เมื่อพูดถึงวงการเพลงเกาหลี ทุกคนน่าจะนึกถึงเพลง K-Pop ใบหน้าอันดึงดูดใจเหล่าศิลปินบอยเเบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปกันแทบจะทันที แต่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา K-Indy เริ่มได้เป็นที่พูดถึงทั้งในเกาหลีและเมืองไทยกลายเป็นกระแสใหม่ที่หลายคนจับตามอง
เเม้การแข่งขันของวงการเพลงเกาหลีจะสูงขนาดไหนแต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงกระแสหลักของเกาหลีค่อนข้างน่าเบื่อจากการผูกขาดกับผู้ผลิตเดิมๆ แนวเพลงเดิมๆและศิลปินหน้าเดิมๆ เมื่อมันมาถึงจุดอิ่มตัวของเพลงกระแสหลัก แนวเพลงทางเลือกที่เต็มไปด้วย Passion และซาวนด์ใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่คนเริ่มมองหามากขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับเราแล้ว DEAN เป็นเหมือนกับ Icon แห่งเพลง Korean R&B ยุคใหม่ DEAN คือหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จจากการหยิบยื่นซาวด์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งนั่นทำให้วงการเพลงเกาหลีเริ่มมีสีสันขึ้นมาได้พอตัว ผลงานที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักคือการเปิดตัวเป็นศิลปินครั้งแรกที่ USA ในเดือนมิถุนายน 2015 ด้วยเพลงภาษาอังกฤษทั้งสองคือ ‘I’m Not Sorry’ และ ‘Put My Hands On You’
แม้จะเป็นการเดบิวต์ที่อเมริกาแต่เขาก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากแฟนๆ ในเกาหลี ซึ่งเดือนตุลาคมปีเดียวกัน DEAN ได้เดบิวต์ที่เกาหลีอีกครั้งด้วยเพลง ‘Pour Up’ ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนชื่อของเขาก็กลายเป็น Talk of The Town และเพลงเดบิวต์ของเขาได้รับรางวัล Best R&B and Soul Song ประจำปี 2015 DEAN กลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ผู้คนต้องการร่วมงานมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลง
แต่ความจริงแล้ว DEAN ไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางศิลปินครั้งแรกในฐานะนักร้อง R&B เหมือนที่เราคุ้นเคยในทุกวันนี้ DEAN เริ่มเข้าสู่วงการเพลงครั้งแรกในวัย 16 ปีด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแร็ปใต้ดินทีมเดียวกับ Keith Ape หลังจากนั้น 2 ปีเขาได้ทำงานในฐานะนักเแต่งเพลงด้วยนามปากกา Deanfluenza เขาสร้างสร้างบทเพลงให้วงบอยเเบนด์มากมายรวมไปถึงไอดอลชื่อดังอย่าง EXO และ VIXX
“ด้วยเพลงของผม ผมต้องการไปไกลกว่าความคาดหวัง ผมต้องการแตกต่างจากคนอื่น ผมให้ความสำคัญกับการประดิษฐ์ซาวด์ที่มีเอกลักษณ์สำหรับผมในฐานะของศิลปิน ผมผสมผสานหลายๆ elements ทั้ง 90s R&B, hip hop, EDM, garage และ indie rock เพื่อให้เกิดซาวด์แบบ Future R&B”
ในปี 2016 เราพูดได้เลยว่าชื่อของ DEAN แทบจะไม่เคยห่างหายไปจากแวดวงเพลงเกาหลี ไม่ว่าจะออกผลงานอะไรมาก็ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับเสียงตอบรับที่ดี ตั้งแต่การปล่อยมินิอัลบั้มชุดแรก 130 mood : TRBL ในต้นปี การได้ร่วมงานกับศิลปินเบอร์ต้นๆ ของเกาหลีไม่ว่าจะเป็น Taeyeon, Heize, Zico, Crush รวมถึงโปรดิวซ์เพลงให้กับ Lee Hi, Boys Republic และ Block B เรียกได้ว่าหนทางการเป็นมืออาชีพของ Dean เริ่มต้นมาราวกับโรยด้วยกลีบดอกไม้
