เมื่อเราได้ทราบข่าวว่า Albert Hammond Jr. มือกีต้าร์วง The Strokes วงอินดี้ร็อคขวัญใจคนหนุ่มสาวหลายๆคนจากอเมริกานั้นเพิ่งปล่อยอัลบั้ม EP “AHJ” ออกมาสดๆร้อนๆจากการติดตามข่าวสารของวงการเพลง เราก็ไม่รอช้าที่จะลองฟังเพลงจากอัลบัมนี้ดู เพราะส่วนตัวเราชื่นชอบเพลง “Hard To Live (In The City)” จากอัลบ้ัมเดี่ยวอัลบ้ัมแรกของเขาอย่าง “Yours To Keep” เมื่อปี 2006 แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้หวังว่าเราจะชอบหรือติดใจอะไรมากมายจากการลองฟังในครั้งนี้ตอนแรก (เพราะเดี๋ยวนี้เรามักรู้สึกผิดหวังเล็กๆจากการฟังเพลงจากผลงานชิ้นใหม่ๆของวงดนตรีที่เราชื่นชอบ เพราะเหมือนแต่ละวงพยายามที่จะฉีกแนวดนตรีเดิมๆที่แฟนเพลงต่างรักแล้วหันไปทดลองกับซาวด์ดนตรีใหม่ๆที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย) แต่เมื่อเสียงกีต้าร์ของเพลง “St. Justice” เพลงแรกจากอัลบั้มนี้ขึ้นเท่านั้นแหละ เราก็รู้เลยทันทีว่าเราไม่สามารถที่จะถอด headphones เราวางลงได้ถ้าเราไม่ฟังเพลงนี้จนจบ เพราะทั้งเสียงกีต้าร์ จังหวะกลอง และซาวด์ดนตรีโดยรวมมีกลิ่นของวง The Strokes จากยุคแรกๆอบอวลอยู่เต็มไปหมด ซึ่งทำให้เรามาตระหนักตอนนี้เองว่า ความคิดถึงที่เรามีต่อซาวด์ดนตรียุคแรกๆของวง The Strokes มีมากไม่ใช่น้อย และรู้สึกดีใจจริงๆที่ Albert Hammond Jr. ยังไม่ทิ้งซาวด์ดนตรีอันมีเอกลักษณ์นี้ไป
ห้าปีหลังจากอัลบั้มก่อนหน้าของ Hammond อย่าง “¿Cómo Te Llama?” เมื่อปี 2008 วง The Strokes ก็ได้ผลักตัวเองออกห่างจากซาวด์ดนตรีที่มีเสียงริฟกีต้าร์กวนๆและจังหวะกลองอันเป็นเอกลักษณ์ของวง แล้วหันไปทดลองกับซาวด์ดนตรีใหม่ๆซึ่งเสียงตอบรับที่ได้กลับมามีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ต่างจากอัลบั้มของวงในยุคแรกๆอย่าง “Is This It” (2001), “Room on Fire” (2003), และ “First Impressions of Earth” (2006) ที่ได้เสียงตอบรับดีสุดๆจากนักวิจารณ์และแฟนเพลง โดยเฉพาะอัลบั้มแรกอย่าง Is This It ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายและมีเพลงดังๆอย่าง “Hard to Explain”, “Last Nite” และ “Someday” ที่แฟนๆคอเพลงอินดี้ต้องรู้จักกันดี อัลบั้มนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของวง alternative อื่นๆและในวงการเพลงของยุคมิลเลนเนี่ยมต้นๆเลยทีเดียว แถมนิตยสาร Rolling Stone ยังยกให้อัลบั้มนี้อยู่ในอันดับที่ 199 ในลิสต์ “Rolling Stone’s 500 Greatest Albums of All Time” และอันดับ 8 ใน “Rolling Stone’s 100 Best Debut Albums of All Time” จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่วง The Strokes เคยเป็นวงที่อิทธิพลต่อวัยรุ่นและหนุ่มสาวที่เติบโตมาในช่วงยุคปี 2000 และทำให้กระแสแฟชั่นกางเกง skinny jeans และรองเท้า Converse ซึ่งเป็นลุคประจำวง กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าอัลบั้มอย่าง “Yours to Keep” (2006) และ “¿Cómo Te Llama?” (2008) ถือเป็นการตีความซาวด์ดนตรีของศิลปินยุคก่อนๆที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของ Hammond แล้วละก็ (John Lennon, Beach Boys, Bob Marley) อัลบั้ม EP “AHJ” นี้ก็ถือว่าได้แรงบันดาลใจที่จับต้องได้ง่ายหน่อย ซึ่งก็คือวง The Strokes ของเขาเองเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
