ถือเป็นข่าวดีประจำเดือนนี้เลยทีเดียว หลังจากที่เราเฝ้ารอเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่จะมาไทยเสียที เหมือนเพิ่งฟังเพลงอัลบั้มใหม่ไปหมาดๆ
ล่าสุด ทาง Official Page ของ Sam Smith ก็โพสภาพตาราง ‘The Trill of It All : Asia Tour‘ ออกมา พร้อมด้วยแคปชั่นว่า
“ASIA! incredibly excited to announce some shows for you
Let’s sing together this October. x”
โปรดสังเกตบรรทัดสุดท้าย แล้วกาดอกจันทร์เจ็ดร้อยดอกไปที่คำว่า ‘Sun 28 Oct Thailand Bangkok Impact Arena‘ แล้วก็กรี๊ดกันให้ลั่น เพราะศิลปินที่ได้ชื่อว่าพลังเสียงสุดยอด แถมยังแต่งเพลงเก่งระดับเชือดคอเราให้ตายตามตกกันไปได้นั้น กำลังจะมาไทยแล้วจ้า
ว่าแล้ว ก็มาวอร์มเสียงร้อง ไปกับ 5 เพลงที่เราขอคัดสรรมาอย่างดี ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ร้องตามกันให้ได้ เพราะเพลงเหล่านี้นอกจากที่ความหมาย เนื้อหา และบวกกับเสียงร้องระดับชั้นดาวดึงส์ของแซมสมิธแล้ว เราก็อยากให้คุณติดหูไปกับเพลงที่เป็นรองเพลงดังๆ และแมสๆ ของชายหนุ่มผู้มีไอดอลเป็นวง Fifth Harmony คนนี้นะ
—————
Latch (f. Disclosure) (Acoustic)
ความตื๊ดที่ดีงามจากเวอร์ชั่น Disclosure กลายเป็นความง่ายที่งดงามไม่แพ้กัน เราชอบการนำด้วยเปียโนและเครื่องสาย บวกกับเสียงที่แหบหน่อยๆ แผ่วนิดๆ ของแซม สมิธ ฟินสุดแล้ว
Money On My Mind
เราชอบความ Price Tag ของ Jessie J เบาๆ ของเพลงนี้ นี่คือเพลงเปิดตัวที่ทำให้ Sam Smith เริ่มเป็นที่รู้จักในพลังเสียง และเราก็ชอบที่มันคือเพลงมีซาวด์แบบอังกฤษจ๋ามาก นี่มัน soft power จากสหราชอาณาจักรเลยก็ว่าได้
Like I Can
ตกใจนิดหน่อยที่มันมีความคล้ายการขึ้นเพลง Rolling in The Deep ของ Adele เบาๆ แต่ที่เหลือคือการทำให้เพลงมีความป็อบกอสเปล มีเสียงร้องข้างหลังที่ยิ่งใหญ่ พ้องกับความโอ้อวดของเพลงพอดี ใครจะมาดีเท่าฉัน หือ!
Pray
ในบรรดาเพลงช้าของอัลบั้มใหม่ล่าสุด ‘The Trill of It All’ เรากลับชอบเพลงนี้มากที่สุด มันคือเพลงที่ไม่ต้องฟาดพลังเสียงแบบสุดๆ แต่กลับได้อารมณ์ที่กลมกล่อมและจับต้องได้ แล้วมันคือสไตล์ของป็อบช้าแห่งยุคนี้มาก คือไม่ต้องช้ามาก ไม่ต้องดราม่ามาก แต่มีความตอกย้ำซ้ำเติมในท่อนฮุกที่พอดี เติมเสียงคอรัสแบบกอสเปลเข้าไป จบ สวยงาม
Midnight Train
แต่ถ้าให้ถามว่าเพลงไหนที่เศร้าที่สุด เรายกให้เพลงนี้เลย นึกภาพการถูกแฟนบอกเลิกที่สถานีสยาม แล้วต้องนั่งรถไฟกลับบ้านชานเมืองที่สถานีบางหว้า ระหว่างนั้นเมืองมันช่างหงอยเหงา อ้างว้าง รถไฟไร้ผู้คนเพราะมันคือเที่ยวสุดท้ายเวลาเที่ยงคืน เพลงนี้ดังขึ้นมา แค่ท่อนแรกที่แซมร้องว่า ‘I choose me, and I know that’s selfish love’ ก็ทำให้น้ำตาแตกกลางรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายแล้วล่ะ
RECOMMENDED CONTENT
ภาพยนตร์อันน่าสนใจโดยผู้กำกับมัวร์คาร์เบล เรื่องนี้ได้ตามติดและถ่ายทอดชีวิตของเลดี้ กาก้าตลอดระยะเวลา 8 เดือน