นี่คือ 10 Most Favourite Sneakers of 2017 by ‘จี๊ด เมืองสิริขวัญ’ ที่เชื่อได้ว่าผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม #SneakerTalk ของ Dooddot นั้นรู้จักเป็นอย่างดี เพราะ ‘จี๊ด’ นั้นคือ SneakerHead ที่เรียกได้ว่า one of the most respected ของวงการ Streetwear ในประเทศไทย
และวันนี้เราขอให้ จี๊ด เมืองสิริขวัญ ได้เล่าเรื่องราวว่าด้วยเรื่องปี 2017 กับรองเท้าที่เขาเป็นเจ้าของ ว่าอะไรคือ 10 Most Favourite Sneakers of 2017
ลิสต์อันนี้ทำขึ้นมาเองจากบรรดารองเท้าที่เราได้มาหรือได้รับมาตลอดทั้งปี 2017 นี้ รองเท้าเหล่านี้สำหรับเราเองก็คือที่สุดในแบบอย่างของแต่ละคู่ในปีนี้ของเรา โดยที่เลือกเฉพาะรองเท้าที่ออกวางขายในปีนี้เท่านั้น และจะไล่เรียงตามลำดับการได้มาก่อน/หลัง พร้อมเหตุผลว่าทำไมและเพราะอะไร เราถึงเลือกรองเท้าคู่ดังกล่าวในมาอยู่ในลิสต์นี้ ซึ่งออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเพียงคนเดียวเท่านั้น
Nike Air Max 97 OG QS ‘Silver Bullet’
เหตุผล : ถ้าไล่เอาจากไทม์ไลน์แล้ว นี่คือ Nike Air Max 97 OG QS Silver Bullet ที่วางขายก่อนเป็นล็อตแรกในช่วงปลายปีที่แล้ว ที่วางขายต่อเนื่องมาจากตัว Nike Air Max 97 Silver Bullet ‘ITALY’ ที่วางขายไปก่อนหน้านั้น โดยล็อตแรกดังกล่าวมีวางจำหน่ายบางร้านเพียงไม่กี่แห่งในโลก และมีวางขายในจำนวนหลักไม่กี่สิบคู่ในแต่ละแห่งเท่านั้น ก่อนที่จะมีวางขายต่อมาในจำนวนมากในช่วงกลางปี 2017
แน่นอนว่า Nike Air Max 97 OG QS Silver Bullet คือหนึ่งในรองเท้าไอคอนคลาสสิกของตระกูล Air Max ที่มัน timeless มากๆ ในแง่ของดีไซน์จากฝีมือการออกแบบของ Christian Tresser ในปี 1997 ที่มีความล้ำสมัยมากๆ จวบจนมาถึงปัจจุบัน ถือเป็นรองเท้า Nike Air Max ที่ must have อีกคู่หนึ่ง และได้รับความนิยมมากที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้
NikeLab x Comme des Garcons Air VaporMax Flyknit Black
เหตุผล : ความพิเศษของรองเท้าคู่นี้คือ การที่ได้รองเท้าคู่นี้ในช่วง New York Fashion Week เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าแบรนด์ Nike ได้เทคโอเวอร์ NYFW เลยก็ว่าได้ ด้วยการออกรองเท้าพิเศษด้วยกัน 4 คอลเล็กชั่นในแต่ละวัน ประกอบไปด้วย Comme des Garcons x NikeLab Dunk High Retro, KITH x Nike ‘5 Decades of Basketball’ Pack, Riccardo Tisci x NikeLab Dunk Lux Chukka และ VLONE x NikeLab Air Force 1 Low
แต่ที่พิเศษขึ้นไปอีกคือ Comme des Garcons เลือกที่จะวางขายรองเท้าคู่นี้ที่ CDG Pop-Ups ในนิวยอร์คแบบ Exclusive จำนวนจำกัดมากๆ โดยที่ไม่ได้มีข่าวใดๆ ออกมาเลย ซึ่งตัวเองก็มีโอกาสได้รองเท้าคู่นี้มาในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่จะวางขายจริงในวันที่ 26 มีนาคม
ความน่าสนใจอีกอย่างก็คือการที่แบรนด์ Nike เลือกให้ Comme des Garcons เปิดตัวรองเท้าโมเดลนี้ในรูปแบบ collaboration ก่อนที่โมเดลหลักนี้ตัวแรกจริงๆ ของ Air VaporMax Flyknit (Pure Platinum) จะวางขายในวัน Air Max Day ซึ่งไม่เคยมี collaboration ไหนทำมาก่อน ฉะนั้นรองเท้าคู่นี้จึงมีความพิเศษที่น่าสนใจมากๆ
Nike Air Max 1 Anniversary
เหตุผล : ด้วยเพราะวาระครบรอบ 30 ปีของรองเท้าไอคอนอีกคู่นึง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลรองเท้า Air Max โดยการกลับมาของ Nike Air Max 1 อีกครั้งในครั้งนี้ ทาง Nike เองเลือกที่จะกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมของต้นฉบับ โดยเลือกรูปทรงของรองเท้า Air Max 1 ในช่วงที่เรียกว่า Golden Era (ช่วงระหว่าง 90’s-00’s) ซึ่งได้รับการยอมรับจากแฟนรองเท้า Air Max 1 ว่าเป็นทรงรองเท้าที่ดีที่สุดของรองเท้ารุ่นนี้
ทางทีมออกแบบจึงได้ข้อสรุปด้วยการใช้โมเดล Air Max 1 Urawa ที่เคยออกวางขายในปี 2004 เป็น reference shape นอกเหนือไปจากทรงรองเท้าแล้ว รายละเอียดอื่นๆ ยังคงทำให้ใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นของ 1987 มากที่สุด โดยที่เรามีทั้งสีแดงและสีน้ำเงินต้นฉบับ แต่เลือกสีแดงมาแทน เพราะนี่คือสีแรกที่ทำให้พวกเรารู้จักรองเท้ารุ่นนี้
NikeLab x Colette Air Woven
เหตุผล : รองเท้าคู่นี้น่าจะเป็นรองเท้า Collaboration คู่สุดท้ายที่ทาง Nike ทำร่วมกันกับร้าน Colette จากปารีส ซึ่งจุดประสงค์ที่ทำขึ้นมาก็เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของร้าน Colette ดังกล่าว โดยเลือกใช้โทนสีน้ำเงินประจำร้าน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ร้านเพิ่งปิดตัวลงไป
ความพิเศษของรองเท้าคู่นี้ อยู่ที่การที่มันถูกผลิตขึ้นมาเพียง 213 คู่ ตามหมายเลขที่ตั้งของร้าน Colette และแต่ละคู่ก็ยังมีหมายเลข serial number ในรองเท้าทุกๆ คู่ (ของเราหมายเลข 137) ยังไม่รวมถึงราคาที่ถูกตั้งขายเอาไว้ที่ 213 ยูโรด้วยเช่นกัน
NikeLab Zoom Fly SP ‘Breaking2’
เหตุผล : NikeLab Zoom Fly SP ออกมาเพื่อเฉลิมฉลองโปรเจ็คท์ Breaking2 (โปรเจ็คท์การวิ่งมาราธอนทำลายสถิติกำแพงเวลาที่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง) จริงๆ แล้วจะทำลายสถิติได้หรือไม่ได้ รองเท้าก็ออกวางขายอยู่ดี สิ่งที่ชอบรองเท้าคู่นี้คือ รายละเอียดของสัญลักษณ์ในส่วนต่างๆ ของรองเท้าที่สื่อความหมายถึงโปรเจ็คท์ Breaking2 ดังกล่าว
สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ การที่บังเอิญไปเจอที่มาที่ไปของการเลือกใช้วัสดุ Upper ที่เป็น Strech Woven ของรองเท้าคู่นี้ใน Instagram ของคนที่คุยกันเรื่องรองเท้าคู่นี้ว่า จริงๆ แล้วมันคือวัสดุที่ไม่ถูกนำมาใช้ในตอนออกแบบรองเท้าวิ่งในซีรี่ย์ Running ดังกล่าว และถูกวางทิ้งเอาไว้มุมห้อง จนกระทั่งดีไซน์เนอร์จาก NikeLab ที่เป็นคนออกแบบรองเท้าคู่นี้ไปพบเจอเข้า จึงเลือกนำมาใช้กับรองเท้าคู่นี้