สำหรับศิลปินหลายๆ คน การได้ผลิตผลงานอย่างต่อเนื่องถือเป็นเรื่องดี แต่กับศิลปินที่บอกว่าการทำเพลงคืองาน Craft อย่าง DEAN แล้วความโด่งดังที่ราวกับพลุแตกในปี 2016 นั่นเหมือนกับดาบสองคมสำหรับเขา โดยเฉพาะความสำเร็จจากอัลบั้ม 130 mood : TRBL ที่ดูเหมือนจากเป็นผลงาน Masrerpicec ของเขาในสายตาของแฟนๆ แต่มันกลับไม่ใช่ในสายตาของ DEAN
“EP นั่นมันดีในแบบของมัน ผมแค่รู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่าง 130 Mood: TRBL ยังคงเป็นผลงานที่มีความหมายมากสำหรับผม ผมแค่ไม่อยากฟังเพลงเก่าๆ ของตัวเองมากเท่าไหร่ในตอนนี้ สิ่งที่ผมพยายามทำคือไม่ติดอยู่กับซาวด์เก่าๆของตัวเอง ผมต้องการปฏิเสธความจริงที่ว่าผมมักจะทำอะไรที่คล้ายๆ เดิมครั้งแล้วครั้งเล่า”
อาจเพราะเริ่มต้นอาชีพจากการเป็น Producer เป็นคนเบื้องหลังที่ทำเพลงให้กับศิลปิน K-pop มากมาย ทำให้มุมมองต่อการทำเพลงของ DEAN ไม่ใช่แค่จะทำเพลงอะไรก็ได้ แต่เขายังมองเห็นความสำคัญของการอยู่ในอุตสาหกรรมให้ได้ด้วย
“อุตสาหกรรมเพลง K-pop นั้นหลากหลายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผมคิดว่าผมได้รู้ insight มากมายจากการทำงานเบื้องหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักร้องบางคนอาจไม่มีโอกาสได้รับรู้มัน สิ่งสำคัญในการทำเพลงคือการไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองตามอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไปและหาวิธีที่จะสามารถรักษาความเป็นศิลปินและเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างไรหลังจากเข้าไปอยู่ในตลาด”
นั่นคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เพลงของเขามักจะประสบความสำเร็จอยู่เสมอ DEAN เคยบอกว่าเขาไม่อยากถูกนิยามว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ เพราะการทำเพลงของเขานั้นผ่านการฝึกฝน ทดลองและผลิตซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันกลายเป็นลายเซ็นต์ของตัวเขาเอง
ซึ่งในปี 2018 เป็นปีแห่งการทำเพลงของ DEAN ที่เต็มไปด้วยการทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อหลีกหนีจากซาวนด์เดิมๆ แม้มันจะเป็นภาพจำ เป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดในแฟนๆ รู้จักเขา ซึ่ง DEAN เองได้บอกว่าเขาไม่กังวลเท่าไหร่กับเสียงตอบรับของเเฟนๆ ต่อซาวด์แนวใหม่ที่เขาอยากนำเสนอ
“มันยากที่เราจะเอาใจทุกคน ผมให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตนเอง ตราบใดที่ผมถ่ายทอดตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ผมเชื่อว่าทุกคนจะมีผลตอบรับที่ดีกับมัน”
RECOMMENDED CONTENT
Skrillex ศิลปินชาวอเมริกันสาย Electronics Sound กลับมาอีกครั้งในรอบ 1 ปี พร้อมเพลงใหม่ 'Rumble' ที่ได้ดีเจและโปรดิวเซอร์ดาวรุ่ง Fred again.. และ MC Flowdan มาร่วมงาน