CRG ลั่นกลองชิงเม็ดเงินธุรกิจร้านอาหาร งัดกลยุทธ์ Transform from Operator to Innovator เร่งรายได้พุ่งก้าวกระโดด เพิ่มแชร์ฟู้ดเชนแสนล้าน ประกาศปีนี้จัดเต็มเสริมพอร์ตผุดร้านอาหาร 2 แบรนด์ใหม่ “อร่อยดี” เจาะสตรีทฟู้ด เมนูเด็ดเริ่มต้น 59 บาท ขณะที่ดัน “สุกี้เฮาส์” ฉีกแนวร้านสไตล์เดิม เล็งขยาย 10 สาขา พร้อมขายแฟรนไชส์ปูพรมยึดทุกทำเลกวาดลูกค้า เดินหน้ารุกบริการ Multi-brand Delivery เต็มรูปแบบ ต่อยอด “1312” สู่ช่องทาง Omni Channel ด้วยแอพพลิเคชั่นเหนือชั้น “CRG 1312” สั่งอาหาร จองร้าน เบ็ดเสร็จ เผยโฉม Online Virtual Stores งัดฟอร์แมตใหม่เขย่าตลาด Hub Model
ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group) หรือ ซีอาร์จี เปิดเผยทิศทางขยายธุรกิจในปี 2562 ว่า บริษัทเร่งเดินหน้ารุกสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารที่มีเม็ดเงินมากกว่า 410,000 ล้านบาท โดยปีนี้กำหนดแผนงาน Let’s Make The Jump ต่อยอดจากปี 2561 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแผนงาน Let’s Success Together สามารถผลักดันรายได้เติบโตรายได้สูงประมาณ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย ซึ่งเติบโตเพียง 4-5% เป็นผลจากการเร่งขยายสาขา ความสำเร็จในออกสินค้าใหม่ การพัฒนาบริการและการทำการตลาดเพิ่มยอดขาย
สำหรับปี 2562 คาดการณ์ตลาดธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยจะขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3-5% ต่อปี จากการเร่งขยายสาขาของผู้เล่นทุกค่ายและการเข้ามาเปิดร้านอาหารของผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food chain restaurant) ที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 และแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างงัดกลยุทธ์การแข่งขันเชิงรุกอย่างร้อนแรง เพื่อเจาะตลาดหวังขยายฐานลูกค้าทุกเซกเมนต์
และที่สำคัญ ซีอาร์จีเตรียมงัดหมัดเด็ดตอกย้ำการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง หวังเติบโตแบบก้าวกระโดด เน้นกลยุทธ์ Transform from Operator to Innovator – นอกเหนือจากการเป็นผู้รับสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์แล้ว ยังมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ พัฒนา new product line เพื่อสร้างยอดขาย และเพิ่มโอกาสการบริโภคใหม่ๆ และพัฒนารูปแบบร้านค้าใหม่ๆ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เช่น ร้านค้าขนาดเล็กสไตล์คาเฟ่และร้านสไตล์ Mobile unit ที่เข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้นและเคลื่อนย้ายตามจุดทำเลที่มีศักยภาพได้ตลอดเวลา
รวมไปถึงการพัฒนาแบรนด์ และการมีแบรนด์ของตัวเอง จากปัจจุบันมีแบรนด์ร้านอาหารในเครือ 11 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท, เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง, โคล สโตน ครีมเมอรี่, เดอะ เทอเรส, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ มีการปรับคอนเซ็ปต์แนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น สร้างความตื่นเต้นดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น ตอกย้ำจุดแข็งด้านคุณภาพอาหาร ความอร่อย ความหลากหลาย และบริการที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังคงพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย กลุ่มนักลงทุนใหม่ และกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทำธุรกิจร่วมกัน
ล่าสุด บริษัททุ่มงบเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ “อร่อยดี” (Aroi Dee) และ “สุกี้เฮาส์” (Suki House) โดย “อร่อยดี” เป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยตามสั่งที่มีจุดขายคือ สะอาด–สดจากเตา–เย็นสบาย–ในราคาที่เข้าถึงได้ นำเสนออาหารที่พัฒนาสูตรเฉพาะโดยเชฟที่มากประสบการณ์ของซีอาร์จี จัดเต็มเมนูเด็ดๆ เช่น ข้าวไข่ข้น ข้าวกระเพราไก่สับ–ไข่กรอบ เส้นจันทน์ผัดไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาท โดยลูกค้าสามารถรับประทานที่ร้าน สั่งกลับบ้านหรือใช้บริการดีลิเวอรี่ได้ ล่าสุด ร้านอร่อยดีเปิดแล้ว 3 สาขาที่สีลมซอย 32, ปั้ม ปตท. สายไหม และ ไทวัสดุ บางนา ซึ่งซีอาร์จีมีแผนขยายอย่างน้อย 10 สาขาในปีนี้ โดยหวังให้ร้านอร่อยดี เป็นทางเลือกให้ลูกค้าสามารถทานอาหารที่อร่อย สะอาด คุ้มค่า ได้ทุกวัน และมีแผนเปิดขายแฟรนไชส์ เพื่อเร่งเครื่องปูพรมสาขาภายในปีนี้ด้วย
ส่วน “สุกี้เฮาส์” เป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่างในตลาดร้านสุกี้ เน้นบรรยากาศความสนุกสนานให้กลุ่มลูกค้า เพื่อฉีกแนวการกินสุกี้แบบเดิมๆ โดยจะประเดิมเผยโฉมสาขาแรกในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะปลุกความตื่นเต้นให้ตลาดและกลุ่มลูกค้าที่นิยมอาหารแนวสุกี้ นอกจากนั้น มีแผนเปิดแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions หรือ M&A) และการหาพาร์ทเนอร์รายย่อย เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันสร้างกิจการร้านอาหารแนวใหม่ๆ
ขณะเดียวกัน ในตลาดต่างประเทศ ซีอาร์จีกำหนดยุทธศาสตร์การสร้าง “ฮับ” เจาะตลาดอาเซียน โดยเน้นการขยายเชนร้านอาหารเจาะกลุ่มตลาดกลางและตลาดแมส ภายใต้แบรนด์กลุ่มร้านอาหารไทยและเปิดขาย แฟรนไชส์แบรนด์ที่มีศักยภาพ รวมถึงการ M&A กับแบรนด์ในประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นรากฐานต่อยอดธุรกิจ
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2562 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งรายได้และกำไร อัตราเติบโตมากกว่า 12% จากปี 2561 ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 10% และตั้งเป้าซีอาร์จีจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 9% ของตลาดเซกเมนต์ร้านอาหารเครือข่ายหรือ Food Chain ที่มีมูลค่ามากกว่า 140,000 ล้านบาท
“ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทรุกสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะดูชะลอตัว แต่ยังคงเติบโตดีอยู่ ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และที่สำคัญคู่แข่งในกลุ่มฟู้ดเชนรายใหญ่กระโดดลงแข่งขันเจาะตลาดแมสมากขึ้น ซึ่งซีอาร์จีเชื่อมั่นว่าทุก แบรนด์สามารถเป็นกำลังหลักในการผลักดันรายได้ โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น เคเอฟซี, โอโตยะ, มิสเตอร์ โดนัท และกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น ทั้ง เปปเปอร์ ลันช์, โยชิโนยะ, คัตสึยะ และเทนยะ ซึ่งมีอัตราเติบโตสูงถึง 29% ยอดขายพุ่งทะลุระดับ 1,000 ล้านบาท”
ด้าน ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด ซีอาร์จี กล่าวว่า บริษัทจะรุกขยายบริการ Multi-brand Delivery เต็มรูปแบบ หลังเปิดตัวบริการใหม่ “1312 สั่งครั้งเดียว อร่อยหลายร้าน” จัดส่งมื้ออร่อยให้ลูกค้าจากแบรนด์ร้านอาหารในเครือซีอาร์จีทั้ง 11 แบรนด์ ในการสั่งอาหารเพียงครั้งเดียวและจ่ายค่าบริการจัดส่งเพียงครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การขายเหนือคู่แข่งในตลาด โดยปีนี้จะขยายเข้าสู่ช่องทาง Omni Channel ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหาร ทั้งกลุ่มซีอาร์จี รวมถึงการจองร้านอาหาร และออเดอร์ต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น “CRG 1312” คาดจะเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายนนี้
ขณะเดียวกัน จะพัฒนาฟอร์แมทใหม่ที่เรียกว่า Online Virtual Stores รวมแบรนด์ร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดชื่อดัง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่างในตลาด โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแอพลิเคชั่นได้ และเตรียมเปิดแพลตฟอร์มใหม่ Hub Model เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการดีลิเวอรี่ สร้างจุดแข็ง ตอบรับตลาดดีลิเวอรี่ที่เติบโตสูงมากในขณะนี้
“การเปิดตัวดีลิเวอรี่ 1312 เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาผลักดันยอดขายช่องทางดีลิเวอรี่เติบโตมากกว่า 20% และตลาดดีลิเวอรี่กลุ่มอาหารมีแนวโน้มเติบโตสูง 10-15% ต่อปีตามเทรนด์การบริโภคของกลุ่มลูกค้า ซึ่งซีอาร์จีมีจุดแข็งในแง่การจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ระดับ Key Food Aggregator ทั้ง Grab Food, Line Man และ Food Panda รวมทั้งจะขยายพันธมิตรเพิ่มขึ้น เพื่อเจาะตลาดดีลิเวอรี่และเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์”
RECOMMENDED CONTENT
กุชชี่นี่มันกุชชี่จริงๆ! ล่าสุด Gucci ได้กลับมาพร้อมกับแคมเปญ Gucci Gift Giving Collection ต้อนรับบรรยากาศ Festive ช่วงปลายปีแบบนี้ โดยปีนี้ มาในธีม 'Gucci Holiday Office Party' ที่จำลองออฟฟิศยุค 80s ในช่วงก่อนเวันหยุดยาวที่เหล่าพนักงานพร้อมสำหรับปาร์ตี้แสนคึกคัก ซึ่งไอเดียเก๋ๆ ของ Gucci ยุค 4.0 อย่างนี้ ไม่บอกก็คงพอเดากันได้ว่ามาจากใคร ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ อเล็ซซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) คนดีคนเดิมนั่นเอง