Tomb of Nguyen Dynasty ภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ทิศตะวันออกของแม่น้ำหอม คือสุสานจักรพรรดิและขุนนางคนสำคัญกระจัดกระจายอยู่มากมาย พื้นที่นี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย Thanh Toan Tile สะพานเก่าแก่โบราณที่สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น ประดับประดาด้วยเครื่องเผาสีสันสดใส ความแปลกคือสะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองที่ไกลจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร รายล้อมด้วยหมู่บ้านเล็กๆ และนาข้าวเขียวขจี

[•  Arjeplog | Sweden  •]

(คำอ่านชื่อเมืองตามคนท้องถิ่น : อัย-เย-โพล่ก)

เมืองอัยเยโพล่กรายล้อมด้วยทะเลสาบหลายแห่ง ในฤดูหนาวปกติ เราจะได้เห็นความเขียวขจีตัดกับพื้นน้ำเสมือนกระจก ส่วนในฤดูหนาวมาก เมืองนี้จะกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ชาวเมืองนี้ไม่ไปไหน เลือกที่จะสนุกสนานกับภูมิอากาศด้วยหลากกิจกรรมุดเอ็กซ์ตรีมที่รับรองว่าจะลืมไม่ลง และถือเป็นสุดยอดประสบการณ์ด้วย อ้อ ต้องไม่พลาดการล่าแสงเหนือที่เมืองนี้ด้วย ด้วยจำนวนการเกิดเฉลี่ยที่ 200 วันต่อปี ก็นับได้ว่าเมืองนี้น่าจะเป็นจุดหมายห้ามพลาดอย่างแน่นอน

Pieljekajse National Park พื้นที่อุทยานแห่งชาติที่รายล้อมด้วยภูมิประเทศแปลกตา ไฮไลต์คือทุกหญ้าสุดเวิ้งว้างสีส้มสดกระจายตัวยาวไกลไปจนถึงทะเลสาบที่อยู่ลิบตา Snowmobile Tour เที่ยวไปในดินแดนที่หันไปทางไหนก็สวยงามแปลกตา กับรถสโนวโมบิลล์ ที่จะทำให้คุณได้ซิ่งไปบนพื้นหิมะ ที่รับรองว่าสนุกไม่เหมือนใครแน่นอน Ice Driving อัยเยโพล่กกลายเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสนามทดสอบรถยนต์บนพื้นผิวน้ำแข็งมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าการได้ลอง OVERSTEER และ UNDERSTEER นั้น จะทำให้คุณได้ตื่นเต้นจนหัวใจเกือบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว

เมือง Arjeplog ประเทศ Sweden ถือเป็นจุดหมายหนึ่งของทริป The Ultimate BMW M Ice Experience โดยสมาชิกโปรแกรม BMW The Ultimate JOY Experience จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์จุดเยือกแข็งมากมายกันในระหว่างวันที่ 22–29 มกราคม 2018

ในทริปนี้ ผู้เข้าร่วมทริปจะได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมาย อาทิ เข้าพักใน Iglootel บ้านพักของชาวเอสกิโม่แบบดั้งเดิม, ชมปรากฏการณ์แสงเหนือบนท้องฟ้าเหนือเมืองอัยเยโพล่ก, โลดแล่นไปบน Snowmobile ตะลุยป่าหิมะ และภูมิประเทศสุดแปลกตา, นั่งรถสุนัขลากเลื่อนแบบดั้งเดิม พร้อมกับการเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวท้องถิ่น

รวมถึงประสบการณ์สุด exclusive อย่างการได้ขับรถบนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็ง โดยใช้เทคนิคการเข้าโค้งและความเร็วสูงที่เฉพาะเจาะจง และการได้ลอง OVERSTEER และ UNDERSTEER เข้าโค้งบนสนามทดสอบแบบลืมหายใจ ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนอาวุโสที่ได้รับการรับรองจาก BMW International Racing Experience

สำหรับเจ้าของรถ BMW ที่สนใจทริปสุดพิเศษและ exclusive จากโปรแกรม BMW The Ultimate JOY Experience ลงทะเบียนเป็นสมาชิกฟรี! ที่ www.bmwultimatejoy.com/th จากนั้นเตรียมรับสุดยอดประสบการณ์ ส่วนลด และกิจกรรมพิเศษมากมาย หรือติดตามข่าวสารได้ที่ facebook.com/bmwultimatejoy

#TheUltimateJOYExperience #BMWultimateJOY #BMWprivilege