From Tokyo To Bangkok.
ฟังดูเหมือนเป็นการโปรโมทแบรนด์เสื้อผ้าจากญี่ปุ่นที่เดินทางเมื่อถึงเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน แต่สำหรับในช่วงปีที่ผ่านมานี้นั้น หลากหลายแบรนด์จากประเทศแห่งความคราฟท์อย่างญี่ปุ่น ดินแดนอาทิตย์อุทัยนั้น ก็ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร กันหลายแบรนด์เลยทีเดียว
หนึ่งในนั้นคือการมาถึงของแบรนด์ร้านกาแฟสุดเก๋มากที่ชื่อ ‘Omotesando Koffee‘ กับตำนานร้านกาแฟที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นคือ สี่เหลี่ยมจัตุรัส อะไรๆ ก็สี่เหลี่ยมไปเสียหมด แม้แต่บูธขายกาแฟก็ยังเป็นกล่องสี่เหลี่ยมทรงลูกบาศก์
น่าดีใจ ที่ Omotesando Koffee กำลังจะมาเปิดสาขาแรกที่ประเทศไทย ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้! …หยุดความตื่นเต้นเอาไว้ก่อน เราขอพาคุณไปทำความรู้จักแบรนด์กาแฟชื่อดังมากประจำกรุงโตเกียว แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมใครๆ ถึงต้องตื่นเต้นกับการมาถึงของกาแฟเจ้าดังเจ้านี้
ย้อนกลับไปในปี 2011 ที่บ้านทรงญี่ปุ่นเก่าแก่หลังหนึ่งในย่าน Omotesando ชานกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น Eiichi Kunitomo เปิดร้านกาแฟชื่อเรียบง่าย Omotesando Koffee ในบ้านหลังนั้น
…ใช่ ในบ้านหลังนั้น ความน่ารักของ Omotesando Koffee ที่ทำให้ผู้หลงใหลในกาแฟต่างพูดกันปากต่อปาก ก็คือการที่เป็นร้านกาแฟที่เหมือนจะแหวกขนบร้านกาแฟแบบเก๋ๆ ตกแต่งดีงามเหมือนกับทั่วๆ ไป แต่ Eiichi กลับเลือกที่จะให้ร้านกาแฟของเขาตั้งอยู่ในบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอายุอานานก็ปาไปเกือบ 60 ปี และแทบไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนเกินงาม
ปี 2018 หลายคนน่าจะรู้จักย่านโอโมเตะซันโดะในฐานะของย่านกิ๋บเก๋ชิค ที่เต็มไปด้วยร้านรวงขายเสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์ฮิปๆ คูลๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่มราวปี 2011 ย่านโอโมเตะซันโดะยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก มันเป็นเพียงย่านสำหรับหลบลี้ความวุ่นวายหนาแน่นผู้คนของย่านชิบูย่า ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก
เดินออกมาจากย่านโอโมเตะซันโดะนิดหน่อย สู่ย่านบ้านพักอาศัยที่แทบไม่มีร้านรวงใดๆ น่าสนใจ โดยไม่ทันสังเกต คุณจะสะดุดเข้าไปกับป้ายขนาดเล็กทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ข้างหน้า บริเวณหน้าบ้านดูแล้วก็เหมือนกับบ้านญี่ปุ่นในเมืองทั่วๆ ไป (นึกภาพบ้านของโนบิตะเอาไว้) เดินลอดซุ้มประตูเข้าไปจะพบกับลานหน้าบ้านที่เป็นสวนและที่นั่งขนาดเล็กน่ารัก หันขวาไปคุณก็จะพบกับร้านกาแฟ ทรงลูกบาศก์ทำจากไม้ตั้งอยู่ในห้องโถงอีกที
แค่นี้ก็สร้างความประทับใจให้เราในระดับสูงสุดแล้ว มันคือร้านกาแฟที่คราฟท์เสียยิ่งกว่าใคร มันเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้แล้วใส่ความโมเดิร์นเข้าไป และด้วยความเสมือน hidden ของร้าน บวกกับความประณีตใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำของตัว Eiichi ที่ทำคนเดียวเองทั้งหมด จึงไม่แปลกอะไรที่ร้านนี้จึงฮอตฮิตติดกันปากต่อปาก จนถึงขั้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ มีคนต่อคิวซื้อกาแฟกันยาวออกมาถึงริมถนนจนกระทั่งเสิร์ฟแก้วสุดท้ายเพราะเมล็ดกาแฟหมดแล้ว
แต่เดิมนั้น Omotesando Koffee ตั้งใจเป็นเพียงแค่โปรเจ็กต์ร้านป็อบอัพขนาดน่ารัก ที่จะเปิดเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น และด้วยความน่ารักของเจ้าของพื้นที่และเจ้าของบ้าน ก็ตัดสินใจให้ร้านเปิดต่อมาได้อีกถึงห้าปี จนในที่สุด Eiichi ก็ต้องขอประกาศปิดร้านลงในเว็บไซต์ ว่าวันสุดท้ายของร้านนี้คือวันที่ 30 ธันวาคม ปี 2015 ด้วยเหตุผลของการถึงเวลาที่ต้องบูรณะบ้านไม้เก่าแก่นี้ เลยทำให้ต้องจากลากันไปอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว แต่ Eiichi ก็บอกว่าเขายังคงทำกาแฟอยู่ โดยจะเปิดร้านใหม่ที่ฮ่องกง ในช่วงต้นปี 2016
แต่ในขณะเดียวกันนั้น Eiichi ก็เปิดร้านกาแฟของเข้าใหม่ในชื่อ Toranomon Koffee แน่นอนว่าก็ตั้งอยู่ในย่าน Toranomon เพียงแต่ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความโมเดิร์นและความลูกบาศก์เอาไว้อยู่ หลายคนจึงหลงรักร้านนี้ เพราะมันยังพอจะมีกลิ่นอายของ Omotesando Koffee อยู่บ้างพอกล้อมแกล้มให้หายคิดถึง
หลังจากพื้นที่เดิมของร้าน Omotesando Koffee ได้รับการปรับปรุงยกเครื่องใหม่ บ้านญี่ปุ่นโครงสร้างเก่าแก่หลังเดิมจำต้องรื้อถอนออก และกลายเป็นที่อยู่อาศัยคอนกรีตยุคใหม่เข้ามาแทนที่ Eiichi ก็ตัดสินใจกลับมาใช้พื้นที่เดิมนี้อีกครั้ง เปิดร้านกาแฟบูธเล็กน่ารักเหมือนเดิมในชื่อ Koffee Mameya เมื่อวันที่ 27 มกราคม ปี 2017 ที่แม้ว่าร้านจะเล็กกว่าเดิม เพราะไม่มีที่นั่ง และเน้นหนักเรื่องเมล็ดกาแฟคัดสรรแล้ว กลิ่นอายความใส่ใจและหลงใหลในเรื่องกาแฟยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
“จากเดิมเรามอบประสบการณ์การดื่มกาแฟที่ดีให้กับลูกค้า มาถึงตอนนี้ ผมอยากให้ทุกคนได้ลองประสบการณ์นี้กันที่บ้านบ้าง ผมอยากให้ทุกคนได้ลองเป็นบาริสต้าดู”
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ Koffee Memeya ไม่ได้มีที่นั่งให้คอกาแฟมานั่งจิบ แต่สำหรับคนที่หลงใหลในรสชาติและกลิ่นของมัน Eiichi ได้คัดสรรเมล็ดกาแฟราว 15–20 ชนิด บรรจุลงในแพ็คเกจสุดเรียบง่ายงดงามขนาด 150 กรัม จำหน่ายในราคา 1,200–4,000 เยน แน่นอนล่ะว่าถ้าคุณเดินเข้าไป เปรยความต้องการกับ Eiichi เสียหน่อย ชอบขมไหม มีกลิ่นเบอร์รี่ หรืออยากได้กลิ่นไหม้จางๆ หรือเท็กซ์เจอร์อย่างไร ไม่นานนัก Eiichi ก็จะหันหลังไปคว้าเมล็ดที่น่าสนใจมาแนะนำให้คุณไปลิ้มลองเองที่บ้านหรือถ้ายังไม่แน่ใจ ก็สามารถขอให้ Eiichi บดเมล็ดกาแฟกันตรงนั้น แล้วทำกาแฟในแบบที่คุณชอบ เพิ่มตัวเลือกในการตัดสินใจได้อีกด้วย
ปัจจุบัน Omotesando Koffee ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงกระจายความหลงใหลในกาแฟไปทั่วโลก ทั้งฮ่องกง ลอนดอน สิงคโปร์ และกำลังจะมาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ที่สยามพารากอน กรุงเทพฯ ราวเดือนกรกฎาคมนี้
แน่นอนว่าเจ้ากล่องลูกบาศก์สี่เหลี่ยมจะยังคงเป็นซิกเนเจอร์ของร้านกาแฟนี้เหมือนเดิม เมล็ดกาแฟคัดสรรจากทั่วโลกเหมือนเดิม หรือแม้แต่ชุดเครื่องแบบสีเทาอ่อนราวกับอยู่ในห้องแล็บกาแฟ ก็ยังคงจะมีเหมือนเดิม
เช่นกันกับความหลงใหลในกาแฟของ Eiichi Kunitomo ที่จะยังคงส่งต่อประสบการณ์ความสุขจากการดื่มกาแฟไปยังทุกคน… เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง
RECOMMENDED CONTENT
ไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องรอนาน สำหรับศิลปินหญิงมากความสามารถที่มาแรงที่สุดในขณะ “Bowkylion” หรือ “โบกี้ - พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck หลังจากปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิต “Lionheart” เรียกเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยม