เนื่องจากช่วงนี้คุณภาพอากาศในหลายจังหวัดของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก การออกเดินทางไปไหนมาไหนจึงทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวกนัก ถ้าใครกำลังคิดอยากแพ็คกระเป๋าไปท่องเที่ยวพักผ่อนโดยไม่ต้องใส่หน้ากากกันฝุ่นและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้หนำใจ อโกด้า ได้รวม 5 ประเทศน่าเที่ยวที่มีอากาศบริสุทธิ์ติดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยอ้างอิงจากรายงานผลคุณภาพอากาศของมหาวิทยาลัยเยล1 มาให้แล้ว
ออสเตรเลีย (คุณภาพอากาศ อันดับ 1)
จากการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยเยล พบว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์ที่สุดในโลก และ โฮบาร์ต (Hobart) เมืองหลวงของรัฐเกาะแทสเมเนีย ก็เป็นเมืองที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศ ด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นอ่าวขนาบด้วยเนินเขา แถมยังมีอาหารทะเลสดใหม่มากมายให้ลิ้มลอง เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้จึงเหมาะเป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวสำรวจธรรมชาติ รวมถึงชาดหาดอันสวยงามอีกหลายหาดที่แฝงตัวอยู่รอบเกาะ อโกด้าแนะนำที่พัก The Old Woolstore Apartment เพื่อดื่มด่ำกับอากาศอันสดชื่นที่มีตลอดทั้งปีเวลาไปผจญภัยที่รัฐแทสเมเนีย
เมื่อข้ามมาที่แผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลีย ก็ต้องไม่พลาดที่จะพูดถึงเมลเบิร์น (Melbourne) หนึ่งในเมืองใหญ่ของประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลายและแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ อีกทั้งยังไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการจัดกิจกรรม เพราะตารางอีเวนท์ของเมืองนี้แน่นตลอดทั้งปี ส่วนรัฐวิคตอเรีย (Victoria) ที่ได้ชื่อว่าเป็น รัฐแห่งสวน ก็มีสถานที่น่าสนใจทั่วเมืองให้เที่ยวชมจนลืมเหนื่อย แต่ถ้ารู้สึกอยากบริหารขยายปอด ลองเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงริมอ่าวที่เบย์ไซด์ (Bayside) หรือจะไปนอนรับลมทะเลที่ Beachside Port Melbourne ที่พัก Agoda Homes นี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
แคนาดา (คุณภาพอากาศ อันดับ 4)
อากาศในแทบทุกเมืองของประเทศแคนาดานั้นอยู่ในระดับที่ดีมาก เอื้อต่อการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ยกตัวอย่างแวนคูเวอร์ (Vancouver) เมืองนี้ไม่เพียงตั้งอยู่ติดอ่าวแต่ยังมีวัฒนธรรมทางทะเลที่สืบต่อกันมานาน ในตัวเมืองยังมีสวนสาธารณะสแตนลีย์ขนาดใหญ่ถึง 4 ตารางกิโลเมตร ให้ไปออกกำลังบริหารปอดท่ามกลางต้นไม้นานาพันธุ์ แวนคูเวอร์จึงเป็นชื่อที่คุ้นหูในหมู่คนที่ชอบทำออกไปกิจกรรมนอกบ้าน อีกทั้งไม่ไกลจากนอกเมืองก็มีทุ่งหิมะขนาดใหญ่หลายแห่งให้ไปเล่นสกีได้อย่างเพลิดเพลิน ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เคยไปเยือนเมืองหลวงของจังหวัดบริติช โคลัมเบียแห่งนี้ จึงล้วนติดใจอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
อโกด้าแนะนำ Best Western Capilano Inn and Suites ที่พักในเมืองที่ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวสำรวจรอบเมืองสะดวกสบายยิ่งขึ้น
บรูไน (คุณภาพอากาศ อันดับ 8)
แม้จะเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นักและมักถูกมองข้าม แต่บรูไน หรืออีกชื่อคือ ดินแดนแห่งความสงบสุข กลับเป็นประเทศที่วัดค่า PM2.5 ได้น้อยที่สุดในทวีปเอเชีย เพียงนั่งเครื่องบินจากประเทศเวียดนามประมาณสองชั่วโมง ก็จะได้พบกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์นานาชนิด ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนในส่วนอื่นของภูมิภาค และสถาปัตยกรรมอิสลามที่ล้วนงดงามน่าทึ่ง สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
อโกด้าขอแนะนำ The Fern Apartment สำหรับคนที่ชอบที่พักที่ให้ฟิลเหมือนอยู่บ้าน ภายในมีห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารกว้างขวาง และห้องประกอบอาหารแบบเปิด
สหรัฐอเมริกา (คุณภาพอากาศ อันดับ 10)
ด้วยพื้นที่ของประเทศที่ใหญ่โตกว้างขวาง สหรัฐอเมริกาจึงเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องยากหากเราต้องเลือกแนะนำเพียงแห่งเดียว ถึงกระนั้นเมืองพอร์ตแลนด์ (Portland) ในรัฐออริกอน (Oregon) ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนรักธรรมชาติควรไปเยือนสักครั้ง เกือบทุกด้านของเมืองมีป่าเรดวู้ดขนาดมหึมาโอบล้อมไว้ ส่วนฝั่งตะวันตกก็เป็นแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก แถมค่า PM2.5 ที่วัดได้ก็มักอยู่ในหลักสิบ เมืองนี้จึงมีอากาศที่สะอาด เหมาะกับการไปพักผ่อนและพักปอดเป็นอย่างยิ่ง
อโกด้ามีโรงแรม Staypineapple at Hotel Rose มาแนะนำสำหรับใครที่ชอบที่พักที่อยู่ในตัวเมือง
ญี่ปุ่น (คุณภาพอากาศ อันดับ 27)
นอกจากเกียวโตจะเป็นบ้านเกิดของพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ข้อตกลงว่าด้วยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่มีมรดกอันยาวนานแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ซึ่งใช้เวลาสำรวจเองได้ไม่ยาก เช่น วัดวาอารามที่สร้างขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน และสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้รับการดูแลตกแต่งอย่างสวยงามสม่ำเสมอ นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองอากาศดีที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมชม
สำหรับที่พัก อโกด้าแนะนำ Daiwa Royal Hotel Grande Kyoto โรงแรมที่มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเมืองแห่งวัฒนธรรมนี้ได้อย่างสะดวก
RECOMMENDED CONTENT
ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดบ้านให้เราเข้าไปเยี่ยมชม Work Space ที่เชื่อในแนวคิด Open Innovation ซึ่งสนับสนุนการทำงานในโลกยุคใหม่ที่ไม่ต้องมีออฟฟิศประจำ แต่ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างอิสระใน Sharing Space ที่มีหลากหลายองค์กรอยู่ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดบทสนทนา เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ช่วยสร้างคอมมิวนิตี้ของคนทำงานเข้าด้วยกัน