ความชอบอีกอย่างคือความเบาสบาย และให้ความรู้สึกดีดและเด้งเวลาที่ใส่มาก สำหรับความคิดของเรานี่ถือว่าเป็นรองเท้าที่คิดว่าใส่สบายมากที่สุดของปีนี้แล้ว
Nike Running LunarEpic Flyknit ‘INDIGO’
เหตุผล : หนึ่งในรองเท้าที่เราว่ามันมีคอนเซ็ปต์ที่ดีมากๆ ที่ใช้กรรมวิธีย้อมครามในแบบฉบับโบราณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่นที่มีมาเป็นร้อยๆ ปี มาใช้ย้อมตัว Upper รองเท้านี้ทั้งคู่ ซึ่งมันสามารถมองเห็นถึงสีครามอินดิโก้ที่ย้อมมาในลักษณะที่มีความไม่สม่ำเสมอกันในแต่ละส่วนของรองเท้า และทำให้รองเท้าแต่ละคู่มีความพิเศษที่ไม่เหมือนกันเลยในแต่ละคู่
ความพิเศษอีกอย่างของรองเท้าคู่นี้คือพื้น LunarLon ที่ยิงเลเซอร์ตัวหนังสือคาตาคานะที่อ่านได้ว่า Nike เช่นเดียวกับแถบตรงด้านหลังข้อเท้าที่เป็นตัวหนังสือแบบเดียวกัน อีกทั้งเวลาใส่รองเท้าคู่นี้ไปเรื่อยๆ สีที่ติดอยู่บน Upper ก็จะค่อยเฟดออกตามลักษณะการใส่ของแต่ละคนอีกด้วย ถือเป็นรองเท้าที่เราใส่วิ่งเป็นประจำ
NikeCraft x Tom Sachs Mars Yard 2.0
เหตุผล : หนึ่งใน wishlist ของเราที่อยากได้มากๆ ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกที่ออกมาในปี 2012 (ถือเป็นรองเท้าที่หายากมากๆ ด้วยรูปแบบการขายที่ขายเฉพาะที่งาน Art Exhibition SPACE PROGRAM: Mars Exhibit ของศิลปิน Tom Sachs) ซึ่ง ณ ตอนนั้นตัวรองเท้าใช้วัสดุอย่างถุงลมของรถโรเวอร์ของ NASA และทำมาจำนวนจำกัดมากๆ แต่มีข้อเสียที่วัสดุดังกล่าวขาดความคงทน ก่อนที่ Tom Sachs กับ Nike นำมันกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไป 5 ปี พร้อมทั้งอัพเกรดวัสดุที่ดีขึ้น รวมไปถึงจำนวนและการกระจายขายรองเท้าที่มีมากกว่าเดิมพอสมควร
ความพิเศษสำหรับตัวเองก็คือ เราให้รองเท้าคู่นี้เป็นหนึ่งใน Best Collaborations of the Year อีกทั้งรองเท้าล็อตที่เราได้มาคู่นี้ มาจาก Space Camp ที่เป็นงาน exhibition ของ Tom Sachs ที่จัดขึ้นที่ Govenor’s Island ที่นิวยอร์ก โดยที่คนที่จะมีสิทธ์ซื้อรองเท้าคู่นี้ จำเป็นจะต้องเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบสมรรถภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ ถึงจะมีสิทธ์ซื้อรองเท้าคู่ดังกล่าว ซึ่งจะแตกต่างจากล็อตที่วางขายทั่วโลกในช่วงเวลาต่อมา ตรงที่แพ็คเกจที่มาพร้อมกับถุงน้ำตาลและป้ายผ้าพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น
Converse x Sacai x Fragment Design Chuck Taylor All Star 70’s Hi
