Munich (มิวนิก) อีกหนึ่งเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ถ้าจะให้นึกถึงความโดดเด่นของเมืองนี้ หลายอาจพูดเพียงความสวยงามของสถาปัตยกรรมพระราชวัง และปราสาทสำคัญที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเท่านั้น! แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่นี้นะ เพราะความสวยงามของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย รวมถึงด้านยนตรกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นสิ่งที่เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนผลัดเปลี่ยนกันมาค้นหาความน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าหากเป็นเรื่องยนตรกรรมต้องยกให้ BMW มาเป็นเบอร์แรกๆ เพราะเป็นบริษัทที่คร่ำหวอดในวงการผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์มาตลอดกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และวันนี้เราจะพาทุกคนไปบุกอาณาจักรของ BMW ภายในเมือง Munich ไปดูความน่าสนใจของ BMW Welt และ BMW Museum สองสถานที่ที่จะเปิดเผยความลับของแบรนด์ชั้นนำเรื่องรถอย่างหมดเปลือก
BMW Welt
BMW Welt หรือ BMW World ในภาษาอังกฤษ แปลตรงตัวก็คือ ‘โลกแห่งยนตรกรรมของ BMW Group’ อาคารนี้ตั้งอยู่ใกล้อาคารสำนักงานใหญ่ของ BMW ที่นี่จึงเป็นทั้งโชว์รูม, ศูนย์จำหน่าย BMW, ร้านอาหาร, คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกของ BMW
อาคารนี้ถูกออกแบบโดยบริษัท Coop Himmelb(l)au และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2007 ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างให้เป็นศูนย์กลางในการสื่อสารระหว่างองค์กรกับลูกค้าโดยตรง ทุกคนจึงได้รับประสบการณ์ด้านยานยนต์และสัมผัสรถทุกรุ่นในเครือของ BMW Group ไม่ว่าจะเป็น BMW, MINI, Rolls-Royce และ Husqvarna
โดยการออกแบบเต็มไปด้วยความทันสมัย อาทิ ตัวอาคารที่มีส่วนโค้งมาก ดูแล้วค่อนข้างแปลกตา รูปทรงตัวอาคารเป็นแบบ Double Cone โครงสร้างทำจากเหล็กติดกระจกช่วยให้แสงสว่างเข้าถึง ส่วนหลังคา สถาปนิกต้องการดีไซน์ให้เหมือนก้อนเมฆ และฝังแผงโซลาร์เซลล์ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 800 kW จึงช่วยปรับอุณหภูมิภายในอาคารให้รู้สึกสบายขึ้น แถมสร้างมาเพื่อให้ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยที่สุด ดังนั้นนอกจากจะใช้พลังงานภายในอาคารได้แล้ว ยังเหลือพอสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่เมืองด้วย
แต่ละโซนของ BMW Welt
พื้นที่บริเวณใจกลางตัวอาคาร หรือที่เรียกว่า ‘Premiere’ เป็นศูนย์รับรถของลูกค้า BMW ในประเทศเยอรมนี ซึ่งบริการที่ลูกค้าต้องการมารับรถถึงที่ หรือ ‘BMW Delivery Center’ ที่จะจัดไว้สำหรับลูกค้าที่มาซื้อรถเท่านั้น คนที่มาเพื่อเยี่ยมชมจึงเข้ามาในโซน Premiere ไม่ได้ แต่ส่วนอื่นๆ เข้าชมได้ปกติ
นอกจากนี้ BMW Welt ยังแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ทั้ง BMW Exhibition จัดแสดงรถยนต์ BMW โมเดลปัจจุบันทุกซีรีย์, BMW i Exhibition โซนที่จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า BMW i3 และ BMW i8, โซน BMW M และ BMW Individual, โซนมอเตอร์ไซค์ BMW, โซน MINI Exhibition, โซน Rolls-Royce Exhibition ส่วนอาคารฝั่ง Double Cone จะจัดแสดงประวัติความเป็นมาของ BMW Group ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
BMW Museum
หลังจากชม BMW Welt เสร็จแล้ว เราขอแนะนำให้ข้ามฝั่งมายัง พิพิธภัณฑ์ BMW ใช่แล้ว! คุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะพิพิธภัณฑ์ BMW อยู่ตรงข้าม BMW Welt และ Olympia Park แลนด์มาร์คสำคัญของมิวนิก
ความโดดเด่นที่กินกันไม่ลงระหว่างตึก BMW Tower รูปทรงกระบอกสี่สูบที่มีเอกลักษณ์คล้ายกับเครื่องยนต์ กับภายนอกของอาคารพิพิธภัณฑ์ ที่ถูกออกแบบมาคล้ายกับถ้วยสีเงินขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า ‘Museum Bowl’ ก็ยิ่งทำให้ผู้มาเยี่ยมประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
พอเข้ามาด้านในก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก BMW เลือกบอกเล่าเรื่องราวและพัฒนาการผ่านรถคันนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่รูปภาพและข้อความ ซึ่งเราเชื่อว่าแม้คุณจะไม่ได้อ่านรายละเอียด หรือฟังวิทยากรพูดไม่ทัน ก็จะเข้าใจรายละเอียดของรถในทันทีได้ไม่ยาก สิ่งนี้เองที่ถือเป็นแรงดึงดูดและสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ทุกๆ คนที่เข้ามา
ชมนิทรรศการ BMW
ก่อนจะเดินชมนิทรรศการ ก็มาทำความเข้าใจกันหน่อยว่า ที่นี่จะแบ่งนิทรรศการออกเป็น 2 แบบ นั่นคือ นิทรรศการหมุนเวียน และนิทรรศการถาวร ซึ่งหนึ่งในนิทรรศการถาวร ที่สื่อถึง BMW ได้ชัดเจนที่สุด และเราที่หยิบมาพูดถึงชื่อว่า ‘The Seven Exhibition Houses’ แบ่งเป็นนิทรรศการย่อยๆ ทั้งหมด 7 ส่วน ดังนี้…
House of Design : จะเน้นงานดีไซน์เป็นหลัก นำเสนอกระบวนการออกแบบของ BMW เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าชม
House of the Company : เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ และพัฒนาการมากกว่า 100 ปี ของ BMW
House of Technology : ส่วนใครที่ชอบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์และโครงสร้างรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ของ BMW ต้องไม่พลาดนิทรรศการนี้ เพราะจะได้ซึบซับบรรยากาศอย่างจุใจ
House of Brand : เน้นการสื่อสารผ่านแบรนด์ BMW ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรถจาก BMW กับเจ้าของผู้ใช้รถ
House of the Series : โซนนี้จะพาทุกคนเข้ามาสัมผัสพัฒนาการของรถยนต์ BMW ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เช่น BMW 3 Series, 5 Series, 6 Series, 7 Series, Z Models และ X Models เป็นต้น
House of Motor Sport : เป็นการนำประวัติศาสตร์การเข้าร่วมการแข่งขันประเภทต่างๆ ของ BMW มาพูดอีกครั้ง ถึงความภูมิใจจากรายการแข่งขันต่างๆ
House of the Motorcycle : การจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ จากโรงงานมิวนิกในช่วงปี 1923–1969 พร้อมสื่อถึงความเปลี่ยนแปลงจากอดีตแบรนด์ที่บุกเบิกรถมอเตอร์ไซค์ ทึ่มีเหตุการณ์ทำให้หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องเลิกผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน
ทั้งนี้ รถมอเตอร์ไซค์ R32 ซึ่งถือเป็นคันแรกที่ถูกผลิตภายใต้ชื่อของ BMW Motorrad ในปี 1923 นั้นก็กลายเป็นต้นแบบในการพัฒนามอเตอร์ไซค์ของ BMW อีกหลายรุ่น แถมกระแสตอบรับดีอีกต่างหาก โดยหากพูดถึงจุดขายที่แข็งแกร่งคงเป็นเรื่องการขับเคลื่อนด้วยเพลา เพราะนอกจากจะมีความทนทาน ยังไม่จำเป็นต้องดูแลมากเท่าสกับรถที่ใช้โซ่ และข้อดีของระบบเพลา ยังเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและท้องถนนในขณะนั้นมาก
เป็นยังไงกันบ้าง เราหวังว่าทุกคนจะเต็มอิ่มกับการพาทัวร์ของเราในวันนี้ แต่ถ้าใครรู้สึกว่ายังไม่พอ ต้องการไปเปิดประสบการณ์ด้วยตัวเอง ก็สามารถเดินทางไปเองได้ โดยอัตราค่าเข้าชมของ BMW Welt นั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ BMW Museum ต้องเสียค่าเข้าชมในราคา 10 ยูโร หรือประมาณ 385 บาทไทย ใครว่างก็อย่าลืมหาโอกาสไป เพราะทั้งสองที่นี้เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์ปิด)
ซึ่งไฮไลต์ด้านยนตรกรรมของเมื
สำหรับเจ้าของรถ BMW ถ้าอยากมาร่วมทริปที่จัดเต็มทุกความที่สุด ความ exclusive และความ privilege แบบนี้บ้าง ก็เพียงแค่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ฟรี! ที่ www.bmwultimatejoy.com/th จากนั้นเตรียมรับสุดยอดประสบการณ์ ส่วนลด และกิจกรรมพิเศษมากมาย หรือติดตามข่าวสารได้ที่ facebook.com/bmwultimatejoy
#TheUltimateJOYExperience #BMWultimateJOY #BMWprivilege
RECOMMENDED CONTENT
แซมรู้สึกว่ายังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของแซมมากๆ แซมยังเป็นคนนึงที่แซมมองเรื่องดนตรีเป็นเรื่องของความสนุกอยู่ แซมชอบที่จะได้ทดลองเพลงต่างๆ วิธีการเขียนต่างๆ เหมือนกับดนตรีมันยังเป็นงานอดิเรกของแซมด้วย แล้วพอเราได้ออกมาทำเป็น Job ด้วยจริงๆ มันก็แฮปปี้ดี ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าศิลปินเต็มตัวได้ไหม แต่ว่าก็ทำอยู่เรื่อยๆ