แม้กระแส Korean Wave จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2009 แต่เกาหลีใต้ได้ wave ไปถึงอเมริกาจนเห็นภาพชัดจริงๆ คงเป็นหลังจากปรากฏการณ์เพลง Gangnam Style ที่ฟีเวอร์ไปทั่วโลกเมื่อปี 2012 เพลง K-Pop ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกหน้าในอเมริกา แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดเพลงที่ทรงอิทธพลที่สุดของโลกแห่งนี้ ก็ยังดูเหมือนเป็นการเข็นครกขึ้นภูเขา ดู๊ดดอทจึงไม่เเปลกใจว่าทำไมความสำเร็จของ BTS บนเวที American Music Award เมื่อปลายปีที่ผ่านมาถึงเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกจับตามอง

ปี 2017 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ BTS พวกเขาสร้างสถิติใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ชื่อของพวกเขาแทบจะไม่เคยหายไปจากหน้าข่าว พวกเขาเป็นศิลปินเกาหลีกลุ่มเเรกที่ได้รับรางวัลบนเวที Billboard Music Awards เพลง DNA จากมินิอัลบั้มชุดที่ 5 Love Yourself: Her ของพวกเขาไต่ชาร์ต Billboard Hot 100 ไปถึงอันดับ 67

และเขาได้ทำลายสถิติใหม่อีกครั้งด้วยซิงเกิ้ล MIC Drop (Steve Aoki Remix) ที่พุ่งไปสูงถึงอันดับที่ 28 และกลายเป็นเป็น K-Pop กลุ่มแรกที่ติด Top 40 ในชาร์ต Billboard Hot 100 และในปีเดียวกันพวกเขายังได้เป็นศิลปิน K-pop กลุ่มแรก (อีกแล้ว) ที่ได้แสดงบนเวที American Music Awards ชื่อของ BTS ถูกแนะนำครั้งแล้วครั้งเล่า จนหลายๆ คนแปลกใจว่าอะไรทำให้เขาประสบความสำเร็จในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในวงบอยแบรนด์เกาหลีวงอื่นๆ

“เราเป็นเพียงกลุ่มเด็กผู้ชายทั่วไป เริ่มต้นมาจากไม่มีอะไร ที่มีความฝันและ Passion ในการเป็นคนดัง”

BTS หรือ Bangtan Sonyeondan มีจุดเริ่มต้นคล้าย ๆกับบอยเเบนด์ทั่วไปของเกาหลี พวกเขาถูกรวมตัวมาจากสถานที่ที่เด็กมีฝันจะไปอยู่วงการแร็ปใต้ดิน ทีมเต้นชื่อดังของจังหวัด แหล่งรวมตัวของวัยรุ่นต่างๆ แต่หนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาเเตกต่างคือ การได้เข้ามาอยู่ภายใต้การเทรนของ Bang Shi Hyuk อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง JYP ที่ออกมาสร้าง BigHit ค่ายเพลงของตนเอง

“เรายังต้องการจะปกป้องเอกลักษณ์อันไม่เหมือนใครของความเป็น K-pop ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุค 90 ภาพลักษณ์ที่สวยงาม ทำเพลงแบบเป็น package และการแสดงเท่ๆ บนเวที มันคือสิ่งที่โดดเด่นอยู่แล้ว เเต่มากไปกว่านั้นเราเพิ่มความเฉพาะตัวของ BTS”

Boy Band และ Girl group ถือว่าเป็นจุดแข็งของ K-Pop เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงเมื่อเราพูดถึงอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ ตัวอย่างความสำเร็จที่มากมายส่งผลให้ใครๆ ต่างก็อยากเข้ามาเป็นหนึ่งในวงการนี้  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ศิลปินจากค่ายเล็กๆ จะโดดเด่นขึ้นมา แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ การแข่งขันยิ่งสูงเท่าไหร่ค่ายเพลงในเกาหลีก็ต้องยิ่งทุ่มเทเพื่อทำให้ศิลปินที่โดดเด่น มองหาเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อให้เป็นที่จดจำได้ในวงการ

ถ้าถามว่าเอกลักษณ์ของ BTS คืออะไร สิ่งแรกคงเป็นการทำเพลงด้วยตนเองตั้งแต่เเรกเริ่ม การเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตเพลงแต่แรกทำให้พวกเขาสามารถเเสดงตัวตนและจุดยืนผ่านบทเพลงต่างๆ ได้ บทเพลงของ BTS มักจะพูดถึงปัญหา ความคาดหวัง ความกังวล และประเด็นอีกมากมายที่เกี่ยวกับคนรุ่นใหม่ ‘No More Dream’ และ ‘N.O.,’ เพลงจากอัลบั้มเดบิวต์ของพวกพูดถึงความฝัน การทิ้งความฝัน การเข้ามหาวิทยาลัย การทำตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ มันคือการพูดถึง Youth Culture ในเกาหลีที่ไม่ได้ดูดีเหมือนที่คนภายนอกคิด

“ถ้าเราไม่พูดเรื่องพวกนี้ ใครจะพูด พ่อเเม่? ผู้ใหม่? สิ่งเรานี้คือเรื่องที่เราสมาชิกในวงมันพูดคุยกัน ใครคือคนที่รู้เรื่องและถ่ายทอดความยากของคนรุ่นเราได้ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่พวกเราเอง และมันไม่ใช่เเค่ในเกาหลีแต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั่วโลก นั้นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเพลงของเราถึงเข้าถึงผู้คนทั่วโลก ที่เป็นคนรุ่นใหม่เช่นกัน” – Suga

จุดยืนที่ชัดเจน เรื่องราวการสื่อสารที่ไม่เหมือนใคร เป็นพื้นฐานอันแข็งแรงที่ส่งผลทำให้ BTS เติบโตได้อย่างมั่นคง แต่การทำเพลงที่ดีอย่างเดี๋ยวก็อาจไม่เพียงพอหากขาดคนที่พร้อมจะสนับสนุน สำหรับ Boy Band เเล้วหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่จะทำให้แต่ละวงประสบความสำเร็จได้คงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากแฟนคลับ ถ้าถามว่าแฟนคลับสำคัญแค่ไหน เราบอกได้ว่ายิ่งใหญ่พอที่จะทำให้ BTS ได้ไปเฉิดฉายและรับรางวัล Top Social Artist ในงาน Billboard Music Awards รางวัลที่เป็นผลจากแฟนคลับทั่วโลกของ BTS ใช้ช่องทางออนไลน์ในการจุดประกายแสงไฟมาให้พวกเขา

Twitter Accout @BTS_twt ที่ปัจจุบันมีผู้ตามมากกว่า 13 ล้านคน คือช่องทางสื่อสารหลักของ BTS กับแฟนคลับทั่วโลก ซึ่งสมาชิกจะเป็นคนอัพโหลดและโพสเอง และมันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ BTS ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์

“เราโชคดีมากที่เกิดมาในยุคนี้ เกิดมาในปี 2017 เมื่อเราทวิตอะไร มันจะถูกแปลไปมากกว่า 30 ภาษา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะดูแล Social Media Account เองเป็นระยะเวลานาน เเต่เราสื่อสารกับแฟนคลับตลอดเวลาทั้งกลางวัลและกลางคืน (จำนวนผู้ติดตาม) มันคือผลจากการทุ่มเทของพวกเราที่จะบอกแฟนคลับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตของเรา”

“บางทีคำถามมันไม่ใช่ว่าทำไมเราถึงประสบความสำเร็จ คำถามสำคัญน่าจะเป็นทำไมเราถึงมีแฟนคลับที่มากมายขนาดนี้ ผมคิดว่า BTS เป็นเหมือนกับ ‘gift set’ ที่มีทั้งเพลง การแสดงบนเวที การแต่งกาย มิวสิควีดีโอและโซเชี่ยลมีเดียคอนเท้นท์ ทั้งหมดทั้งมวลมันทำให้ผู้คนสามารถสนใจเเละกลายเป็นแฟนของ BTS พวกเขาสามารถเป็นเเฟนของการแสดงบนเวที พวกเขาสามารถเป็นแฟนของเพลง เราประสบความสำเร็จเพราะ content ทั้งหมดที่เราเคยสร้างขึ้นมา” – RM