คุณยังจำครั้งสุดท้ายที่ได้ไปปิกนิกหรือเปล่า? เอาอย่างงี้ เราขอถามใหม่ดีกว่า ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้คุณมีโอกาสได้ไปปิกนิกหรือไม่? ถ้าให้ถามเรา เราขอบอกว่าเราไม่ได้มีโอกาสไปปิกนิกนานเป็นปีได้แล้วมั้ง โห…พอมานั่งคิดๆดูอีกทีก็น่าตกใจเหมือนกันแฮะ เวลาคนเราพูดว่า “ไปปิกนิก” จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ฟังเป็นเรื่องไกลตัวแต่อย่างใดเลย แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวเราเองกลับแทบจะไม่ค่อยได้ไปปิกนิกกับเขาเลย หรือเพราะไลฟ์สไตล์คนทำงานในเมืองแบบเรามันช่างยุ่งเหยิงเสียจนพอถึงเวลาเสาร์อาทิตย์เรามักรู้สึกขี้เกียจที่จะก้าวเท้าออกจากบ้าน และเลือกที่จะขอนอนตื่นสายไม่ทำอะไรเลยอยู่กับบ้านแบบไม่แคร์ใคร ก็ในเมื่อพวกเราต้องเหน็ดเหนื่อยกับการต้องตื่นแต่เช้าออกไปทำงานห้าวันติดแล้ว งั้นสำหรับวันหยุดเสาร์อาทิตย์แค่สองวันอันแสนมีค่า เราขอพักผ่อนแบบเต็มที่โดยอยู่กับบ้านก็แล้วกัน หรือถ้าจะให้ออก อย่างมากก็คงออกไปกินข้าว เดินเล่นดูของที่ห้างฯและดูหนังสักเรื่องตอนเย็น แต่…ถ้าเราลองสลัดความขี้เกียจออกไป และลองหากิจกรรมอะไรใหม่ๆทำในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สองวันนี้คงจะดูมีค่ามากขึ้น แถมพวกเรายังจะใช้เวลาให้มีประโยชน์มากกว่าเดิมอีกคุณว่ามั้ย? เพราะอาจกล่าวได้ว่า วันหยุด weekend สองวันในรอบสัปดาห์นี้ เป็นสองวันที่มีคนรอคอยมากกว่าวันไหนๆ เพราะเด็กๆเองก็ได้หยุด คุณพ่อคุณแม่ก็ได้หยุด หนุ่มสาววัยทำงานก็ได้หยุด แล้วอย่างนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับครอบครัวและกับแฟนสุดที่เลิฟของเรา แล้วหากิจกรรมสนุกใหม่ๆทำร่วมกัน เกริ่นมาซะขนาดนี้ทุกคนคงพอจะรู้แล้วล่ะว่าเรากำลังจะพูดถึงกิจกรรมอะไร
ถึงแม้ว่าอากาศบ้านเราจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยในเรื่องของสุนทรียะการไปนั่งปิกนิกสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับอากาศเย็นสบายๆและแสงแดดอ่อนๆของหน้าร้อนที่เมืองนอก แต่ก็ถือว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่กำลังดีในการไปนั่งเล่นปิกนิกสำหรับคนไทยทั้งหลาย เพราะอากาศในตอนนี้ที่กำลังจะเข้าหน้าหนาวของบ้านเราก็ถือว่ากำลังพอดีๆไม่ร้อนระอุเหงื่อไหลไคลย้อยจนเกินไป เราเชื่อว่าการห่อข้าวหรือเอาแซนด์วิชไปรับประทานกันข้างนอกบ้าน อาจไม่ต้องคิดไกลถึงขั้นต้องไปนั่งที่ปาร์คหรือชายทะเล แค่ปูเสื่อพร้อมกับของทานเล่นไต้ต้นไม้ต้นโปรดของคุณที่บ้านหรือบนสนามหญ้าในสวนหลังบ้าน (หรือจะหน้าบ้าน up to you) แค่นี้คุณก็ได้ใช้เวลาวันหยุดของคุณอย่างมีค่ากับคนที่คุณรักแล้ว สมัยตอนที่เรายังอยู่อังกฤษ เราได้มีโอกาสไปปิกนิกกับเพื่อนๆรวมทั้งแฟนของเราที่ปาร์คใกล้ๆบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นการไปนั่งปิกนิกที่สนุกและน่าจดจำมากที่สุด จำได้ว่าวันนั้นที่ปาร์คเขาได้จัดเทศกาลดนตรีขนาดย่อม มีกลุ่มวัยรุ่น คนหนุ่มสาว รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกๆตัวเล็กๆมาเที่ยวกันเต็มไปหมด โชคดีที่วันนั้นอากาศเป็นใจ เพราะแดดไม่แรง แถมฝนไม่ตก (อยู่อังกฤษนี่จะเดาไม่ค่อยได้ว่าฝนจะตกลงมาเมื่อไหร่) เรากับแฟนและเพื่อนๆก็หาพื้นที่ตรงสนามหญ้าที่คิดว่าเพอร์เฟคที่สุดและเริ่มปูเสื่อกัน หลังจากนั้นพวกเราก็เอาขนมนมเนย ของขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆพร้อมกับเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นไวน์หรือน้ำผลไม้ออกมารินดื่มกัน และหลังจากนั้นพวกเราก็นั่งชิลนอนชิล ถ่ายรูปและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับฟังเพลงจากเทศกาลดนตรี การไปนั่งปิกนิกนี่จริงๆแล้วแสนเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนั้นกลับมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่สามารถรวมคนเข้าหากันได้อย่างน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนสนิท คนที่เพิ่งรู้จัก ครอบครัว และ แฟน ให้รู้สึกสนิทสนมและเชื่อใจกันขึ้นมาอีกหลายระดับผ่านการนั่งทานอาหารหรือขนมง่ายๆบนเสื่อแค่ผืนเดียว แซนด์วิชที่ดูธรรมดาๆกลับกลายเป็นเหมือนอาหารสุดพิเศษที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและคนรักท่ามกลางเสียงหัวเราะของพวกเราทุกคน คิดหวนกลับไปทีไรทำให้เราอมยิ้มทุกที
หลายคนคงมีความรู้สึกและติดภาพว่าการไปปิกนิกนี่เป็นอะไรที่ดูศิวิไลซ์และดูฝรั๊งฝรั่งเหลือเกิน ซึ่งก็จริงอยู่ เพราะเวลาเราดูหนังหรือซีรีย์ฝรั่ง โดยเฉพาะหนังหรือซีรีย์จากฝั่งอังกฤษ์หรืออเมริกานี่จะเห็นซีนที่พระเอกนางเอกไปนั่งปิกนิกในปาร์คบ่อยมาก การไปปิกนิกจริงๆแล้วก็คือวัฒนธรรมของฝั่งตะวันตกดีๆนี่เองถึงแม้ว่าทุกวันนี้วัฒนธรรมการไปปิกนิกจะกลายเป็นอะไรที่ universal ไปแล้วก็ตาม แต่คุณเคยสงสัยมั้ยว่าคำว่าปิกนิกหรือวัฒนธรรมของการไปปิกนิกนี่จริงๆแล้วเริ่มแรกมาจากประเทศอะไรและยุคสมัยไหน สำหรับการใช้คำว่าปิกนิกเป็นครั้งแรกนี่คงต้องย้อนกลับไปประมาณสามร้อยกว่าปีก่อนในปี ค.ส. 1692 กันเลยทีเดียวในหนังสือของ Tony Willis ที่มีชื่อว่า “Origines de la Langue Française” หรือ “ต้นกำเนิดของภาษาฝรั่งเศส” ที่ได้พิมพ์คำว่า “pique-nique” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คำๆนี้ได้ถูกใช้ให้เป็นคำอธิบายถึงกลุ่มคนที่ชอบพกไวน์มากันเองเวลารับประทานอาหารตามร้านอาหาร ส่วนการที่คนฝรั่งเศสในสมัยนั้นเริ่มใช้คำว่า pique-nique ได้ยังไงนั้นยังหาหลักฐานที่แน่ชัดไม่ได้ แต่มีความเป็นไปได้ที่คนสมัยนั้นเอาคำว่า “pique” ที่แปลว่า “pick” (การเลือก) หรือ “peck” (การหอมแก้มเบาๆ) มาใช้กับคำว่า “nique” ที่ไม่มีความหมายอะไรนอกจากให้เกิดเสียงคล้องจองแค่นั้นเอง ส่วนการสะกดของคำว่า “picnic” ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น ปรากฏเป็นครั้งแรกในจดหมายภาษาอังกฤษของ Lord Chesterfield ในปี ค.ส. 1748 ที่ได้เชื่อมโยงคำนี้กับการเล่นไพ่ การดื่ม และการพูดคุย ซึ่งก็คงดัดแปลงมาจากคำ pique-nique ของภาษาฝรั่งเศสนั่นแหละ แต่คำว่า “picnic” ได้รับการใช้อย่างเป็นทางการจริงๆก็ประมาณศตวรรษที่ 19 โดยมีกลุ่มผู้ดีจากลอนดอนตั้งกลุ่ม “Picnic Society” ขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มเวลามาร่วมงานเลี้ยงอย่างน้อยจะต้องเอาอาหารที่ตัวเองทำมาจากบ้านมาร่วมที่งานเลี้ยงด้วยเพื่อแสดงถึงการเป็นส่วนร่วมในงาน กลุ่ม Picnic Society นี้ถือว่าค่อนค่างมีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนตอนหลังกิจกรรมและวัฒนธรรมของคำว่าปิกนิกเลยกลายเป็นที่นิยมในสังคมชั้นสูงของอังกฤษ
นอกจากนี้ในวงการศิลปะสมัยนั้น ศิลปินหลายๆคนมักเพ้นท์ภาพกลุ่มคนออกไปปิกนิกกันตามสวนสาธารณะ อย่างเช่นภาพวาดสีน้ำมันอันโด่งดังของจิตรกรสมัยยุคอิมเพรสชันนิสม์อย่างเอดัวร์ มาแน (Édouard Manet) ที่มีชื่อว่า “Le déjeuner sur l’herbe” หรือ “อาหารกลางวันบนลานหญ้า” ในปี 1862 หรือจะพวกภาพวาดทิวทัศน์ของยุคโรแมนติกซิสม์ในอเมริกา ที่ศิลปินมักนิยมวาดภาพกลุ่มคนออกไปปิกนิกตามริมแม่น้ำและทิวทัศน์ธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมของการได้ไปนั่งปิกนิกชมวิวข้างนอกบ้าน กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนสมัยนั้น
คราวนี้เราขอ fast forward มาที่ยุคปัจจุบันกันเลยดีกว่า เพราะถ้าจะให้ท้าวความประวัติและความเป็นมาของวัฒนธรรมปิกนิกทั้งหมดคงจะอีกยาว แต่ถ้าจะให้ถามคนสมัยนี้ว่า “ปิกนิก” ในความหมายของพวกเขาคืออะไร เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะต้องตอบว่า ปินิก คือการพากันออกไปพักผ่อนเอาอาหารง่ายๆไปทานที่สวนสาธารณะ โดยเอาเสื่อผืนหนึ่งไปปู และนั่งกินดื่มกันชิลๆชมนกชมไม้แบบไม่เร่งรีบ แน่นอนว่าการออกไปปิกนิกสำหรับแต่ละคนจะต้องแตกต่างกันออกไปไม่มากก็น้อย บางคนอาจจะใช้เวลาทำอาหารง่ายๆนำติดตัวออกจากบ้านและนัดสถานที่เจอกันกับเพื่อนๆ พูดคุยหัวเราะกันอย่างออกรสออกชาติ บางคนอาจจะชอบไปปิกนิกกับครอบครัว โดยมีคุณแม่ทำแซนด์วิชง่ายๆใส่กล่องทัพเพอร์แวร์พร้อมกับเตรียมน้ำผลไม้ไปดื่ม ส่วนคุณพ่อก็เตรียมกีต้าร์ตัวโปรดไปดีดเพลงเล่นให้ลูกๆฟัง หรือบางคนอาจจะรักอิสระและความเป็นส่วนตัวมากๆเลยจัดชุดปิกนิกไปนั่งกินลมเล่นๆพร้อมกับเอาหนังสือไปอ่านสักเล่มคนเดียว อันนี้ก็ไม่ว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องคิดเป็นอันดับแรกๆเหมือนกันหมดก็คือ “สถานที่ไปปิกนิก” สถานที่ยอดฮิตที่ทุกคนจะต้องนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น “สวนสาธารณะ” ดังนั้นเราเลยลองรวบรวมสถานที่ในกรุงเทพฯที่คนกรุงเทพฯเขานิยมไปปิกนิกกันแบบคร่าวๆ ได้แก่สวนสาธารณะดังๆเช่น
1. สวนรถไฟ
2. สวนลุมพินี
3. อุทยานเบญจศิริ
4. สวนวชิรเบญจทัศ
5. สวนเบญจกิติ
6. สนามหลวง
7. สวนนาคราภิรมย์
8. สวนจตุจักร
สวนสาธารณะเหล่านี้คงจะตอบโจทย์ให้กับคู่รักและครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะแต่ละคนสามารถหาเสื่อไปปูและนั่งทานอาหารภายใต้ต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่น ช่างโรแมนติกและได้บรรยากาศไม่แพ้เมืองนอกเลยจะบอกให้ หรือถ้าคุณอยากไปปิกนิกริมชายหาด หรือจะชวนเพื่อนๆมาปิกนิกที่ระเบียงบ้านของคุณ อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน
พูดถึงเรื่องสถานที่กันไปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ สิ่งของรวมทั้งอาหารยอดฮิตที่คนรักการปิกนิกเขานิยมเอาไปกัน จะมีอะไรบ้างมาดูกันดีกว่า
ของใช้:
1. ตะกร้าปิกนิก
2. กล่องอาหารทัพเพอร์แวร์
3. ช้อน ส้อม (จะแบบเป็นพลาสติกหรือแบบสแตนเลสก็ได้แล้วแต่คุณ)
4. กระดาษแนปกิ้น
5. แก้วน้ำ
6. ที่เปิดขวด/ที่เปิดไวน์
7. เสื่อปู/ผ้าคลุมโต๊ะ
8. ครีมกันแดด
9. ถุงพลาสติกเผื่อใส่ขยะ
อาหาร/ของทานเล่น/เครื่องดื่ม:
1. แซนด์วิช
2. แฮมเบอร์เกอร์
3. ไก่ทอด
4. แคร็กเกอร์
5. ช็อกโกแลต
6. ขนมถุง
7. เค้กโรล หรือ เบเกอรี่อื่นๆ
8. ผลไม้ อย่างเช่น องุ่น แอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี
9. น้ำดื่ม/น้ำผลไม้/น้ำอัดลม
10. ไวน์แดง/ไวน์ขาว
สำหรับทั้งสองลิสต์นี้ขอบอกว่าเป็นแค่ลิสต์ที่รวบรวมของและอาหารยอดฮิตในการไปปิกนิกโดยรวมของคนส่วนใหญ่เท่านั้น เพราะแน่นอนว่า การจัดของและอาหารไปนั่งปิกนิกของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องอาหารนี่ เราแนะนำว่าควรเอาอาหารและขนมขบเคี้ยวที่สามารถทานและหยิบง่าย ไม่ทำให้เลอะมากไปทานตอนระหว่างปิกนิกจะดีที่สุด ส่วนของอื่นๆที่คุณอยากเอาไปส่วนตัวก็แล้วแต่คุณเลย จะเอาหนังสือหรือนิตยสารไปอ่านเล่นเพลินๆก็ได้ หรือถ้าอยากจะสร้างบรรยากาศอันครื้นเครงหน่อย ก็เอากีต้าร์ไปนั่งดีดเพลงสักตัว หรือจะเอาลำโพงขนาดพกพาที่เสียบเชื่อมกับไอพอดหรือมือถือเปิดเพลงฟังก็ยังได้ พูดถึงการฟังเพลงแล้ว ไอเดียดีๆอีกอย่างที่เราอยากแนะนำก็คือ ลองทำ playlist สัก 10-20 เพลง ที่คุณคิดว่าเข้ากับบรรยากาศการไปปิกนิกขึ้นมาก็เป็นอะไรที่เก๋ดี หรือถ้าอยากเพิ่มลูกเล่นการไปปิกนิกของคุณให้สนุกมากขึ้น คุณจะคิดธีมในการจัดปิกนิกของคุณก็ยังได้เลย เพราะสไตล์การไปปิกนิกนั้นมีหลายรูปแบบต่างๆกันไปของแต่ละประเทศ ไหนจะมีปิกนิกสไตล์อังกฤษ ปิกนิกสไตล์อเมริกัน ปิกนิกสไตล์ญี่ปุ่น หรือจะปิกนิกแบบสไตล์ไทยๆเราก็เท่ไปอีกแบบ
ถ้าคุณกำลังคิดหากิจกรรมอะไรใหม่ๆทำในวันหยุดเสาร์อาทิตย์กับครอบครัวหรือคนรัก การไปปิกนิกจึงถือว่าเป็นกิจกรรมที่เพอร์เฟคที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ทั้งประหยัด เรียบง่าย และมีประโยชน์แล้ว คุณยังจะได้ไปผ่อนคลาย เติมเต็มความสดชื่นให้กับตัวเองในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ แถมยังได้สร้างความชิดใกล้ระหว่างคุณกับคนรัก และสมาชิคทุกคนในครอบครัวของคุณให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย
Have a fabulous picnic everyone!
Writer: Thip S. Selley
Image by: thelittlehouseinthecityblog , withlovefromkat, thatbohemiangirl.tumblr, flickr
RECOMMENDED CONTENT
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2563 กระแสรักสุขภาพ เป็นหนึ่งกระแสที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญและใส่ใจกันอย่างมาก ภาพยนตร์โฆษณาชุด “Bok choy” ถือเป็นภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่จาก สสส. ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งในและนอกประเทศในขณะนี้