ด้วยลุคที่ดูเฉี่ยวกับผมสีบลอนด์ เขียนขอบตาดำแบบ smokey eyes ทาปากสีแดงสด ผิวขาวซีด และหน้าตาบึ้งๆมึนๆ เห็นผ่านๆนึกว่านี่คงเป็นนางแบบหน้าใหม่จากอังกฤษชัวร์ ที่ไหนได้สาวน้อยวัย 21 ปี ที่มีชื่อเก๋ไก๋ว่า “Sky Ferreira” คนนี้ เป็นทั้งนางแบบ นักแสดง และ นักร้องจาก ลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา อันที่จริงเราเห็นหน้าค่าตาเธออยู่บ่อยๆตามหน้าปกหรือแฟชั่นเซ็ตตามนิตยสารแฟชั่นเมืองนอก โดยที่ยังนึกว่าเธอคนนี้ อย่างที่บอก เป็นนางแบบหน้าใหม่มาแรงจากอังกฤษหรืออะไรทำนองนั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้เรามักเห็นเพื่อนเราบางคนที่เป็นคอเพลงอินดี้เริ่มโพสต์ music video ของเธอลงบนเฟสบุ๊คอยู่บ่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเราว่าสาวหน้าเก๋คนนี้ร้องเพลงเป็นอย่างไร เราเลยลองคลิกเข้าไปชมเอ็มวีของเธออยู่หลายเพลง และนั่นก็ทำให้เรารู้ว่า นอกจากเธอจะเป็นนางแบบที่กำลังมาแรงในวงการแฟชั่นแล้ว เธอยังเป็นนักร้องแนว indie-pop ที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย บางคนอาจคิดว่า จากนางแบบมาเป็นนักร้องแบบนี้ เสียงร้องและดนตรีก็คงงั้นๆ คงกะขายภาพลักษณ์ตัวเองมากกว่า แต่เราขอบอกว่าดนตรีของสาวคนนี้ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกัน
Sky Ferreira (สกาย เฟอร์เรร่า) สาวอเมริกันที่มีทั้งเชื้อสายอินเดียนแดง โปรตุเกส และ บราซิลคนนี้ (เข้าใจแล้วว่าทำไมหน้าตาของเธอถึงดูสวยไม่เหมือนใคร เพราะส่วนผสมที่ลงตัวจากหลายเชื้อชาตินี่เอง) มีความสนใจในเรื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเธออายุ 13 ปี เธอหัดร้องโอเปร่าเพื่อที่จะฝึกเสียงร้องของตัวเองให้แข็งแรงขึ้น ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเธอได้โพสต์ไฟล์เดโม่เพลงต่างๆที่เธอเขียนเองลงบนเว็บ Myspace ของเธอ พอ Ferreira อายุเกือบๆ 15 ปี เพลงของเธอก็ไปได้ความสนใจจากคู่หูโปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวสวีเดนอย่าง Bloodshy & Avant (ที่เคยโปรดิวซ์เพลงให้กับ Britney Spears, Kylie Minogue, Madonna, Jennifer Lopez และ ศิลปินหญิงคนอื่นๆอีกมากมาย) จากการที่เธอลองติดต่อพวกเขาด้วยตัวเองผ่านเว็บ Myspace ทั้งสองโปรดิวเซอร์ก็ต่างชื่นชอบในผลงานของเธอ และตอนหลังได้ตัดสินใจที่จะร่วมทำงานกับสาวน้อยคนนี้
ภายในปี 2009 หลังจากที่เธอเซ็นสัญญากับค่าย Parlophone เธอก็ได้ไปเล่น music video ให้กับ Uffie ศิลปินหญิงแนวอันเดอร์กราวน์อิเล็กทรอนิกส์ ในเพลง “Pop the Glock” และได้เริ่มอาชีพเป็นนางแบบในปี 2010 จากการถ่ายแบบลงนิตยสาร Dazed & Confused, Interview, Purple และ Jalouse แต่ในขณะเดียวกัน Ferreira ก็ยังแต่งเพลงและเตรียมอัดเสียงสำหรับอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ ถึงแม้ในตอนหลังอัลบั้มเต็มของเธอจะถูกเลื่อนออกไป ในปี 2011 เธอก็ได้ปล่อยอัลบั้ม EP ที่ใช้ชื่อว่า “As If!” กับทาง Capitol Records โดยมีเพลง “Sex Rules” เป็นซิงเกิ้ลนำจากอัลบั้ม ในตอนนั้นเหมือนอาชีพการเป็นนางแบบของ Ferreira จะรุ่งกว่าการเป็นนักร้อง เพราะเธอได้เป็นหนึ่งในนางแบบที่ได้อยู่ใน ad campagin ของน้ำหอม CK One จาก Calvin Klein แถมยังได้ขึ้นปกเซ็ต Spring/Summer 2011 ของนิตยสาร Vs. และยังได้เป็นพีเซ็นเตอร์ร่วมกับ Snoop Dogg และ Big Sean ใน ad campaign ของ Adidas อีกด้วย
ต่อมาในปี 2012 เธอก็ได้ประกาศลงบน Tumblr ของตัวเองว่าเธอกำลังจะมีอัลบั้ม EP ที่สองออกมาชื่อว่า “Ghost” โดยมีเพลง “Everything Is Embarrassing” เป็นซิงเกิ้ลนำ ตามมาด้วยเพลง “Red Lips”, “Lost in My Bedroom”, “Ghost” และ “Sad Dream” อัลบั้มนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าอัลบั้ม EP ก่อน โดยเฉพาะเพลงแนว synthpop อย่าง “Everything Is Embarrassing” ที่ได้เสียงตอบรับที่ดีมากจากนักวิจารณ์เพลง ทางนิตยสารเพลงและหนังสือพิมพ์อย่าง Pitchfork, The Guardian, Los Angeles Times, Billboard, Spin และ Fact ต่างยกเพลงนี้ให้เป็น “หนึ่งในบรรดาเพลงที่ดีที่สุดประจำปี 2012” เลยทีเดียว ถือว่าเพลงนี้ได้แจ้งเกิด Ferreira ในวงการเพลงอย่างเต็มตัว
ส่วนปีนี้ Ferreira ก็ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาให้ฟังกันแล้ว กับ “Night Time, My Time” หลังจากที่เธอรอคอยมานานหลายปี “ในที่สุดฉันก็ได้นั่งแต่งเพลงในอัลบั้มนี้ หลังจากที่ทุกคนปล่อยให้ฉันได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและเลิกพยายามชี้นิ้วบอกว่าฉันควรทำอะไรไม่ทำอะไร” Ferreira กล่าว “ฉันเข้าสตูดิโอ แต่งเพลง และอัดเสียงกับโปรดิวเซอร์ที่นั่น พวกเราตัดเพลงออกประมาณเจ็ดหรือแปดเพลงภายในสองอาทิตย์ หลังจากนั้นพวกเราก็มิกซ์เสียงและทำทุกอย่างเสร็จสบบูรณ์โดยที่ไม่คิดจะกลับไปแก้ไขอะไรอีก” และผลลัพธ์ที่ได้ก็คืออัลบั้ม indie-pop ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของดนตรีป๊อปยุค 80s ผสมแนวกรั้นจ์ของยุค 90s บวกกับเสียงร้องของ Ferreira ที่จะทำให้คุณนึกไปถึง Debbie Harry หรือ Madonna ในสมัยสาวๆ จริงๆแล้วถ้าคุณได้ฟังแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้ดีๆคุณจะรู้สึกว่าธีมของอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ของผู้หญิงล้วนๆไม่ว่าจะอารมณ์เกี่ยวกับความรัก การอกหัก ความซุกซนแบบผู้หญิงๆ หรือการค้นหาตัวเอง เริ่มต้นด้วย “Nobody Asked Me (If I Was Okay)” ที่เธอพูดถึงความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งและโกรดเกลียดตัวเอง “Kristine” เพลงเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์เด็กผู้หญิงวัยรุ่นแบบ rich and fabulous หรือจะ “Boys” เพลงที่เธอเลือกเรียกพวกผู้ชายในชีวิตเธอว่า “boys” และเห็นพวกเขาเป็นของเล่นแก้เบื่อ “Boys, I love ‘em/They come a dime a dozen/Boys, I leave ‘em/They come and go like seasons” ถ้าใครยังนึกไม่ค่อยออกว่ากลิ่นดนตรีของอัลบั้มนี้เป็นอย่างไร เราบอกได้อย่างเดียวว่า ฟังไปฟังมาซาวด์ดนตรีและเนื้อหาแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้เหมาะแก่การเป็นซาวด์แทร็กของ Gossip Girl หรือหนังของ Sofia Coppola นักล่ะ
และล่าสุด music video สำหรับซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มนี้ก็ได้ปล่อยออกมาแล้วกับ “You’re Not The One” เพลงที่ Ferreira ได้กล่าวเอาไว้ว่าเธอได้อิทธิพลมาจากอัลบั้ม “Low” ของ David Bowie ใครที่ชอบดนตรีกลิ่นอายของความเป็นป๊อปยุค 80‘s ผสมความกรั้นจ์จากยุค 90‘s หน่อยๆ อัลบั้ม “Night Time, My Time” ของสาวหน้าเก๋ Sky Ferreira ไม่น่าจะทำให้คุณผิดหวัง
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
ทำเอาแฟนๆฮือฮาสุด สำหรับเพลงใหม่ของ Three Man Down ที่แอบสปอยจนแฟนเพลงลุ้นตัวโก่งว่าศิลปินที่จะมาร่วมแจมในเพลงใหม่คือใครกันแน่ แล้วก็สมการรอคอยจริงๆ เพราะงานนี้เป็นการโคจรจับคู่ฟีเจอริ่งทางดนตรีครั้งแรกกับแร็ปเปอร์มาดเท่อย่าง URBOYTJ