หลังจากได้รับการรักษาตัวจากการติดโคเคนและเฮโรอีนเมื่อปี 2009 สำหรับอัลบั้ม EP “AHJ” นี้เหมือน Hammond ได้กดปุ่ม reset และทำการเริ่มต้นใหม่หมด โดยหันมาทำเพลงที่เรียกได้ว่า back to basics หรือกลับสู่สามัญ เพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา “การสร้างผลงานอะไรใหม่ๆสำหรับผมในช่วง 1-2 ปีแรกหลังออกมาจากสถานบำบัดเป็นอะไรที่ทำได้ช้ามาก ผมสับสนมากช่วงนั้น” Hammond กล่าว แต่หลังจากที่วง The Strokes เสร็จสิ้นกับการทำอัลบั้ม “Comedown Machine” เขาก็รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะกลับมาลุยทำอัลบั้มเดี่ยวอีกครั้ง “การไม่เมาและมีสติช่วยได้เยอะ ถึงแม้อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ผมมีความ creative มากขึ้น ผมรู้สึกโอเคที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผมรู้สึกสบายใจที่จะนั่งและร้องเพลงทำนองเพี้ยนๆก่อนที่จะได้ทำนองที่ใช่ ผมไม่ถือที่จะต้องผ่านขั้นตอนอะไรพวกนั้น”
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา Hammond ได้ปล่อยอัลบั้ม EP “AHJ” ออกมาแล้วภายใต้ค่ายเพลงของเพื่อนซี้อย่าง Julian Casablancas ที่ใช้ชื่อว่า Cult Records ถึงแม้อัลบั้มนี้จะมีแค่ห้าเพลงด้วยกัน แต่รับรองว่าสาวกของวง The Strokes ที่ยังคงคิดถึงซาวด์ดนตรีและเสียงกีต้าร์จากอัลบั้มยุคแรกๆของวงจะต้องชอบ เริ่มต้นด้วยเพลง “St. Justice” กับเสียงริฟกีต้าร์ใสๆชวนเพ้อฝันที่ฟังแล้วติดหูได้ไม่ยากบวกกับเสียงเบสหม่นๆ ทำให้นึกถึงสไตล์ดนตรีของวง The Strokes ในอัลบั้ม “First Impressions of Earth” ในปี 2006 ต่อมาด้วยเพลง “Strange Tidings” เพลงที่จะทำให้คุณนึกถึงเพลง “Hard to Explain” ของวง The Strokes จากอัลบั้ม “Is This It” โดยเพลงนี้ Hammond กำลังพูดถึงการที่เขาได้ผ่านช่วงเวลาแย่ๆของการติดยา “I can’t believe I lost my mind” หลังจากนั้นมาเปลี่ยนอารมณ์ให้สนุกขึ้นกับเพลงกวนๆอย่าง “Rude Customer” กับจังหวะกลองมันส์ๆและโซโล่กีต้าร์ตามแบบฉบับของ Hammond ส่วนเพลงเด่นอีกเพลงซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้มอย่าง “Cooker Ship” นั้นเต็มไปด้วยริฟกีต้าร์และเสียงเบสอันโดดเด่นที่ฟังแล้วจะทำให้คุณอยากกดปุ่ม repeat ฟังซ้ำๆไม่มีเบื่อ
Hammond เลือกที่จะปล่อยอัลบั้ม EP แทนอัลบั้มเต็มเพราะเขาอยากที่จะปล่อยผลงานที่ดีที่สุดของเขาเพียงเท่านั้น แต่เขาเองก็หวังไว้ว่าเขาจะได้ปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาในไม่ช้านี้ “ตอนนี้ผมก็กำลังทำเพลงใหม่ๆอยู่” เขากล่าว “แต่ผมรู้สึกว่าการปล่อยเพลงไม่กี่เพลงออกมาทุกๆ 3-4 เดือนอาจจะดีกว่าปล่อยอัลบั้มเต็มทุกๆ 1-2 ปีเสียอีก”
นอกจากจะเพิ่งออกอัลบั้ม EP แล้ว Hammond ก็กำลังเตรียมตัวสำหรับ U.S. solo tour ทัวร์เดี่ยวในรอบหลายปีที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เรียกได้ว่าเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างพร้อมสำหรับ Hammond ที่จะทุ่มเทสำหรับการทำงาน และจากที่ฟังเพลงในอัลบั้ม EP “AHJ” นี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าในที่สุดเขาก็สามารถปลดปล่อยและแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้เต็มที่ในฐานะนักดนตรีคุณภาพคนหนึ่ง ถือว่าเขาได้กลับมาแล้วอย่างเต็มตัวกับอัลบั้ม EP “AHJ” นี้ ถ้าคุณถือตัวเองเป็นแฟนเพลง old-school ของวง The Strokes อัลบั้มนี้ก็เหมือนเป็นของขวัญที่ Albert Hammond Jr. พร้อมที่จะมอบให้หายคิดถึง
Writer: Thip S. Selley
Image By: Rolling Stone
RECOMMENDED CONTENT
“ถ้าเธอได้รู้” (The Secret) - เพลงใหม่ล่าสุดจาก “SAFEPLANET” ที่กลับมาพร้อมกลิ่นอายดนตรีสดใหม่และฉีกกรอบเดิมมากขึ้น โดยหยิบเอาประสบการณ์ “แอบรัก” ที่คิดว่าหลายคนน่าจะเคยรู้สึกและพบเจอมาก่อน บอกเล่าผ่านเพลงช้าซึ้ง ๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอัดอั้น ในช่วงชีวิตที่เรารู้สึกดีกับใครสักคน