เรากำลังนั่งอยู่ร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างดีในย่านทองหล่อ ย่านที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นและคนทำงานสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา เช่นกันกับในร้านกาแฟที่มักจะมีลูกค้าในหมวดวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ ไม่ทันไรรถคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอด มันเป็นรถคันใหญ่กว่าคันอื่นๆ และเราเลือกที่จะสนใจในตัวคนขับมากกว่า เพราะเธอเป็นเพียงแค่หญิงสาวในวัยเริ่มต้นเลข 3 แต่เธอผ่านชีวิตมาแล้วเกือบทุกรูปแบบ
เรามีนัดพูดคุยกับคุณริน–ศรินญา มหาดำรงค์กุล หลายคนรู้จักเธอในฐานะของทายาทศรีทองพาณิชย์ และบทบาทที่เธอเข้ามาบริหารกิจการของครอบครัว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอคือนักเดินทางและนักผจญภัยตัวยง ถ้าวันหยุดสุดสัปดาห์ของเราคือการไปเดินเล่นเย็นใจในห้างสรรพสินค้า เราจะเห็นเธออัพรูปลงอินสตาแกรมเพื่ออัพเดทว่า เพิ่งไปพิชิตยอดเขานี้มา หรือไม่ก็เพิ่งลงไปดำน้ำในทะเลสักแห่งบนโลก
นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราสนใจในตัวเธอ และเรากำลังจะพูดคุยกับเธอทั้งเรื่องงานและเรื่องเที่ยว รวมถึงเรื่องหลักการแสนคุ้นหูอย่าง Work–Life balance ที่เราค้นพบว่า เธอคือคนที่ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลเป็นที่สุด
เมื่อกาแฟมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ก็ถึงเวลาของการพูดคุย…
ตอนนี้คุณรินทำอะไรบ้าง
ตอนนี้เป็น Marketing Director ให้กับศรีทองพาณิชย์ค่ะ ดูเรื่องการตลาดให้กับทุกแบรนด์นาฬิกาในเครือ แล้วก็ดูกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับวางแผนงานประชาสัมพันธ์ให้กับแต่ละแบรนด์ มีช่วยเลือกโปรดักส์มาวางขายในเมืองไทยด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางการวางแผนการตลาด ว่าตลอดทั้งปีจะทำอะไรบ้าง มีกิจกรรมอะไรบ้าง
เห็นว่าจบตรีด้านศิลปศาสตร์ และจบโทด้านการโรงแรม และปัจจุบันมาทำการตลาด ดูเป็นคนละสายงานกันเลย
ฟังดูเหมือนจะแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดก็เป็นด้านมาร์เก็ตติ้งตลอดค่ะ อย่างตอนเรียนศิลปศาสตร์ รินเรียนเอกปรัชญา พอเรียนสักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา ก็เลยไปลงเรียนวิชาโทด้านวารสารศาสตร์ ด้านการตลาด ผลคือชอบมากกว่า ก็เลยตัดสินใจไปต่อโทด้านโรงแรม ซึ่งเมเจอร์หลักก็เป็นเรื่องการตลาดเหมือนกัน เรียนไปหนึ่งปี กลับมาทำงานที่ไทยห้าปี ก่อนที่คุณแม่จะชวนให้กลับมาทำงานกับที่บ้าน
อะไรทำให้ตัดสินใจกลับมาทำงานกับที่บ้าน
รินมองว่างานบริการกับงานขายโปรดักส์ เนื้อหามันเป็นเรื่องคล้ายๆ กัน เพราะพื้นฐานมันคือเรื่องของการเซอร์วิสหรือการบริการ มันเอามาปรับใช้กันได้ รินเลยรู้สึกว่ามันแค่เปลี่ยนบริบทการทำงานเฉยๆ ที่เหลือแทบไม่ต่างกันเลย ตัดสินใจได้ไม่ยากเลย
เห็นมีการตามคุณแม่ไปงาน Baselworld ด้วย
รินตามคุณแม่ไปงานตั้งแต่สิบกว่าขวบละ เพราะครอบครัวทำธุรกิจนาฬิกามาแต่แรกเลย ธุรกิจโรงแรมนี่เพิ่งมาทีหลัง งานบาเซลเวิร์ลจะเป็นงานรวมนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไฮไลต์ในแต่ละปีของทุกแบรนด์ก็จะมาเปิดตัวกันที่นี่หมดเลย รุ่นใหม่ๆ ก็มาเปิดตัวกันที่นี่ เป็นเหมือนมอเตอร์โชว์ของนาฬิกา
เราไปในฐานะของ distributor (ผู้จัดจำหน่าย) ก็จะไปดูว่าปีนี้มีอะไรที่น่าสนใจ น่าเอารุ่นไหนเข้ามา เราเห็นงานนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พอโตขึ้นก็จะเห็นขั้นตอนการทำงาน หนึ่งดูไฮไลต์ สองดูคอลเล็กชั่นปีหน้า ไปดูเรือนจริงที่ยังไม่จำหน่าย โปรดักส์ตัวนี้เหมาะไหมกับตลาดเรา แพลนกันล่วงหน้าเลยนะ Q1–Q4 (quarter – ไตรมาส) เป็นยังไง สนุกดี
ครั้งแรกที่ไปเป็นอย่างไรบ้าง
แรกๆ คือไปงานคือไปวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย (หัวเราะ) และมันน่าเบื่อมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่จะอยู่ในงานแฟร์ทั้งวัน ไม่เข้าใจเลยว่าทำอะไรกัน ตามคุณแม่ไปดูถาดนาฬิกา มีเป็นร้อยเลยนะ ก็จะเป็นการเจรจาธุรกิจ เป็นการสั่งซื้อ อยากสั่งไปกี่เรือน ไม่ได้เลือกหมดทุกรุ่น เพราะบางรุ่นมันก็ไม่เหมาะกับคนไทย
แต่ก่อนคุณแม่ก็เคยหยิบนาฬิกาให้ดู ก็ถามว่าสวยไหม บางอันส่วนตัวเราก็ว่าไม่สวย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกสั่งเข้ามาขาย จนโตขึ้นก็เข้าใจแล้วว่า มันไม่สวยในสายตาเรา แต่มันสวยในสายตาลูกค้าไง ลูกค้ากรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดก็ไม่เหมือนกันนะ อย่างบางเรือนคือทองทั้งหมด มองได้ทั้งสวยและไม่สวยเลย ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้นแล้ว มันคือการทำความเข้าใจตลาดล้วนๆ รสนิยมของลูกค้าเป็นอย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราจะต้องไปให้ความสำคัญ รองลงมาค่อยเป็นเรื่องความสวยงาม
มันคือการทำนายเทรนด์ใช่ไหม
ใช่เลย ตอนนี้คือทุกทีมของทุกแบรนด์จะมีข้อมูลทางการตลาดเชิงสถิติมาให้เรา แล้วเราค่อยไปคาดเดาและวิเคราะห์เทรนด์ที่กำลังจะเกิดกับทีมอีกที ยกตัวอย่างเช่น Citizen จะเห็นว่าคนไทยนั้นชอบความ Limited Edition มาก เราก็เอาข้อมูลตรงนี้ไปเล่าให้ทาง headquarter ฟัง เค้าก็เห็นว่าน่าสนใจ ในเร็วๆ นี้ก็น่าจะมีอะไรสนุกๆ ออกมาแน่นอน แฟนๆ น่าจะชื่นชอบกัน แต่ขออุบไว้ก่อน
แล้วเทรนด์มันไม่ใช่รวมกันเป็นประเทศไทยทั้งหมดนะ เราแบ่งพื้นที่ทำการตลาดเป็นภาคเลย บางทีก็ย่อยกันเป็นจังหวัด ลึกถึงระดับห้างฯ เลยก็มี เพราะบางทีช่วงราคาที่คนซื้อนาฬิกาแบ่งตามระดับของห้างด้วยนะ อย่างพารากอนช่วงราคาก็จะไม่เหมือนเดอะมอลล์ละ ข้อมูลทั้งหมดเราเอามาวิเคราะห์และวางแผนหมดเลย ใช้ได้ทั้งหมด