เหตุผล : 3 แบรนด์ที่ตัวเองชอบที่มาทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์พิเศษที่ Sacai ของ Shitose Abe และ Fragment Design ของ Hiroshi Fujiwara ร่วมกันออกแบบ Capsule Collection พิเศษที่เลือกวางขายเฉพาะที่หน้าร้านและ Online Store ของทางร้าน Colette เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ชอบคือการออกแบบที่วางตัวหนังสือ s a c a i และ f r g m t เอาไว้ที่ตรงส้นเท้าของทั้งสองฝั่ง และ translucent taping ด้านหลังที่เป็นเหมือนเทปสีขุ่นที่โชว์ตะเข็บเย็บช่วงข้อเท้าและลูกเล่นอย่างโลโก้สายฟ้าของ Fragment Design ตรงด้านบนข้อเท้า ความคิดของตัวเองถือว่ารองเท้าคู่นี้เป็น Best Converse Collaboration ของปีนี้เลย
Virgil Abloh Off-White x Air Jordan I ‘The Ten’
เหตุผล : เชื่อว่าหลายๆ คนโดยส่วนใหญ่ก็น่าจะเห็นด้วยที่ว่า The Ten Collaboration ของ Nike กับ Virgil Abloh คือ ที่สุดของปีนี้อย่างไม่มีข้อสงสัย และถือเป็นครั้งแรกที่ Nike เชื่อถือ Abloh และยอมให้ออกแบบรองเท้าไอคอนด้วยกันถึง 10 รุ่น
สิ่งที่น่าสนใจของ collaboration โปรเจ็กต์นี้ก็คือการวาง theme ในการออกแบบรองเท้าออกเป็น 2 ส่วนคือ revealing และ ghosting รวมไปถึงดีไซน์ที่บอกตรงๆ ว่า Nike ใจกว้างเหลือเกินที่ยอมให้ Abloh ได้ออกแบบรองเท้าในลักษณะ reconstructed ที่ทำอะไรตามใจตัวเองเต็มๆ แบบนี้
นอกเหนือไปจากรูปแบบการวางขายพิเศษ ในช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน สำหรับตัวเอง รองเท้า Air Jordan I คู่นี้คือหนึ่งในรองเท้าที่เราคิดว่าดีที่สุดในคอลเล็กชั่นทั้งหมด และก็ได้รับการโหวตจากเสียงส่วนใหญ่ให้เป็นอันดับหนึ่ง (ตามเว็ปข่าวสารรองเท้าใหญ่ๆ ทั่วไป)
ซึ่งตัวเราเองได้รับมาจาก Nike S.E.A. ส่งรองเท้าคู่นี้มาให้ อีกทั้งตัวเองยังได้มีโอกาสเจอกับ Virgil Abloh ที่สิงคโปร์ตอนงานเปิดตัวคอลเล็กชั่นนี้ พร้อมได้ลายเซ็นจากเจ้าตัวบนรองเท้ามาอีกด้วย
Converse x J.W.Anderson Chuck Taylor All Star 70’s Hi ‘Glitter_Gutter’
เหตุผล : เป็นอีกหนึ่ง Collaboration ที่ตัวเองชอบมากที่สุดจาก Converse ที่ทำงานร่วมกับ Jonathan Anderson (ที่เพิ่งมี Collaboration กับ Uniqlo ไปหมาดๆ ) ซึ่งมีพรีวิวรองเท้าคอลเล็กชั่นนี้ครั้งแรกที่งาน Pitti Uomo ที่อิตาลีในเดือนมิถุนายน ก่อนที่ต่อมาได้เห็นนักร้องที่ตัวเองชอบอย่าง Frank Ocean ใส่ขึ้นคอนเสิร์ต FYF Festival ที่ L.A. (ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักๆ ที่ชอบและอยากได้รองเท้าคู่นี้ โดยเฉพาะสีนี้ที่ Ocean ใส่)
ถือเป็น Chuck Taylor All Star 70’s ที่มีสีฉูดฉาดมากคู่หนึ่งเท่าที่มี โดยที่รองเท้าคู่นี้ขายหมดเร็วมากๆ สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ ลูกเล่นของเชือกที่ให้เชือกแบบ Glitter มาด้วยทั้งเซ็ทสีขาวและสีดำ อีกทั้งทรงของรองเท้าที่เป็น 70’s ที่ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
contributor : Jeed S. Muangsirikwan
RECOMMENDED CONTENT
หลังจากคว้ารางวัลกรังปรีซ์ สาขาเพลงประกอบโฆษณายอดเยี่ยมจากเวทีคานส์ ไลอ้อน 2017 อาดิดาส ออริจินอลส์ยังคงพัฒนาผลงานสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง