เคยไหม? เวลาเห็นของกินหรือของใช้แล้วรู้สึกว่า อยากลอง เราต้องเป็นเจ้าของสิ่งนั้น หรือประโยคที่พอจะพูดรวมๆ แล้วเห็นภาพคือ “ของมันต้องมี” จนบางทีก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันนะ ว่ามันมีประโยชน์กับเราจริงๆ ไหม
เอาเป็นว่าวันนี้มาเจอกันคนละครึ่งทางละกัน เพราะดู๊ดดอทจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไอเทมสุด TOP ที่สะท้อนตัวตนคนใช้ โดยเฉพาะเวลาถือของสิ่งนั้นๆ ซึ่งไอเทมที่เราเลือกมาทั้ง 4 ชิ้น ก็ไม่ได้มีแค่ความโดดเด่นด้านดีไซน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราและบางชิ้นก็มีประโยชน์กับโลกด้วย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!
1.กล้อง Leica ลิมิเต็ดเอดิชั่น (M10-P “Bold Grey”)
พอเอ่ยชื่อ Leica คนเล่นกล้องจะรู้ดีว่าค่ายนี้สุดขนาดไหน ยิ่งราคานี่เหยียบหลักแสนไปแล้ว และเราขอพูดถึงลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นล่าสุด ที่ทำหลายคนฮือฮามาแล้วก่อนหน้านี้ แต่สำหรับคนที่ได้ถือ Leica M10-P “Bold Grey” นั้น ต้องบอกเลยว่า มีเพียง 60 คนเท่านั้น ซึ่งความ Top ความเจ๋งก็อยู่ที่จำนวนของรุ่นที่ที่ผลิตมาอย่างกำจัด และกล้องทั้ง 60 เครื่องก็มีเจ้าของแล้ว ใครที่ได้ไปก็เหมือนมีขุมทรัพย์ที่คนทั่วไปไม่มี
แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ก็อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึงงานดีไซน์สวยๆ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นโดนๆ เนื่องจาก Leica M10-P “Bold Grey” เป็นกล้องที่ถูกพัฒนาต่อมาจาก Leica M10 การออกแบบตัวกล้องและเลนส์ Summicron-M 1:2/35 ASPH lens สีเทาแอนทราไซต์ ปุ่มกด anodized สีแดง จึงคงความคลาสสิก ซ่อนความเท่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งเทคเจอร์ของตัวกล้องยังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปใช้กล้องรุ่นก่อนๆ ที่เป็นลายหนังสีด้าน นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่เหลือมีกล่องหนังและสายคล้องคอสีเดียวกับตัวกล้อง แถมตัดความรู้สึกด้วยการเย็บด้วยด้ายสีแดง ยังทำให้ผู้ใช้งานดูเป็นแฟชั่นนิสต้าไปในตัว เสมือนคนที่ใส่เสื้อผ้าแบบคุมโทน
ความโดดเด่นเมื่อเราถือกล้อง Leica ออกไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยความที่ดีไซน์และสีสันจะดูเรียบง่าย แต่คงความเนี้ยบและสวยงาม เพราะเป็นงานประกอบมือที่ high quality พิถีพิถันสุดๆ จึงทำให้บุคลิกของคนที่ถือกล้องดูมีเสน่ห์น่าค้นหาไปโดยปริยาย แถมคุณภาพของภาพที่ได้ออกมายังมีลักษณะเฉพาะตัวแบบฉบับ Leica ทั้งขนาดภาพฟูลเฟรม ได้ภาพที่คมชัด และลูกเล่นที่กล้องทั่วไปทำไม่ได้ก็เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทุกคนยอมรับ โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายออกมาแล้วมีโบเก้สวยๆ ก็ยิ่งทำให้เรากลายเป็นนักถ่ายภาพมืออาชีพได้ง่ายๆ ซึ่งการปรับฟังก์ชั่นที่ถือว่าใหม่ของตระกูล M-Series คือหน้าจอที่เป็นแบบทัชสกรีนรุ่นแรก จึงสะดวกต่อการใช้งาน แถมยังถูกใจนักสะสมกล้อง Leica ไปแบบเต็มๆ
___
2.ขวดกระดาษ “Tetra Top®” จากแบรนด์ Tetra Pak
จับๆ ถือๆ ของใช้กันมาพอแล้ว ถึงเวลาของอาหารและเครื่องดื่มกันบ้าง เราว่าหลายคนคงเคยเห็นผ่านตากันแล้ว กับบรรจุภัณฑ์แบบต่างๆ ทั้งกล่องนมรูปร่างสะดุดตา สีสันสุดน่ารัก แต่ก็คงยังไม่รู้ว่ามีที่มายังไง บอกเลยว่า.. ขวดหรือกล่องนมที่เราเห็นส่วนมากในตลาดนั้นผลิตโดยแบรนด์ Tetra Pak (เต็ดตรา แพ้ค) ที่ตอนนี้เปิดตัวขวดกระดาษรุ่นใหม่ร่วมกับแบรนด์ mMilk ซึ่งบรรจุนมแบบพาสเจอร์ไรส์ หลากหลายชนิดออกสู่ตลาดไทยเป็นครั้งแรก
นอกจากรูปร่างหน้าตาขวดกระดาษ Tetra Top® จะดูดีชวนให้ใช้แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อคนถือรอบด้านสุดๆ เนื่องจาก Tetra Pak เป็นผู้นำด้านการผลิตและบรรจุอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มแบบครบวงจร จึงใส่ใจเรื่องการปกป้องอาหาร ปกป้องผู้คน และปกป้องอนาคต เรียกง่ายๆว่า “ปกป้องทุกคุณค่า” หรือ PROTECTS WHAT’S GOOD ก็ว่าได้
ด้วยการคำนึงถึงประโยชน์รอบด้านนี้เอง ขวดกระดาษรุ่น Tetra Top® ที่ออกมาใหม่จึงจุดประกายที่มาของแคมเปญ TOP OF THE FEELINGS ผ่าน 3 Keys Product Details อย่าง Top of Trust เชื่อมั่นในความสะอาดและสดใหม่ของนม เพราะบรรจุภัณฑ์จะคงคุณค่าของสารอาหารที่มีได้ครบถ้วน (แต่นมพาสเจอร์ไรซ์ควรเก็บในตู้ เย็นนะ!) ต่อมาคือ Top of Coolness ที่สุดของฟังก์ชันใช้งาน ที่ถือดื่มง่าย ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงสีสันที่ดูน่าค้นหา เนื่องจากกระดาษสร้างสีสันและลวดลายได้ชัดเจน แถมดูแพง Top of Caring นอกจากการได้ดื่มและได้ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแก่ตนเองและคนที่เรารักแล้ว การเลือกขวดกระดาษยังเป็นการใส่ใจแคร์โลกด้วย เพราะเมื่อดื่มหมดสามารถแยกส่วนด้านบนที่เป็นพลาสติกออก ก็จะเหลือด้านล่างที่เป็นกระดาษ ซึ่งได้มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ที่ผ่านการจัดการอย่างรับผิดชอบ และได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ FSC TM (Forest Stewardship Council™) แถมหากจัดเก็บอย่างถูกวิธีก็สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด แถมในขั้นตอนการผลิต ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 74%
ใครที่มีหัวใจเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติคงปลื้มกับผลิตภัณฑ์นี้มาก เพราะไม่ใช่แค่เท่และคูลอย่างมีสไตล์ แต่ยังใส่ใจโลกที่เราอยู่ด้วย
ทำความรู้จัก Tetra Top ได้ที่ https://www.
___
3.Bluetooth Tracker “Tile Pro”
ถ้าคุณเองเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหากับการลืมสิ่งของในชีวิตประจำวันเป็นประจำ (ถ้าไม่นับโทรศัพท์) จนบางครั้งเพื่อนก็แซวขำๆ ว่า “ทำไมไม่ลองโทรหาของสิ่งนั้นดูหละ” เมื่อก่อนก็อาจจะเป็นเรื่องขบขัน แต่ปัจจุบันใช้โทรศัพท์ตามได้แล้วนะจ๊ะ ใครจะคิดว่าจะมีอุปกรณ์ที่เป็นเสมือนเพื่อนช่วยจำ ช่วยหาของที่หายไปได้ง่ายดายขนาดนี้จริงๆ
ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึง Bluetooth Tracker หรือบางคนอาจจะรู้จักในชื่อ “พวงกุญแจอัจฉริยะ” ที่หลายคนเรียกแบบนี้อาจเป็นเพราะการทำงานที่ไม่ธรรมดาในหลายๆ ด้าน ความเจ๋งที่โดดเด่นไม่เหมือนใครก็เห็นจะเป็นตัวช่วยอัจฉริยะในการหาของได้แบบไม่มีใครเหมือน โดยเฉพาะรุ่น “Tile Pro” ที่หน้าตาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มุมทั้งสี่ด้านโค้งมน มีรูวงกลมสำหรับแขวนติดกับของที่เราชอบหาไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ ฯลฯ มีให้เลือกทั้งสีขาวและดำ
นอกจากขนาดจะจับถนัดมือแล้ว texture ที่ขรุขระยังสร้างความรู้สึกพิเศษ และมีลวดลายเพิ่มขึ้น ขนาดของอุปกรณ์ก็เล็กกะทัดรัด เหมาะที่จะไปติดกับอุปกรณ์ได้ทุกขนาด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ประสิทธิภาพในการทำงานของ Tile Pro จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เซลล์แบบเหรียญแค่หนึ่งก้อนเท่านั้น ซึ่งมีอายุการใช้งานนานถึง 1 ปีเต็ม
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพในการทำงานของ Pro เป็นอุปกรณ์ที่ฟังก์ชั่นถูกอัพเกรดแล้ว โดยเมื่อเราต้องการหาของที่หายไป Tile Pro จะแจ้งเตือนผ่านแอปฯ บนมือถือ เนื่องจากมีสัญญาณบลูทูธเชื่อม 2 อุปกรณ์ถึงกัน จึงสามารถบอกข้อมูลสถานที่ของของที่เรากำลังตามหาอยู่ โดยอุปกรณ์จะส่งเสียงดังขึ้น หากเราอยู่ใกล้ของที่กำลังตามหาในระยะ 300 ฟุต (ประมาณ91เมตร) แต่ถ้า Tile ไม่มีสัญญาณ ตัวแอปฯ ก็จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ และบอกว่าสถานที่เจอ Tile ครั้งสุดท้ายที่ไหน จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ขี้หลงขี้ลืม หรือวันๆ ต้องจำและทำงานหลายอย่าง อาจทำให้เผอเรอเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ได้ ดังนั้น Tile Pro จึงเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับทุกคนในยุคนี้ เพื่อให้เราใช้ชีวิตได้สบายขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าของจะหายอีกต่อไป
___
4.ผ้าเช็ดตัว จากแบรนด์ ETHOHOME
แม้แต่ละคนจะใช้เวลาจับของชิ้นนี้น้อยกว่าสามชิ้นแรก แต่รับรองว่าคุณต้องได้จับมันทุกวันแน่ๆ แต่บางคนกลับมองข้ามของสิ่งนี้ไป ทั้งที่เป็นสิ่งจำเป็นเวลาเราอาบน้ำ บางคนอาจจะคิดว่าใช้ผ้าเช็ดตัวแบบไหนก็ได้ แต่ถ้าลองได้รู้จักกับผ้าเช็ดตัว จากแบรนด์ ETHOHOME ต้องมีคนเปลี่ยนความคิดแล้วหันมาใช้ผ้าเช็คตัวที่มีคุณภาพมากขึ้นแน่นอน
คุณสมบัติของเนื้อผ้าถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา และนุ่มมาก แถมยังระบายอากาศได้ดีอีกด้วย นี่จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกผ้าเช็ดตัว จากแบรนด์ ETHOHOME เพราะเวลาเช็ดหน้า เช็ดตัวจะไม่ทำร้ายผิวหรือทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนที่เคยเช็ดด้วยผ้าเช็ดตัวแข็งๆ ความเรียบง่ายของเนื้อผ้าที่ไม่จำเป็นต้องเป็นขนก็ซึมซับน้ำได้ ยิ่งเป็นข้อดีที่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ผ้าเช็ดตัวให้ดูมีสไตล์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะจับหรือแขวนไว้ก็น่ามองสุดๆ
ด้วยคุณสมบัติที่ดี ซึ่งทำจากผ้าคอตตอนเส้นใยยาว จึงทำให้หลังใช้ผ้าเช็ดตัวแล้ว ผ้าจะแห้งง่ายกว่าแบบทั่วๆ ไป แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดราและแบคทีเรียบนเนื้อผ้าอีกด้วย ฟังก์ชันเยอะขนาดนี้จะให้ใช้ผ้าเช็ดตัวแบบเดิมๆ ต่อก็คงไม่ไหว ไหนจะเชื้อรา ไหนจะส่งผลเสียต่อผิว
เราเชื่อเหลือเกินว่าการได้ใช้เซ็ตผ้าผ้าเช็ดตัวเข้าคู่กับเช็ดหน้าสีเดียวกัน ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้มอง ได้ใช้ และได้สัมผัส นอกจากจะใช้เช็ดตัวแล้ว ใครจะคิดหละว่า… ผ้าเช็ดตัวยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ของแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นได้อีกด้วย ประโยชน์รอบตัวขนาดนี้ต้องเป็นเจ้าของสักผืนแล้ว!
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย