หลังจากที่ทาง Nike เขาทำ “Nike+Fuelband SE” อุปกรณ์ Tracker Fitness หรือเรียกง่ายๆก็คือเครื่องวัดระยะทางขณะที่เราออกกำลังกาย ออกมาข่มกันยกใหญ่ คงเป็นเรื่องแปลกๆใช่ไหมที่แฟนๆ Adidas ทั้งหลายต้องข้ามค่ายไปเสียตังค์ให้กับยี่ห้ออื่น คราวนี้ถึงคราวเฮของพวกคุณแล้ว เมื่อ Adidas ออกมาเคลื่อนไหวอะไรในตลาดของเล่นแนวนี้บ้างให้พวกเราดูกัน
ผลงานชิ้นนี้คือ “Adidas miCoach SMART RUN SmartWatch” (เห็นไหมเอาแค่ชื่อก็คล้องหูกินขาดละ) ไอเทมชิ้นใหม่ที่ไม่ได้ใส่ข้อมือไว้เพื่อเก็บสถิติการออกกำลังกายของคุณอย่างเดียว แต่มันยังมีคุณสมบัติเป็นเหมือน Smart Watch นาฬิกาข้อมือที่มีดีไซน์เท่ๆอีกด้วย กับระบบ Android 4.1.1 ที่รองรับนาฬิกาเรือนนี้ สามารถวัดอัตราการเสียเหงื่อและความเหนื่อยของเราจากจังหวะการเต้นของหัวใจได้ นอกจากนั้นยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และการหาพิกัดด้วยระบบ GPS ด้วย แต่ถ้าเอาแค่บอกเวลาบอกชั่วโมงและระยะการออกกำลังกายของคุณมันยังน้อยไป ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ต้องฟังเพลงตลอดเวลาขณะออกกำลังกาย (เป็นเหมือนกัน) แบบที่เวลาไม่ได้ยินเสียงเพลงขามันเหมือนก้าวไม่ค่อยออก หมดแรงไปหมดใช่ไหม? เจ้านาฬิกาสุดไฮเทคของ Adidas เขารู้ใจเพิ่มระบบที่สามารถใส่เพลง mp3 เข้าไปในเครื่องได้ด้วย! มีรูเสียบหูฟังเสร็จสรรพ (สมมุติต่อให้ไม่ได้เป็นคนออกกำลังกายยังอยากใช้แล้วเลยเนี่ย) จะเท่ขนาดไหนถ้าในยุคสมาร์ทโฟนกันเกลื่อนเมืองแบบนี้ สมมุติเวลาออกไปวิ่งคุณไม่ต้องพึ่งเครื่องเล่น mp3 หรือแอปพริเคชั่นอะไรให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่นาฬิกาเรือนเดียวคุณก็มีสิ่งที่คนออกกำลังกายต้องการกันครบหมดแล้ว แถมพิเศษสุดๆยังสามารถควักมือถือรุ่นเก่าออกมาใช้ได้เท่ๆไม่ง้อแอปเหมือนใครๆอีกด้วย
ตอบโจทย์ซะขนาดนี้ ชักจะเริ่มอยากรู้แล้วล่ะว่าราคาของเล่นชิ้นนี้ Adidas เขาตั้งเอาไว้เท่าไร สำหรับคนที่สนใจสามารถสั่งซื้อออนไลน์วางขายวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ด้วยราคา $399 หรือเป็นเงินไทยก็ประมาณ 12,500 บาท แว่บแรกอาจจะดูเหมือนแพง กับแค่นาฬิกาดิจิตอลที่ตัวเรือนไม่ได้เป็นทองหรือเงินอะไรสักหน่อยต้องเสียเป็นหมื่นเลยเหรอ? แต่ถ้าลองคิดดูดีๆแค่คุณมีนาฬิกาเรือนนี้ใส่ติดข้อมือออกไปออกกำลังกายอย่างเดียว วิ่งตัวปลิวๆแต่มีเครื่องวัดระยะทางและแถมมีเพลงฟังด้วย อะไรจะดีไปกว่านี้อีก กับ “Adidas miCoach SMART RUN SmartWatch”
Credit: medgadget
RECOMMENDED CONTENT
ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดบ้านให้เราเข้าไปเยี่ยมชม Work Space ที่เชื่อในแนวคิด Open Innovation ซึ่งสนับสนุนการทำงานในโลกยุคใหม่ที่ไม่ต้องมีออฟฟิศประจำ แต่ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างอิสระใน Sharing Space ที่มีหลากหลายองค์กรอยู่ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดบทสนทนา เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ช่วยสร้างคอมมิวนิตี้ของคนทำงานเข้าด้วยกัน