นิสัยการซื้อนาฬิกาของคนไทยเป็นอย่างไร
คนไทยเป็นคนติดแบรนด์นะ เค้าจะมีแบรนด์ที่ไว้วางใจอยู่ ถ้ามาเจอแบรนด์ไม่คุ้นจะเริ่มคิดละ จากนั้นค่อยเลือกจากไลฟ์สไตล์ว่าเหมาะกับนาฬิกาแบบไหน บางคนชอบแบบเข็ม เพราะคลาสสิก สวยงาม บางคนก็ชอบแบบดิจิตอล เพราะชอบออกกำลังกาย เอาไว้ดูพวกอัตราการเต้นของหัวใจและอื่นๆ
คนไทยจะไม่ค่อยมีนาฬิกาหลายเรือน ชอบใส่เรือนเดียวจนกว่าจะพังแล้วค่อยเปลี่ยน เลยชอบเลือกรุ่นที่ใส่ไปทำงานก็ดี ใส่ไปเที่ยวก็ดี ไม่เหมือนกับสายสะสมหรือสายลักชัวรี่ จริงๆ ก็เหมือนกับการซื้อรถเลยนะ ใช้เวลาตัดสินใจนานเหมือนกัน
มาที่เรื่องสบายๆ กันบ้าง เห็นว่าคุณรินใช้เวลาว่างจากการทำงานไปท่องเที่ยวผจญภัยอยู่บ่อยๆ
ใช่ค่ะ รินเริ่มเปิดหูเปิดตาตอนเรียนโท ตอนที่อยู่สวิสฯ เราถือวีซ่านักเรียน ซึ่งเที่ยวได้ทุกประเทศที่เชงเก้นอนุญาตเลย เลยอยากไปประเทศนู้นประเทศนี้ เพราะว่าเรียนหนักมาก เลยอยากพักบ้าง ก็จะเริ่มเที่ยวจากในสวิสฯ ก่อน จากนั้นก็เริ่มนั่งรถไฟไปประเทศติดๆ กัน ไม่ทันไรก็ไปทั่วยุโรปแล้ว
หลังจากนั้นรินเลยมีความเชื่อเรื่อง ‘Work–Life balance’ ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมาก เราจะหาเงินอย่างเดียวไม่ได้ละ เราต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องงาน และที่ไม่ใช่เรื่องงานให้สมดุลกัน รินเห็นหลายคนมากๆ ที่ทำแต่งาน ทำแต่เงิน แต่ไม่ได้เติมเต็มชีวิตเลย ถึงแม้ทำงานข้างนอกรินก็จะพยายามหาเวลาให้ตัวเองนะ เหมือนเป็นการผ่อนคลาย ทำร่างกายและจิตใจให้สมดุล
รินไม่เชื่อในคำว่า ‘ไม่มีเวลา’ เลย มันเหมือนเป็นข้ออ้างมากกว่า ความจริงคือทุกคนสามารถมีเวลาได้ เพียงแค่จัดสรรเวลาให้เป็น แล้วการไม่เที่ยวมันไม่ใช่แค่การบาลานซ์เราคนเดียวด้วยนะ บางทีเราไปกับครอบครัว กับเพื่อนๆ มันเหมือนการได้ใช้เวลากับคนที่เรารักไปด้วยในตัว
ตอนนั้นลักษณะการเที่ยวเป็นยังไง
ตอนไปเรียนโทก็จะมีเงินเดือนตามปกติ แบบที่สามารถใช้ชีวิตได้ แต่ก็ฟุ่มเฟือยไม่ได้เลยนะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากเที่ยวก็ต้องเก็บเงินเอง หาเอง รินเป็นคนที่คุณแม่ไม่สปอยเลย ก่อนหน้านั้นก็เรียนโรงเรียนประจำ เลยเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบลุยๆ ชอบเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค สมมติอย่างเราจะข้ามประเทศอยู่แล้ว รินก็จะนอนบนรถไฟไปเลยจะได้ประหยัดค่าที่พัก นอนไหนก็ได้หมด
เรื่องแผนมันก็ต้องมีการวางแผนอยู่แล้วแหละ แต่รินจะวางแบบคร่าวๆ มาก การได้ไปเจออะไรที่ไม่ได้วางแผน มันคือเสน่ห์นะ อย่างที่เราผ่านเมืองอะไรไม่รู้แหละ แต่สวยจัง อยากแวะ รินก็จะแวะเลย ตอนนั้นจะเป็นแนวเช็คอินตามสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเค้าไปกันก่อน เที่ยวเมือง ดูพวกวัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหารการกิน เน้น city tour เป็นหลักเลย
แล้วตอนนี้ล่ะ กลายมาเป็นสายผจญภัยได้ยังไง
คือพอกลับมาไทย บังเอิญไปเจอเพื่อนที่เป็นสายลุย เค้าชวนไปทริปดูถ้ำที่เวียดนาม ซึ่งมันเป็นถ้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก เป็นปากทางของถ้ำอันดับหนึ่งอีกที โอเค เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพื่อนชวนก็ไป ก็น่าสนุกดี
รินเป็นคนไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่ก็ถือว่าตามเพื่อนไปแล้ว ก็เป็นไงเป็นกัน ทริปนั้นน่าจะทำให้รินชอบภูเขา ชอบธรรมชาติไปโดยปริยายนะ มันต้องเดินไปกลับเที่ยวละสิบกว่ากิโลฯ ผจญภัยทุกรูปแบบ ปีนเขา โรยตัว เดินลุยธารน้ำครึ่งตัวก็มี แล้วก็ไปนอนในถ้ำเลย ห้องน้ำคือขุดหลุมเอา น้ำอาบไม่ต้องพูดถึง หาน้ำกินให้ได้ก่อน กรองน้ำใช้ก็จากธารน้ำตรงหน้าเลย ดิบมาก แต่สนุกมาก
จำได้เลยว่าเดินลุยน้ำแล้วมีปลิงมาเกาะเต็มไปหมดเลยนะ แต่นึกถึงแล้วก็เป็นเรื่องตลกไปเลย เพราะเราไปกับเพื่อนและแฟนที่รู้ใจกัน เข้าใจกัน มันเหนื่อยแหละ แต่ก็สนุก หลังจากนั้นก็เลยชอบทำแบบนี้ไปเลย ไปเห็นถ้ำที่ใหญ่ขนาดนั้น เราเลยอยากไปเห็นโลกอีกเรื่อยๆ บอกกับตัวเองเลยว่า ฉันอยากเห็นเยอะกว่านี้อีก
พวกโบรโม่ (ภูเขาไฟในอินโดนีเซีย) นี่เราไปมาหมดแล้วนะ สมัยที่ยังไม่ดัง ไปตอนที่แทบไม่มีมนุษย์ แบบที่ถ้าหาในพันทิปก็ไม่เจอหรอก เอาจริงรินนี่แหละที่เข้าไปตั้งกระทู้เรื่องถ้ำที่เวียดนาม (หัวเราะ)
อย่างภูเขาก็อยากปีนไปเรื่อยๆ นะ โลกมีตั้งหลายที่ให้ปีน รินจานี คินาบาลู ฯลฯ หรืออย่าง ABC (Annapurna Base Camp) ก็ว่าจะไปปีนี้ แต่ติดทริปดำน้ำ บวกกับเรื่องย้ายมาช่วยงานที่บ้านด้วย เลยพับเก็บไว้ก่อน แต่ไปแน่
ทั้งที่ความจริงลุคภาพนอกคือผู้หญิงหวานๆ คนหนึ่งเลยนะ
อย่างที่บอกว่าคุณแม่เลี้ยงแบบไม่สปอย มันเลยทำให้เราเป็นกินง่ายอยู่ง่าย และกลายเป็นคนแข็งแรง ตอนไปอยู่สวิสฯ ไม่เคยโฮมซิกเลยนะ นิสัยรินเป็นชอบทำอะไรที่ท้าทาย ถ้าได้ทำแล้วก็ยิ่งอยากทำอะไรที่ท้าทายเราขึ้นไปอีก อยากไปให้สูงกว่านี้ อยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้
แล้วถ้ามีคนมาบอกว่า เป็นผู้หญิง ก็ต้องทำอะไรสวยๆ งามๆ ไปสิ จะบอกคนเหล่านั้นว่าอย่างไร
นี่มันยุคสมัยใหม่แล้ว ยุคที่ผู้หญิงต้องไปถูกจำกัดว่าต้องทำได้แค่นี้ เท่านี้ อันนี้ทำไม่ได้ อย่างตอนนี้รินก็ไปเรียนขับเครื่องบิน เดี๋ยวนี้สายการบินไหนก็เปิดรับนักบินหญิงกันทั้งนั้น โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว รินเชื่อว่า ไม่ว่าจะเพศไหน ถ้ามีความฝัน ความพยายาม คือทำได้หมดแหละ คือถ้ามีคนมาพูดแบบนี้ รินก็จะบอกว่า ดูรินสิ รินพิสูจน์ให้เห็นเลยว่าไม่จำเป็นต้องสวยๆ งามๆ เสมอไป
อะไรทำให้ตัดสินใจสมัครเป็นนักบินหญิง
ตอนแรกไม่ได้อยากเลยนะ ไม่มี passion เลย แต่คนใกล้ตัว คือแฟนริน ไปสมัครเรียนเป็นนักบินพาณิชย์ ก็มีการหาข้อมูล มีรีเสิร์ช มีทำการบ้าน ทำไปทำมา เฮ้ย… น่าสนใจ ก็เลยไปลองสอบกับกองทัพอากาศ ซึ่งพอไปสมัคร เราก็ตั้งใจทำมันจริง ทำเต็มที่เลย ติวจริง อ่านหนังสือจริง ปรากฏว่าติด
รู้สึกว่าการเป็นนักบินมันท้าทาย มันไม่ใช่แค่รู้ว่าขับยังไง มันต้องรู้สกิล ต้องเข้าใจเครื่องยนต์ ต้องเข้าใจให้ได้ว่าถ้าเกิดปัญหาระหว่างบินอยู่มันเกิดจากอะไร เอาจริงๆ การบินกับการดำน้ำก็มีความคล้ายกันอยู่ คือมันต้องเข้าใจในหลักการ มันคืองานละเอียด ต้องใส่ใจทุกอย่างทุกขั้นตอน มีดีเทล มีความไม่สุดโต่งในแบบผู้ชาย คือมันต้องรอบคอบนะ ต้องเอาให้ชัวร์ พลาดแล้วพลาดเลยถ้าแก้ไขไม่ทันเวลา
ดูเหมือนชีวิตจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรมาหมดแล้ว มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้ทำ
ถ้าให้นึกเร็วๆ ตอนนี้ก็มีอยู่สามอย่างนะ คำถามนี้คนถามเยอะมาก อย่างแรกคือ sky diving อย่างที่สองคือไปดำน้ำในกรงกับฉลามขาวที่แอฟริกา อย่างที่สามคืออยากปีนคิริมันจาโร มันคือภูเขาลูกเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลก อย่างเอเวอร์เรสมันเป็นเทือกเขา สามอย่างนี่แหละที่อยากทำที่สุดละ
รินจะมี bucket list ในชีวิตจริงๆ นะ เราจะมีช่องไว้ติ๊กเลยว่า อันทำแล้ว อันไหนยังไม่ได้ทำ ก็อยากจะติ๊กมันให้หมดให้ได้
มีไอด้อลที่เป็นนักเดินทางหรือนักผจญภัยในดวงใจไหม
พี่สิงห์–วรรณสิงห์ ที่รินชื่นชอบเค้า เพราะเคยเชิญมางานเปิดตัวนาฬิกา แล้วก่อนขึ้นเวทีก็ได้คุยกัน รินชอบที่เค้าเป็นคนประเภทที่ไม่ได้พูดอย่างเดียว เค้าทำด้วย เค้าไปมาแล้วจริงๆ เราฟังเค้าเล่าเรื่องการเดินทางให้ฟังแล้วมันมี passion มาก เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากทำอะไรให้ทำเลย เค้าคือตัวอย่างของคนที่ทำทันที และเอาความฝันมาเป็นงาน โห… น่าอิจฉาจังเลย เหมือนมันคืออาชีพหนึ่งเลยนะ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำแบบนี้
คิดว่าถ้าไปเที่ยวแล้วมี gadget ดีๆ มันจะช่วยเราได้ยังไง
ช่วยได้มากค่ะ อย่างตอนนี้ Citizen เรามีคอลเล็กชั่นที่เป็น lifestyle gadget อยู่แล้วก็คือ PROMASTER อย่าง Citizen PROMASTER Auto Marine เนี่ย จะเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์กับสายกิจกรรมผจญภัย ดำน้ำลึกได้จริงสามร้อยเมตร แล้วก็มีเทคโนโลยี Eco-Drive ที่ไม่ต้องเปลี่ยนถ่านเลย เพราะมีหน่วยที่ไว้เก็บพลังงาน แค่เปลวเทียนก็เป็นพลังงานได้แล้ว สมมติว่าเราเก็บไว้ในลิ้นชัก พอจะเอาออกมาใช้ก็ไม่ต้องไขไม่ต้องเขย่าเลย นาฬิกาเดินอยู่ตลอดเวลา แค่เปิดลิ้นชักก็เก็บแสงเป็นพลังงานแล้ว
การมี gadget ที่ดีช่วยให้การท่องเที่ยวและการเดินทางสมบูรณ์ขึ้น เหมือนมีของคู่ใจไปกับเราทุกที่ อยากทำอะไรก็อยู่ในเรือนเดียว ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาให้วุ่นวาย อย่าง Citizen PROMASTER Sky ก็จะเชื่อมต่อกับระบบสัญญาณดาวเทียมให้เลย ไปเที่ยวไหนก็จะปรับเวลาให้โดยอัตโนมัติ มันเหมือนเรามี gadget เป็นเพื่อนนะ มันทำให้ทริปของเราสนุกขึ้น
แล้ว Citizen PROMASTER เนี่ย รินว่าเหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก เพราะราคาไม่แพงมาก เหมาะสำหรับ first–jobber รายได้ไม่มาก เหมาะสำหรับที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก เรือนเดียวจบเหมือนกับโทรศัพท์ที่ทุกคนก็ต้องการความเครื่องเดียวจบเหมือนกัน
↑ — คุณรินกับนาฬิกา Citizen Eco-Drive Lady
การจับตลาดคนรุ่นใหม่ถือเป็นวิสัยทัศน์ในตอนนี้ของศรีทองพาณิชย์ใช่ไหม
อย่าง Citizen เนี่ย ฟังดูเหมือนเป็นแบรนด์คุณพ่อใส่ แต่ก่อนรินก็คิดนะ แต่ไปได้ไปที่ headquarter เราพบว่าเค้าไม่แก่เลย คือแบรนด์เค้าเก่าแก่จริง แต่เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Citizen คืออันดับหนึ่งนะ เค้าผลิตอะไหล่เอง รวมถึงเค้ายังคิดเครื่องจักรที่เอามาผลิตอะไหล่เอกอีก แปลว่าเค้าคือ master ด้านนาฬิกาจริงๆ เราเลยอยากดึงเรื่องเทคโนโลยีให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงตอนนี้เราก็มีพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ คุณตั้ม–ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นักฟุตบอลทีมชาติ ซึ่งเค้าเป็นตัวอย่างของคนที่ Better Starts Now คือคนที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ลงมือทำมันเลย
สุดท้าย อยากบอกอะไรกับวัยรุ่นและคนอื่นๆ ที่มีความฝัน แต่ยังไม่ยอมลงมือทำอะไรสักที
รินชอบคำว่า ‘Better Starts Now‘ มาก มันหมายถึง เริ่มวันนี้คือดีกว่า อะไรก็ตามจะไม่ประสบความสำเร็จถ้าเราไม่ลงมือ ที่เราชอบพูดทุกปีใหม่ว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายสิ้นปีก็ไม่ได้ทำ สิ่งที่สำคัญมากกว่าการฝันคือการลงมือ ทุกคนมีความฝันของตัวเอง อยากให้สโลแกนของ Citizen เป็นข้อความที่บอกกับทุกคนค่ะ
พบและสัมผัส Citizen PROMASTER Auto Marine และ Citizen Eco-Drive Lady ได้แล้ววันนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายของนาฬิกา Citizen ทั่วประเทศ
เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.citizen.co.th
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด
โทรศัพท์ 02–694–1888
—
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ
ร้าน
RECOMMENDED CONTENT
Under Armour เปิดตัวแคมเปญระดับโลก แสดงความมุ่งมั่นระยะยาวที่จะสร้างโอกาสในการเข้าถึงกีฬา รวมถึงขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้เยาวชนและนักกีฬารุ่นเยาว์ทั่วโลกมีส่วนร่วมกับกีฬา ในประเทศไทย Under Armour Thailand ตั้งเป้าผลักดันและสนับสนุนให้เด็กไทย